บทที่ 693 วิญญาณประกาศิต
บทที่ 693 วิญญาณประกาศิต
หวงฮุ่ยฮงนำกลุ่มของพวกเขาถอนตัวออกจากสนามรบอย่างรวดเร็ว เมื่อพวกเขาเข้าไปในป่าใกล้ ๆ ผู้ไล่ตามทั้งหมดก็หายตัวไป
หลายคนถอนหายใจด้วยความโล่งใจ แต่ซูอันยังคงสับสนและถามซ่างหง “ทูตยุทธ์เสื้อแพรทำหน้าที่แทนจักรพรรดิได้ไม่ใช่เหรอ? ทำไมไม่อัญเชิญราชโองการมาแทนที่จะวิ่งหนีหางจุกตูดแบบนี้เล่า?”
ภาพของพระราชโองการที่ลอยอยู่เหนือเมืองจันทร์กระจ่างยังคงชัดเจนอยู่ในความทรงจำของเขา กองทัพผ้าคลุมสีชาดสามพันคนในตอนนั้นถูกกำราบอย่างง่ายดาย ซึ่งถ้าเทียบในแง่ของความแข็งแกร่งโดยรวมแล้ว กองทัพผ้าคลุมสีชาดไม่ได้อ่อนแอไปกว่ากองทัพกบฏที่มีจำนวนมหาศาลนี้แน่นอน
ซ่างหงตอบกลับ “ข้าเดาว่าการอัญเชิญพระราชโองการนั้นไม่สะดวกนัก อาจต้องจ่ายราคามหาศาลทุกครั้งที่ทำเช่นนั้น”
“นอกจากนี้ ทูตยุทธ์เสื้อแพรยังมีอยู่เพื่อเป็นผู้ช่วยจักรพรรดิ หากจักรพรรดิต้องการจัดการด้วยตัวเองทุกครั้ง การดำรงอยู่ของพวกเขาจะมีประโยชน์อะไร? นี่อาจเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาจะไม่อัญเชิญพระราชโองการหากไม่มีเหตุจำเป็นอย่างยิ่ง”
การวิเคราะห์ของซ่างหงเพียงพอให้ซูอันเข้าใจอย่างคร่าว ๆ พระราชโองการเป็นเหมือนอาวุธนิวเคลียร์ มันถูกใช้เพื่อข่มขู่มากกว่า และไม่สามารถใช้ซ้ำได้ตามใจชอบ
หวงฮุ่ยฮงพ่นลมหายก่อนจะตวาด “ท่านซ่าง ข้าแนะนำว่าอย่าคาดเดามั่วซั่ว…”
ยังไม่ทันจบประโยค จู่ ๆ กระบี่ยาวหลายเล่มก็ผุดพุ่งออกมาจากพื้นด้านล่าง พวกมันเจาะทะลุท้องม้าไปยังทูตยุทธ์เสื้อแพรที่ขี่พวกมัน
ผู้โจมตีเหล่านี้มีจังหวะที่ไร้ที่ติ พวกเขารอให้ทูตยุทธ์เสื้อแพรเสียสมาธิกับคำพูดของซ่างหง และเริ่มโจมตีในเวลาที่เหมาะสม
แต่แม้จะไม่ได้เตรียมระวังตัวกันมาก่อน เหล่าทูตยุทธ์เสื้อแพรนั้นผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี พวกเขาทุกคนตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว ทุกคนกระโดดลงจากหลังม้าเพื่อหลบเลี่ยงการโจมตี แต่ทูตยุทธ์เสื้อแพรสองคนหนีไม่ทันถูกเสียบร่างทะลุพร้อมกับม้าของพวกเขา
ซูอันอ้าปากค้างเมื่อเห็นภาพนี้และเอามือปิดก้นตัวเองโดยไม่รู้ตัว
อย่างไรก็ตาม เหล่าทูตยุทธ์เสื้อแพรที่กระโดดลงจากหลังม้าทันก็ใช่ว่าจะพ้นจากวิกฤต มีวัตถุสีดำวาววับหลายอันฝ่าอากาศพุ่งเข้าหาพวกเขาอย่างรุนแรง
ดวงตาของซูอันหรี่ลง ไม่มีใครคุ้นเคยกับวัตถุสีดำเหล่านี้มากไปกว่าเขาอีกแล้ว! ในเมื่อเขาเกือบจะถูกมันเอาชีวิตในเมืองแผ่นฟ้าอุดร
เมื่อตอนนั้นเป็นกองทัพกบฏที่ต้องการให้ข้าตายงั้นเหรอ?
