ตอนที่ 640 หวาดกลัวสุดขีด

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 640 หวาดกลัวสุดขีด

เมื่อกองทัพหนานตูเหตุการณ์ต่างหน้าถอดสีทันที รู้ดีว่าหากพ่ายแพ้ ครอบครัวของพวกเขาคงพลอยเดือดร้อนไปด้วย

แม่ทัพหวังรีบกระชากตัวบุตรชายแม่ทัพเสี่ยวหวังมาใกล้ จากนั้นตะโกนเสียงดังลั่น “รีบปกป้องท่านอ๋อง ปกป้องท่านอ๋อง!”

ทหารสองหมื่นนายของค่ายผิงอันฮึกเหิมราวกับน้ำป่าที่กำลังไหลหลาก พวกเขาบุกเข้าไปต่อสู้กับกองทัพหนานตูจากทางด้านหลังร่วมกับหน่วยตรวจเมืองและกองกำลังรักษาพระองค์ที่ขนาบอยู่ทั้งสองข้าง กองทัพหนานตูอลหม่านและหวาดกลัวขึ้นมาทันที พวกเขาควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ ความพ่ายแพ้รออยู่เบื้องหน้า

เหลียงอ๋องหน้าซีดเผือดทันที เขากำชายเสื้อของตัวเองแน่น รู้ดีว่าเมื่อเสียนอ๋องเสียชีวิตลง กองทัพหนานตูต้องขวัญกระเจิงอย่างแน่นอน!

ม้าขาวที่ไป๋ชิงเหยียนนั่งอยู่ก้าวขึ้นไปบนบันไดสูงอย่างมั่นคง ไป๋ชิงเหยียนกระชากบังเหียน ม้าศึกยกขาคู่หน้าขึ้นถีบไปยังบรรดาทหารหนานตูที่กำลังชูหอกยาวขึ้นจนพวกเขาพากันเซล้มลงบนพื้น จากนั้นหญิงสาวควบม้าทะยานขึ้นไปบนบันไดสูงอย่างรวดเร็ว

ฟ่านอวี๋ไหวที่ใช้มือข้างหนึ่งปิดตามองเห็นสตรีผอมเพรียวในชุดเกราะสีเงินสะพายธนูเซ่อรื้อไว้ทางด้านหลัง กำลังก้มตัวแย่งหอกยาวของทหารหนานตูมาถือไว้ในมือท่ามกลางสายฝน

ฟ่านอวี๋ไหวเบิกตาโพลง เลือดในกายร้อนผ่าว ตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น “องค์หญิงเจิ้นกั๋ว! องค์หญิงเจิ้นกั๋วพาสหายกองทัพผิงอันมาช่วยพวกเราแล้ว!”

ฟ่านอวี๋ไหวขบกรามกระชากผ้าที่โพกศีรษะออกมาพันดวงตาที่ได้รับบาดเจ็บเอาไว้ จากนั้นชักดาบออกมาพลางตะโกนลั่น “สหายทุกคน! องค์หญิงเจิ้นกั๋วพาทหารสองหมื่นนายของค่ายผิงอันมาถึงแล้ว พวกเรามีกำลังมากกว่าศัตรู พวกนั้นต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน ทุกคน…ลุย!”

วินาทีที่เห็นไป๋ชิงเหยียนขี่ม้าตรงเข้ามา หน่วยตรวจเมืองและกองกำลังรักษาพระองค์เริ่มเห็นความหวัง

รู้สึกราวกับมีแรงพลังมหาศาลแผ่ซ่านเข้าไปในใจของหน่วยตรวจเมืองและกองกำลังรักษาพระองค์ที่ก่อนหน้านี้รบพลางถอยหนีไปเรื่อยๆ บัดนี้พวกเขาเกิดความรู้สึกอยากสังหารศัตรูให้สิ้นซากโดยไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย

“สหายทุกคน! สังหาร! สังหารพวกกบฏหนานตู แก้แค้นแทนสหายที่ตายไปของพวกเราให้ได้”

“ฆ่า!”

“เข้ามาสิ! พวกสวะหนานตู ข้าจะให้พวกแกได้ลิ้มลองดาบของข้าบ้าง!”

ภายในตำหนัก ฮ่องเต้ได้ยินเสียงตะโกนเรียกองค์หญิงเจิ้นกั๋ว ได้ยินเสียงด่าทออย่างฮึกเหิมของเหล่าทหาร เขาใช้ศอกยันกายของตัวเองขึ้น หันหน้าไปมองทางหน้าต่างที่ปิดสนิท ว่า เขายังพอมองเห็นเงาของพวกเขาอย่างเลือนราง เขาได้ยินเสียงต่อสู้ที่รุนแรงกว่าเมื่อครู่

