บทที่ 694 ไร้ทางออก

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 694 ไร้ทางออก

บทที่ 694 ไร้ทางออก

ผู้เฒ่าชี้ไม้เท้าหัวมังกรในมือไปที่หวงฮุ่ยฮง “จงเงียบ!”

เสียงของหวงฮุ่ยฮงเงียบไปในทันที ปากของเขายังคงเคลื่อนไหวอยู่ แต่มันกลับไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาไม่ว่าจะพยายามสักเท่าไหร่

“บัดซบ เกิดบ้าอะไรขึ้น?” ซูอันไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เขาเห็น

“ชายชราคนนี้น่าจะเป็นคนของเผ่ามังกรดึกดำบรรพ์” ซ่างหงอธิบาย

“เผ่ามังกร?” ซูอันมองดูร่างกายที่บอบบางของชายชราอีกครั้ง ไม่เห็นเหมือนเลย! คิดว่าข้าไม่รู้เหรอว่ามังกรหน้าตาเป็นยังไง?

ภาพของมังกรแดงในภูเขามังกรซ่อนยังคงชัดเจนในใจเขา

ราวกับว่ารู้สึกอีกฝ่ายกำลังสงสัย ซ่างหงจึงอธิบายเพิ่มเติม “มังกรธรรมดาทั่วไปจำเป็นต้องบำเพ็ญเพียรให้อยู่ในระดับที่สูงมากก่อนจึงจะสามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้ ยิ่งไปกว่านั้น การแปลงร่างของพวกมันยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงอย่างมาก อย่างไรก็ตาม สำหรับสมาชิกของเผ่ามังกรดึกดำบรรพ์ เกือบทั้งหมดสามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้”

ในที่สุดซูอันก็เข้าใจ ตอนนี้เขารู้แล้วว่าทำไมเขาบนหัวของผู้อาวุโสคนนั้นจึงดูคุ้นเคย

เจิ้งตานรู้สึกสงสัยเช่นกัน “แล้วทำไมผู้บัญชาการหวงถึงเงียบไปล่ะ?”

ซ่างหงมองผู้เฒ่ามังกร “มันเป็นหนึ่งในความสามารถโดยกำเนิดของเผ่ามังกรดึกดำบรรพ์ วิญญาณประกาศิต”

“วิญญาณประกาศิต?” ซูอันนึกออกได้ว่าในชั้นเรียนของซางหลิวอวี้ นางเคยเอ่ยถึงทักษะลับของเผ่าพันธุ์มังกร ‘วิญญาณประกาศิต’ ซึ่งเป็นสิ่งที่เผ่าพันธุ์อื่นอิจฉา

ด้วยคำพูดง่าย ๆ เผ่ามังกรสามารถเปลี่ยนสิ่งที่พวกเขาพูดให้เป็นจริงได้ เข้าใจว่าคงเป็นเวทมนตร์อย่างหนึ่ง

ซูอันรู้สึกอิจฉาเป็นอย่างมากความสามารถนี้ควรเป็นของเกรียนคีย์บอร์ดทุกคนไม่ใช่เหรอ? ทำไมข้าไม่มีความสามารถแบบนี้บ้าง?

ซ่างหงมองซูอันด้วยสีหน้าซับซ้อน “ข้าไม่คิดว่าเผ่ามังกรจะเข้ามาเกี่ยวข้องเช่นกัน ดูเหมือนว่าเจ้าจะค่อนข้างเนื้อหอม”

ซูอันรู้สึกกลัวขึ้นมา ทุกคนไม่ได้บอกเหรอว่าจักรพรรดิเป็นผู้บ่มเพาะที่ทรงพลังที่สุด? แต่ทำไมตอนนี้มันเหมือนไม่มีใครเกรงใจอะไรเขาเลย ลูกน้องของเขาค่อย ๆ ถูกไล่จัดการไปทีละคนสองคน!

ทูตยุทธ์เสื้อแพรที่เหลือต่างเห็นได้ชัดเจนว่าสถานการณ์เลวร้ายเพียงใด พวกเขาแลกเปลี่ยนสายตากัน แต่ละคนต่างเห็นความมุ่งมั่นแน่วแน่ในสายตาของเหล่าสหายของตน จากนั้นพวกเขาก็รีบพูดกับหวงฮุ่ยฮงว่า “ผู้บัญชาการหวงโปรดพานักโทษหนีไปกับท่าน! เราจะคอยระวังหลังให้เอง!”