เหล่าทูตยุทธ์เสื้อแพรเริ่มกวัดแกว่งโซ่เกี่ยววิญญาณเพื่อเบี่ยงเบนทิศทางของลูกธนูที่พุ่งเข้ามาพลางกระโดดเรื่อย ๆ พยายามให้ร่างของพวกเขาอยู่กลางอากาศให้มากที่สุดเพราะความกลัวว่าจะถูกโจมตีจากใต้พื้นดิน
โชคร้ายที่การกระทำของพวกเขายิ่งเป็นโอกาสให้กับเหล่าภูตดำ เป็นที่รู้กันดีว่าเหล่าไภูตดำจะลงมือก็ต่อเมื่อแน่ใจว่าการโจมตีจะด้ผลมากที่สุด ดังนั้นพวกเขาจึงรั้งสายธนูรอเพื่อเตรียมยิงออกไปในยามที่เหล่าทูตยุทธ์เสื้อแพรกระโดดขึ้นเหนือพื้นอีกครั้ง
ในช่วงเวลาตัวลอยอยู่กลางอากาศ มันคือช่วงเวลาที่ทูตยุทธ์เสื้อแพรส่วนใหญ่ไม่สามารถหลบเลี่ยงการโจมตีได้
ไม่นานนักเสียงกรีดร้องอันน่าสลดใจก็ดังก้องกังวานลั่นไปทั้งป่า ทูตยุทธ์เสื้อแพรอีกสองคนเสียชีวิตไปด้วยลูกธนูสีดำสนิทเหล่านั้น
ที่เหลือสามารถหนีจากความตายได้สำเร็จ แต่ทุกคนล้วนได้รับบาดเจ็บ
หวงฮุ่ยฮงรวบรวมสมาชิกล้อมรอบรถม้าด้วยสีหน้าที่ย่ำแย่
มีสมาชิกทูตยุทธ์เสื้อแพรเพียงสิบคนเท่านั้นที่ออกเดินทางมาร่วมภารกิจนี้ พวกเขาสองคนเสียชีวิตอย่างลึกลับระหว่างการโจมตีที่โรงเตี๊ยม และอีกสี่คนเสียชีวิตในการซุ่มโจมตีครั้งนี้ เมื่อรวมตัวเขาเองแล้ว ขณะนี้เหลือสมาชิกทูตยุทธ์เสื้อแพรเพียงสี่คนเท่านั้น!
ศัตรูค่อย ๆ เปิดเผยตัวเอง ภูตดำหลายคนกระโดดขึ้นมาจากใต้ดิน ขณะที่สองสามคนกระโดดลงมาจากต้นไม้ที่อยู่ห่างไกล ทั้งหมดค่อย ๆ กระชับวงล้อมเข้ามาใกล้รถม้า
ซูอันนับจำนวนอย่างคร่าว ๆ ภูตดำมีทั้งหมดแปดคน เป็นชายห้าคนและผู้หญิงสามคน ทั้งหมดแต่งกายด้วยชุดดำและปิดบังใบหน้าเอาไว้ ดวงตาของพวกเขาต่างเป็นสีแดงแตกต่างไปจากมนุษย์
ซ่างหงกล่าวพลางถอนหายใจ “เหล่าภูตดำเป็นเลิศในศิลปะแห่งการลอบสังหารอย่างแท้จริง สามารถสังหารทูตยุทธ์เสื้อแพรเกือบครึ่งหนึ่งด้วยการซุ่มโจมตีเพียงครั้งเดียว ท่าทางวันนี้เราคงลำบากแน่ ๆ”
หวงฮุ่ยฮงมองดูเหล่าภูตดำที่กำลังเดินเข้ามาอย่างเย็นชา “ใครเป็นคนวจ้างพวกเจ้าให้ทำเช่นนี้! พวกเจ้าทุกคนไม่รู้เหรอว่าการปล้นหรือสังหารนักโทษขององค์จักรพรรดิโดยพลการเป็นความผิดที่มีโทษประหารชีวิตถึงเก้าชั่วโคตร!”