เมื่อเฉวียนอวี๋ที่มองลอดช่องประตูเพื่อสำรวจเหตุการณ์ด้านนอกเห็นไป๋ชิงเหยียน เขาร้องไห้ออกมาอย่างตื่นเต้น หันกลับไปตะโกนเสียงดังลั่น “องค์หญิงเจิ้นกั๋วมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิงเจิ้นกั๋วมาช่วยแล้วพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท องค์ชาย องค์หญิงเจิ้นกั๋วมาช่วยพวกเราแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

ฮ่องเต้ถอนหายใจอย่างโล่งอก ใจของเขาเต้นรัว ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มขึ้นในที่สุด

รัชทายาทที่คุกเข่าอยู่ข้างเตียงของฮ่องเต้ยืดหลังตรง กล่าวอย่างดีใจ “เสด็จพ่อ! องค์หญิงเจิ้นกั๋วมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ นางมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

องค์หญิงใหญ่ถือไม้เท้าเดินไปหยุดอยู่ข้างหน้าต่าง นางอยากมองลอดหน้าต่างออกไปสำรวจเหตุการณ์ด้านนอก ทว่า นางกลัวจะเห็นหลานสาวของตัวเองบาดเจ็บ จึงได้แต่นับลูกประคำในมือ ภาวนาขอให้สวรรค์คุ้มครองหลานสาวของนางให้ปลอดภัย ต่อให้นางจะอายุสั้นลงสิบปี ยี่สิบปีหรือให้นางตายไปตอนนี้เลยก็ได้

ไป๋ชิงเหยียนควบม้าเข้ามาอย่างรวดเร็ว แววตามองไปทางเสียนอ๋องและเหลียงอ๋องนิ่ง เหลียงอ๋องมองสบกับดวงตาคมกริบและนิ่งขรึมของไป๋ชิงเหยียนผ่านม่านฝน เขารีบประมวลผลอย่างรวดเร็ว…

บัดนี้เหลียงอ๋องมีเพียงสองทางเลือก ทางเลือกแรกคือหยิบดาบของเสียนอ๋องขึ้นมาแล้วต่อสู้จนสุดชีวิต ไม่แน่เขาอาจมีโอกาสได้ครอบครองบัลลังก์นั่น

อีกทางหนึ่ง เขาแสร้งทำตัวอ่อนแอเช่นเดิม อ้อนวอนของให้เสด็จพ่อยกโทษให้เขา กล่าวว่าเขาถูกเสียนอ๋องบังคับ เขาคิดว่าเสียนอ๋องเข้าวังมาเพื่อช่วยเหลือเสด็จพ่อ ไม่คิดเลยว่าเมื่อเสียนอ๋องสังหารซิ่นอ๋องเสร็จ เขาจะคิดสังหารเสด็จพ่อและรัชทายาทเช่นนี้

เหลียงอ๋องแสร้งทำตัวอ่อนแอมาทั้งชีวิต กว่าเขาจะได้รับโอกาสเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เหลียงมองไปยังดาบที่ตกอยู่ข้างกายของเสียนอ๋องผ่านม่านฝน เขาขบกรามแน่นพลางก้าวไปด้านหน้าหนึ่งก้าว เตรียมก้มตัวไปหยิบดาบเล่มนั้น…

ทันใดนั้นพลทหารโล่ที่คุ้มกันอยู่รอบกายของเสียนอ๋องส่งเสียงร้องลั่นพลางถูกม้าถีบจนล้มไปกองบนพื้น หอกเงินทำลายล้างสูงเล่มหนึ่งพุ่งตรงเข้าไปปักลงบนหัวใจของเสียนอ๋องซึ่งอยู่ท่ามกลางการอารักขาของทหารหนานตู เหลียงอ๋องล้มลงไปกองบนพื้นด้วยความตกใจ

หอกเดียวปลิดชีพ เสียนอ๋องยังไม่ทันลืมตาขึ้น ทหารหนานตูรอบกายของเสียนอ๋องเสียขวัญจนลืมชักดาบออกมา พวกเขารู้สึกเหมือนเห็นร่างๆ หนึ่งลอยผ่านไปบนอากาศ แม่ทัพหวังถูกม้าถีบจนล้มลงไปกองบนพื้นพลางกระอักเลือดออกมา

“ท่านพ่อ!” แม่ทัพเสี่ยวหวังตะโกนลั่น

ไป๋ชิงเหยียนกำหอกเงินแน่น ปลายหอกยันอยู่กับเกราะเงินบริเวณเอวของหญิงสาว หญิงสาวใช้แรงทั้งหมดที่มียกร่างของเสียนอ๋องขึ้นมาจากพื้น

ฝูรั่วซีในชุดเกราะนำบรรดาแม่ทัพค่ายผิงอันไปยืนคุ้มกันอยู่ข้างกายของไป๋ชิงเหยียนร่วมกับองครักษ์ไป๋ เมื่อก้าวลงจากหลังม้า เขาลงมืออย่างฉับไว ทุกที่ที่ดาบคมตวัดใส่ ศีรษะของทหารหนานตูล้วนร่วงลงสู่พื้นดิน

แขนที่ใช้หอกยกร่างของเสียนอ๋องของไป๋ชิงเหยียนสั่นระริก หญิงสาวแทบจะหมดแรงแล้ว

ทำอย่างไรถึงจะทำลายขวัญกำลังใจของกองทัพหนานตูจนพวกเขาไม่กล้าสู้รบได้!

การที่ไป๋ชิงเหยียนใช้หอกยกร่างของเสียนอ๋องขึ้นจากพื้นดินเช่นนี้ทำลายขวัญกำลังใจของกองทัพหนานตูได้ในพริบตา

กองทัพหนานตูและเหลียงอ๋องเงยหน้ามองเสียนอ๋องที่ถูกไป๋ชิงเหยียนใช้หอกแทงหัวใจพลางยกลอยขึ้นจากพื้นดินท่ามกลางสายฝนอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง พวกเขานึกไม่ถึงเลยว่าสตรีที่อ่อนแออย่างไป๋ชิงเหยียนจะกล้าทำเรื่องอุกอาจถึงเพียงนี้

น่าหวั่นเกรงจนขนลุกซู่

นี่คือสตรีที่สูญเสียวิทยายุทธ์และอ่อนแอของตระกูลไป๋อย่างนั้นหรือ หากบุรุษตระกูลไป๋ยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาจะแข็งแกร่งและดุดันถึงเพียงใดกันนะ!

ไป๋ชิงเหยียนขบกรามแน่น กวาดสายวาวโรจน์มองไปยังสนามรบด้านล่างบันไดที่เต็มไปด้วยเลือดและซากศพ จากนั้นตะโกนเสียงดังลั่น “หนานตูเสียนอ๋องเสียชีวิตแล้ว ผู้ใดขัดขืนตาย ผู้ใดยอมจำนนรอด!”

ฝูรั่วซูดาบขึ้นสูงด้วยมือข้างเดียว ตะโกนเสียงดังลั่น “หนานตูเสียนอ๋องเสียชีวิตแล้ว ผู้ใดขัดขืนตาย ผู้ใดยอมจำนนรอด!”

ถ้อยคำที่ว่า ‘หนานตูเสียนอ๋องเสียชีวิตแล้ว ผู้ใดขัดขืนตาย ผู้ใดยอมจำนนรอด!’ ดังกังวานไม่หยุดหย่อนท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

ศพของเสียนอ๋องเปรียบเสมือนสัญลักษณ์…การยกธงขาวของกองทัพหนานตู

กองทัพหนานตูไม่มีกำลังใจที่จะสู้รบต่อไปอีกแล้ว พวกเขาต่างทิ้งดาบ หอก โล่และมีดลงบนพื้น

เหลียงอ๋องหลับตาลง รู้ดีว่าต่อให้ตอนนี้เขาหยิบดาบของเสียนอ๋องขึ้นมา เขาก็ไม่มีทางเอาชนะได้เพราะกองทัพหนานตูไม่มีกำลังใจต่อสู้อีกแล้ว

เหลียงอ๋องมองไปทางไป๋ชิงเหยียนที่ยังคงชูร่างของเสียนอ๋องขึ้นสูง เขายิ่งรู้สึกคิดถึงที่ปรึกษาตู้จือเวยของเขามากขึ้นทุกที

ตู้จือเวยกล่าวไว้ไม่มีผิด ไป๋ชิงเหยียนคือยอดนักรบ เขาควรทำทุกวิธีให้ไป๋ชิงเหยียนมารับใช้เขาให้ได้ ทว่า เขาเคยใส่ร้ายว่าเจิ้นกั๋วอ๋องไป๋เวยถิงเป็นกบฏ ชาตินี้เขาคงไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว

เหลียงอ๋องได้สติอย่างรวดเร็ว จู่ๆ เขาก็วิ่งไปคุกเข่าอยู่หน้าตำหนักของฮ่องเต้ ร้องตะโกนลั่น “เสด็จพ่อ เสด็จพ่อช่วยลูกด้วยพ่ะย่ะค่ะ ลูกไม่ทราบว่าเสียนอ๋องจะกบฏพ่ะย่ะค่ะ ก่อนเข้าวังเขาบอกลูกว่าจะเข้ามาช่วยเหลือเสด็จพ่อและรัชทายาท ลูกไม่รู้จริงๆ ว่าเขาจะก่อกบฏพ่ะย่ะค่ะ! เขาลากแขนของลูกเดินตรงมายังตำหนักของเสด็จพ่อ ลูก ลูกหวาดกลัวมากพ่ะย่ะค่ะ!”

ไป๋ชิงเหยียนได้ยินเสียงร้องไห้ของเหลียงอ๋อง หญิงสาวโยนหอกที่เสียบร่างของเสียนอ๋องลงบนพื้น แขนสั่นระริก ทว่า หญิงสาวพยายามลงจากหลังม้าด้วยท่าทีปกติ