หวงฮุ่ยฮงขมวดคิ้วแต่ไม่ได้คัดค้าน เขาพยักหน้าหนักแน่นโดยไม่สามารถพูดอะไรได้ในตอนนี้ มีเพียงความรู้สึกที่อ่านได้จากสายตาของเขาเท่านั้น ‘พี่น้องของข้า นับเป็นเกียรติที่ได้ร่วมรบกับพวกเจ้า!’

ทูตยุทธ์เสื้อแพรทุกคนผ่านการฝึกฝนที่โหดร้ายมามากมาย พวกเขาไม่สนใจชีวิตส่วนตัวอีกต่อไป ยึดถือการปฏิบัติตามพันธกิจของจักรพรรดิเหนือสิ่งอื่นใด

นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมทูตยุทธ์เสื้อแพรที่เหลืออยู่จึงไม่แสดงความลังเลใจแม้แต่น้อย และหวงฮุ่ยฮงก็เช่นกัน เขากระโจนเข้าสู่การดำเนินการตามแผนทันที

เขาจับนักโทษทุกคนเข้าไปในรถม้าที่เคยเป็นของหลิวเหย่า และควบออกตัวไปด้วยความเร็วสูง

ภูตดำพยายามไล่ตามทันที แต่ถูกขัดขวางโดยทูตยุทธ์เสื้อแพรสามคนที่อยู่ข้างหลัง

แม้ว่าภูตดำจะมีความแข็งแกร่งในการต่อสู้มากกว่า แต่ทูตยุทธ์เสื้อแพรทุกคนก็เป็นผู้บ่มเพาะที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างเข้มงวด พวกเขาได้ตัดสินใจที่จะเลือกสถานที่แห่งนี้เป็นที่พำนักแห่งสุดท้ายโดยไม่กลัวตาย มันจึงเป็นเรื่องยากสำหรับภูตดำที่จะบุกทะลวงการป้องกันไปได้

หัวหน้าภูตดำมองดูผู้อาวุโสเผ่ามังกรด้วยความโกรธ “ทำไมเจ้าไม่หยุดพวกเขา!”

มังกรผู้เฒ่าพูดอย่างเฉยเมยว่า “ข้ามีหน้าที่จัดการกับพระราชโองการเท่านั้น ข้าทำภารกิจนี้เสร็จแล้ว ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับเจ้า”

หลังจากพูดจบเขาหันหลังกลับแล้วออกเดิน แม้ว่าท่าทางการเดินของเขาจะดูช้าและงุ่มง่าม แต่กลับใช้เวลาเพียงไม่กี่ก้าวร่างของเขาก็หายเข้าไปในส่วนลึกของป่า

หัวหน้าภูตดำมีสีหน้าย่ำแย่ แต่เขาไม่กล้ายั่วยุผู้เฒ่าคนนั้น เขาข่มความโกรธลงและพุ่งเข้าใส่ทูตยุทธ์เสื้อแพรทั้งสาม

ความจริงที่ว่าทูตยุทธ์เสื้อแพรอยู่รอดมาได้จนถึงตอนนี้ก็นับว่าเป็นปาฏิหาริย์มากแล้ว ร่างกายของพวกเขาโชกไปด้วยเลือด

หัวหน้าภูตดำแค่นเสียงอย่างเย็นชา เขาพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงล้ำจนทิ้งภาพติดตาไว้เบื้องหลัง เมื่อเขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ทั้งร่างกายของเหล่าทูตยุทธ์เสื้อแพรทั้งสามก็ถูกปกคลุมไปด้วยบาดแผลร้ายแรงจำนวนมาก เลือดไหลทะลักออกจากร่างกาย ศพกระแทกกับพื้นอย่างรุนแรง

“รีบตามมันไป!” ผู้นำภูตดำไม่สนใจที่จะมองซากศพ เขานำลูกน้องไปในทิศทางที่หวงฮุ่ยฮงหนีไปและเริ่มไล่ตามอย่างไม่หยุดยั้ง

ในขณะเดียวกัน บนรถม้าที่กำลังเคลื่อนที่อย่างเร่งรีบนั้น ซูอันก็โผล่หัวออกมาจากหน้าต่างและตะโกนอย่างเย้ยหยัน “คราวหลังพวกท่านต้องปรับปรุงพิธีอัญเชิญพระราชโองการบ้างนะรู้ไหม?! ไอ้การผุดลุกผุดนั่งพูดจาเวิ่นเว้อยืดยาวมันคือจุดอ่อนไม่รู้หรือไง? เห็นไหมว่าตอนนี้พวกเราลำบากกันแค่ไหน ท่านรู้สำนึกบ้างหรือยัง?

หวงฮุ่ยฮงกัดฟันแต่ไม่สามารถตอบโต้ได้

ท่านยั่วยุหวงฮุ่ยฮงสำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 444!

เขาโกรธจัดที่ตัวเองไม่สามารถใช้ราชโองการกับคู่ต่อสู้ที่เขาควรจะสามารถเอาชนะได้ และยิ่งตอนนี้เมื่อเผชิญกับคำพูดของซูอัน มันจึงยิ่งทำให้เขาโกรธมากขึ้นไปอีก

ซ่างหงส่ายหัว “เจ้าไม่สามารถตำหนิผู้บัญชาการหวงสำหรับเรื่องนี้ได้ องค์จักรพรรดิทรงเป็นผู้คิดค้นพิธีการนี้ขึ้นมาด้วยตัวของพระองค์เอง”

ซูอันหัวเราะ “อ้อ ๆ เข้าใจแล้ว ๆ คนเป็นจักรพรรดิย่อมต้องชอบโอ้อวดตัวเองเอาไว้ก่อน อืม ถ้าเป็นข้า ข้าก็คงจะสั่งให้ลูกน้องของข้าทำเรื่องไร้สาระแบบนี้เหมือนกันล่ะนะ!”

หวงฮุ่ยฮงโกรธจนแทบกระอักเลือด

ซ่างหงขมวดคิ้ว “ระวังคำพูดของเจ้าด้วย การพูดถึงพระองค์ลับหลังเป็นการไม่ให้เกียรติและเป็นอาชญากรรมโทษร้ายแรง”

“ไม่มีทางที่จักรพรรดิจะได้ยินข้าอยู่ดี” ซูอันดูเหมือนจะไม่สนใจ “เขาอาจจะเป็นผู้บ่มเพาะอันดับหนึ่งของโลกหรืออะไรก็ตาม แต่เขาก็ยังห่างไกลจากการเป็นผู้รอบรู้และมีอำนาจทุกอย่าง ไม่เช่นนั้น เขาคงจะฆ่าล้างพวกภูตดำด้วยตัวเองไปจนหมดแล้ว และทูตยุทธ์เสื้อแพรเหล่านั้นก็ไม่ต้องตาย”

หวงฮุ่ยฮงไม่อาจโต้เถียงอะไรได้เพราะเขาเองก็รู้สึกแย่เช่นกันที่ลูกน้องของเขาต้องมาตกตายแบบนี้

ซ่างเชียนพ่นลมหายใจ “องค์จักรพรรดิทรงมีเหตุผลของตนเองอยู่แล้วไม่เช่นนั้นพระองค์คงไม่ตัดสินใจเช่นนี้ คนระดับเจ้าไม่มีทางจะเข้าใจความคิดของพระองค์ได้อย่างลึกซึ้ง!”

ซูอันหัวเราะคิกคัก “จากน้ำเสียงของนายน้อยซ่าง ดูเหมือนว่าเจ้าจะรู้แน่ชัดว่าฝ่าบาทคิดอะไรอยู่ ไหนลองอธิบายให้ทราบสักหน่อยได้หรือไม่?”

ใบหน้าของซ่างเชียนแดงซ่าน “ข้าบอกไปแล้วว่าฝ่าบาททรงมีเหตุผลของพระองค์เอง ข้าจะกล้าเดาได้ยังไง!”

“จิ๊ ๆ” ใบหน้าของซูอันเต็มไปด้วยการดูถูก “แสร้งทำเป็นว่าเจ้ารู้ทุกอย่าง แต่พอเอาเข้าจริง เจ้ากลับไม่รู้อะไรเลยสักอย่างเดียว เจ้าบูชาคนรวยและผู้ทรงอำนาจอย่างไร้สติ เจ้าคิดจริง ๆ เหรอว่าตดทุกป้าดที่ออกมาจากตูดของพวกเขาเป็นการกระทำหลังจากการไตร่ตรองอย่างลึกซึ้งแล้ว?”