“เก้าชั่วโคตร?” ภูตดำคนหนึ่งพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา “บ้านเกิดของพวกข้าถูกทำลายโดยพวกเจ้าเผ่ามนุษย์ไปตั้งนานแล้ว! พวกข้าจะไปมีโคตรเหง้าถึงเก้ารุ่นได้ยังไง!?”
เมื่อพิจารณาจากความเกลียดชังในสายตาของอีกฝ่ายหนึ่งหวงฮุ่ยฮงรู้ว่าไม่มีทางหลีกเลี่ยงความขัดแย้งได้ เขาชั่งน้ำหนักกำลังต่อสู้ระหว่างกลุ่มของเขาและอีกฝ่ายอย่างเงียบ ๆ ศัตรูมีความได้เปรียบทั้งในแง่ของจำนวนและระดับการบ่มเพาะโดยเฉลี่ย
เขาพูดอีกครั้งด้วยเสียงเข้มแกมข่มขู่ “พวกเจ้าทั้งหลายควรเข้าใจว่าเราทำหน้าที่แทนองค์จักรพรรดิ เมื่อเราอัญเชิญพระราชโองการมา พวกเจ้าทั้งหมดจะต้องพินาศ!”
เขาไม่ต้องการใช้พระราชโองการเว้นแต่จำเป็นจริง ๆ การวิเคราะห์ของ ซ่างหงมีความแม่นยำไม่มากก็น้อย
“ราชโองการ?” ภูตดำหัวเราะอย่างดูถูก ดูเหมือนพวกเขาจะไม่ถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่
หวงฮุ่ยฮงขมวดคิ้วแน่น เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาคุกเข่าไปทางทิศตะวันออกโดยไม่ลังเล มือของเขากราบกรานด้วยความเคารพสูงสุด “องค์จักรพรรดิผู้เป็นเลิศในใต้หล้า ขณะนี้ผู้ใต้บัญชาของพระองค์ถูกเหล่าศัตรูกีดขวางเส้นทาง ขอพระองค์ได้โปรดประทานพระราชโองการแก่พวกเราด้วย…”
ซูอันรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้น ในที่สุดเขาก็จะได้เห็นอำนาจของพระราชโองการอีกครั้ง
แต่แล้วจู่ ๆ กลับมีเสียงชราเฒ่าดังขึ้น
“ลุกขึ้น!”
หวงฮุ่ยฮงที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นจู่ ๆ ยืนขึ้นโดยไม่ควบคุมได้เมื่อได้ยินเสียงคำสั่งนี้ซึ่งมันขัดจังหวะพิธีอัญเชิญพระราชโองการของเขา
สมาชิกทูตยุทธ์เสื้อแพรคนอื่น ๆ จ้องมองด้วยความสับสน พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมผู้บัญชาการของพวกเขาถึงลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหัน
หวงฮุ่ยฮงเองก็สับสนเช่นกัน
มีชายชราคนหนึ่งเดินออกมาจากป่าลึกอย่างช้า ๆ มีไม้เท้าอยู่ในมือ ย่างก้าวของเขาดูไม่มั่นคงจนหมือนจะล้มได้ทุกเมื่อ
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เคยเผชิญหน้ากับผู้เฒ่ามี่และเว่ยต้านมาแล้ว ซูอันก็ไม่กล้าดูถูกคนชราที่ดูอ่อนแออีกต่อไป คนชราทั้งหลายล้วนแล้วแต่เป็นจิ้งจอกเฒ่า พวกเขาชอบแกล้งทำตัวอ่อนแอเพื่อทำให้ศัตรูประมาท
อย่างไรก็ตาม ชายชราผู้นี้มีจุดสังเกตที่แปลกประหลาดอยู่อย่างหนึ่ง ที่เหนือกกหูทั้งสองข้างของชายชราผู้นี้มีเขางอกขึ้นมาด้วย เขาทั้งสองข้างนี้มีความคล้ายคลึงกับเขาของสัตว์กินพืชที่เขารู้จัก มันไม่ใหญ่โตอะไรนัก พวกมันคล้ายกับเครื่องประดับ แต่กลับแฝงไปด้วยพลังลึกลับ
หวงฮุ่ยฮงเริ่มร้อนรน เขาคุกเข่าลงบนพื้นเพื่อเริ่มพิธีอัญเชิญอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม คราวนี้เขาพูดเร็วกว่าเดิม
เมื่อก่อนเขาอาจมีท่าทางเชื่อมั่นในตนเอง แต่ตอนนี้ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก