บทที่ 618 จินตนาการของจุ๊บแจง

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

มารุตพยักหน้า“ใช่ครับ เกี่ยวกับการประชุมครั้งใหม่ของแบนด์หรูสายblue bloodรายใหญ่ต่างๆในไตรมาสหน้า”

“ประชุมนี้เลื่อนก่อน เลื่อนไปตอนสี่โมง ตอนสองโมง ผมจะไปรับลูก”นัทธียกกาแฟขึ้นมาจิบ

มารุตก็ไม่แปลกใจที่เขาตัดสินใจเช่นนี้

ยังไงสองวันนี้ ทุกวันตอนเที่ยงเขาก็ไปรับคุณชายน้อยกับคุณหนูที่โรงฝึกซันดาทุกวัน

เพราะว่าที่ฝึกซันดาอยู่ใกล้บริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป ดังนั้นเรื่องรับลูก จึงตกไปที่ประธานนัทธี

และประธานนัทธีก็ยิ่งเป็นพ่อที่ผ่านเกณฑ์ เกี่ยวกับลูกๆ เขาไม่เคยบอกปัด

“ใช่สิประธาน เมื่อวานลูกอมมงคลในวันแต่งงานที่คุณกำชับส่งมาที่บริษัทแล้ว เอาแจกตอนนี้เลยไหมครับ?”มารุตมองนัทธีแล้วถาม

มะรืนเป็นวันแต่งงานของประธานแล้ว ในเมื่องานแต่ง งั้นลูกอมมงคลในวันแต่งงานก็ต้องมีให้เยอะ

ดังนั้นเมื่อวานประธานเลยตั้งใจกำชับเขา ให้จองลูกอมมงคลในวันแต่งงานมาชุดหนึ่ง แจกให้พนักงานทุกคนในบริษัท รวมทั้งบริษัทย่อยกับโรงงานด้วย

“แจกเลย อีกอย่างจัดกิจกรรมจับรางวัลในเน็ตด้วย รวมทั้งสินค้าทั้งหมดที่อยู่ภายใต้บริษัท ก็มีส่วนลดโปรโมชั่น จัดวันมะรืน”นัทธีเปิดเอกสารแล้วตอบกลับเบาๆ

มารุตพยักหน้า“ผมเข้าใจแล้วครับ เดี๋ยวผมจะไปจัดให้ตอนนี้ครับ”

นัทธีตอบอือ

ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง พนักงานหลายแสนคนภายใต้บริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป ต่างก็รู้ว่าเจ้านายของตัวเองจะจัดงานแต่งกับภรรยาเจ้านาย ดังนั้น เจ้านายไม่ได้ให้พวกเขาแค่ลูกอมมงคลในวันแต่งงาน แต่เงินเดือนของทุกคนก็เพิ่มขึ้นมาหน่อยด้วย

เวลานั้น พนักงานทุกคนในบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป ต่างดีใจเหมือนฉลองปีใหม่ ต่างแสดงความยินดีอย่างไม่หยุด

รวมทั้งในเน็ต ชาวเน็ตในอินเทอร์เน็ตก็เห็นข่าวที่ประธานแห่งบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปจะจัดงานแต่งงานกับคุณผู้หญิงของประธาน ก็ให้สิ่งดีๆอย่างมากแก่ชาวเน็ตโดยเฉพาะ

เช่นซองแดง เช่นจับฉลาก มีโอกาสได้รับกระเป๋าและลิปสติกแบนด์หรูของบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปเป็นต้น

แน่นอนว่า ถึงไม่ได้รางวัล แต่วันมะรืนสินค้าราคาแพงจะลดราคา ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ชาวเน็ตมีความสุข

สรุปคือ การค้นหาติดเทนด์ของหลายวันนี้ ต่างเกี่ยวกับนัทธีวารุณีและบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป ทำเอากดความนิยมของดาราบางคนไปเลย

ถึงแม้ดาราพวกนั้นไม่พอใจ แต่ก็หมดหนทาง พวกเขาไม่กล้าโห่ให้นัทธีเจ้าพ่อคนนี้

ที่บริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป ตอนจุ๊บแจงมาที่ห้องทำงานของแผนกทำความสะอาด ก็เห็นบนโต๊ะตัวเองวางกล่องสีแดงสวยๆหนึ่งกล่องไว้

ส่วนคนอื่น จ้องเธออย่างสนุกสนาน เหมือนกำลังดูฉากเด็ด

จุ๊บแจงไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาต้องมองเธอแบบนี้ คิดว่าตัวเองมีอะไรแปลกไป จากนั้นมองดูรอบหนึ่ง ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติที่ตัวของตัวเอง ก็เลยไม่มองอีกเลยละกัน หยิบกล่องสีแดงนั้นขึ้นมาอย่างสงสัย

หลังจากวินาทีที่เธอหยิบขึ้นมา เธอก็รู้สึกถึง สายตาที่คนพวกนี้มองเธอ ยิ่งแปลกมากขึ้น มีทั้งเยาะเย้ย และสะใจ

สรุปคือไม่มีใครสักคนที่หวังดี

“นี่อะไร?”จุ๊บแจงอดไม่ได้ที่จะถามเพื่อนร่วมงานโต๊ะข้างๆ ซึ่งก็คือคุณป้าในร้านอาหารครั้งที่แล้ว

คุณป้าตอบกลับอย่างทนไม่ไหว:“ลูกอมมงคลในวันแต่งงานของประธาน พวกเราพนักงานทั้งหมดต่างมี”

“ลูกอมมงคลในวันแต่งงาน?”จุ๊บแจงพูดเสียงสูง สีหน้าก็เปลี่ยนไป

คนอื่นๆเห็นฉากนี้ สายตาก็ดูตื่นเต้นมากขึ้น

“คุณดูสิ ฉันบอกแล้วว่าถ้าเธอรู้ว่านี่คือลูกอมมงคลในวันแต่งงานของประธาน ต้องมีปฏิกิริยาใหญ่โตแน่ ฉันพูดถูกไหมล่ะ”

“พวกเราไม่ได้ปฏิเสธคำพูดเธอนี่ อีกอย่าง พวกเราก็รุ้ว่าเธอต้องเป็นแบบนี้ ยังไงเธอก็ชอบประธาน ได้ยินถึงลูกอมมงคลในวันแต่งงานของคนที่ตัวเองชอบ มีปฏิกิริยาเล็กน้อยสิแปลก”

“เหอะ ไม่รู้จักสำเหนียกตัวเองจริงๆ”

ได้ยินคำถากถางของทุกคน จุ๊บแจงก็กัดปากแน่น มือที่ถือกล่อง ก็กำแน่น แทบอยากจะขยี้กล่อง

เธอรู้แล้วว่าเมื่อกี๊ทำไมคนพวกนี้มองเธอแบบนั้น เพราะรู้ว่าหลังจากเธอรู้ว่าของในกล่องคืออะไร จะมีปฏิกิริยาอย่างไร จากนั้นจึงมองเธอเป็นตัวตลก!

คนพวกนี้เกินไปจริงๆ!

ดวงตาจุ๊บแจงแดงก่ำ ในใจเต็มไปด้วยความโกรธ

แต่ตัวเธอคนเดียว ไม่กล้าสู้กับคนพวกนี้ ได้แต่สูดหายใจ ระงับความโกรธนี้ไป ทำเป็นไม่รู้เรื่อง ยกมุมปาก ฉีกยิ้มออกไป แล้วถามคุณป้าต่อ:“ลูกอมมงคลในวันแต่งงาน?ประธานแต่งงานแล้วไม่ใช่เหรอ?”

“ประธานแต่งงานแล้วสิ ก็แค่ก่อนหน้านี้ไม่มีเวลา ได้แต่จดทะเบียนกัน ไม่ได้จัดงานแต่งกับคุณผู้หญิง ดังนั้นตอนนี้จึงจัดงานขึ้นมาก็เท่านั้น”คุณป้ากินลูกอมมงคลในวันแต่งงานราคาแพง ตอบกลับอย่างดูถูก

เธอไม่ชอบคนที่ไม่รู้จักสำเหนียกตัวเองอย่างจุ๊บแจงที่สุด

และก็ไม่ดูสถานภาพของตัวเองเลย กล้าคิดเพ้อเจ้อกับประธาน

แน่นอนว่า ชอบประธานน่ะได้ ผู้หญิงในบริษัทชอบประธานมีเยอะแยะ แต่ไม่มีสักคนที่กล้าพูดออกมาอย่างจุ๊บแจง และยังอยากยกระดับให้ตัวเองอีก ทุกคนต่างชอบเงียบๆ

แต่จุ๊บแจงนี่……

คุณป้ามองบนใส่จนตาแทบเหลือก เธอเคยดูแลอย่างดียัยคนมาใหม่คนนี้ ตอนนี้กลับน่าสะอิดสะเอียนมาก

ตาบอดจริงๆที่ดูแลผู้หญิงตรงหน้าคนนี้!

จุ๊บแจงตระหนักได้ถึงความไม่ชอบของคุณป้า แต่ไม่แคร์

หลายวันนี้ เธอรู้ดีถึงตำแหน่งตัวเองในบริษัท ไม่มีคนชอบเธอสักคน ต่างไม่ชอบเธอทั้งนั้น

ตอนแรกเธอรับไม่ได้เล็กน้อย แต่หลายวันเข้าให้ เธอก็ชิน

ต้องมานั่งแคร์คนพวกนี้ สู้เธอเอาไปคิดเรื่องที่นัทธีจัดงานแต่งนี้ดีๆดีกว่า

เธอไม่เชื่อว่านัทธีจะไม่มีเวลาจัดงานแต่งกับคุณวารุณี ถึงยุ่งแค่ไหน ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะปลีกเวลาออกมาสักวันสองวัน

รักคนๆหนึ่งแล้ว จะไม่จัดงานแต่งให้อีกฝ่ายได้อย่างไร

ดังนั้น นัทธีต้องไม่ได้รักคุณวารุณีแน่

ใช่ ต้องใช่แน่!

จุ๊บแจงบีบกล่องในมือไว้แน่นอีกครั้ง หัวใจก็เต้นแรง

ในเมื่อไม่ได้รักขนาดนั้น งั้นพวกเราก็ต้องหย่ากันถึงจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

คิดไป จุ๊บแจงก็สูดหายใจลึกๆ ในใจนั้นตัดสินใจอะไรได้

เธอต้องไปหานัทธี พูดกับนัทธีให้ชัดเจน ในเมื่อไม่รักคุณวารุณี ก็อย่าจัดงานแต่ง ต้องหย่าต่างหากล่ะ!

จุ๊บแจงวางกล่องในมือลง ออกไปจากห้องทำงานของแผนกทำความสะอาดอย่างเด็ดเดี่ยว

คนอื่นๆในห้องเห็นฉากนี้ ต่างตะลึง

“เธอไปทำอะไร?”

“ใครจะไปรู้ล่ะ ไม่แน่รับแรงกระตุ้นนี้ไม่ได้ อาจจะออกไปร้องไห้แล้ว”

“ก็ไม่แน่อาจจะปลุกความกล้าหาญ ไปสารภาพกับประธานก็ได้”

“จะเป็นไปได้ไง”มีคนไม่เชื่อ

จุ๊บแจงรู้ว่าตัวเองไปแล้ว คนพวกนั้นต้องนินทาเธอ แต่เธอไม่สนอะไรนัก รีบวิ่งไปตรงหน้าลิฟต์อยากขึ้นไป

ด้านหน้าลิฟต์มีบอดี้การ์ดชุดดำสองคนยืนอยู่ เห็นเธอมา ยื่นมือไปหยุดเธอไว้ทันที“ทำอะไรน่ะ?”

จุ๊บแจงจึงพบว่าหน้าลิฟต์ดันมีคนเฝ้าอยู่!

เป็นคนสองคนที่ตัวสูงใหญ่

เผชิญหน้ากับความแข็งแกร่งที่มาจากบอดี้การ์ดสองคนนี้ ในใจของจุ๊บแจงก็เริ่มรู้สึกกลัว

มือทั้งสองข้างของเธอกำไว้ บีบไว้อย่างแน่น สูดลมหายใจเข้าแล้วตอบกลับอย่างกล้าหาญ:“ฉัน……ฉันอยากขึ้นไปชั้นบน”

บอดี้การ์ดขมวดคิ้ว“อยากขึ้นไปต้องขึ้นลิฟต์ธรรมดา นี่คือลิฟต์ที่ประธานใช้เฉพาะ พนักงานทั่วไปเข้าไปไม่ได้”

จุ๊บแจงจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าตัวเองเข้าไปไม่ได้

แต่ที่สำคัญคือ ไปชั้นบนสุดก็ใช้ได้แต่ลิฟต์ตัวนี้ ลิฟต์อื่นไปไม่ถึงชั้นบนสุด!

แต่เธอพูดว่าตัวเองไปชั้นบนสุดไม่ได้ ถ้าพูดออกไป ก็จะถูกบอดี้การ์ดสองคนนี้มาไล่ทันที

เธอควรทำอย่างไร?

เธอต้องขึ้นไปพูดกับนัทธีว่า ความสุขคือทำตามที่ตัวเองปรารถนา อย่าแต่งกับคนที่ตัวเองไม่รัก

แต่เธอขึ้นไปไม่ได้!

ตอนที่จุ๊บแจงกำลังมีสีหน้ารีบร้อนลำบากใจนั้นเอง เสียงส้นสูงเสียงดังฟังชัดก็เข้ามา

เมธาวีมาตรงหน้าของทั้งสามคน ถอดแว่นกันแดดออก“ฉันจะขึ้นไป!