หนอนตัวนั้นท่าทางคล่องแคล่ว ท่ามกลางความมืดมิดมันสามารถหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้อย่างคล่องตัว เมื่อมันคลานไปถึงบริเวณเตียง ก็ได้เลื้อยขึ้นไปจากขาเตียง
เมื่อมันคืบคลานขึ้นไปแล้ว เจ้าหนอนสีดำก็รู้สึกชะงักลงด้วยความสงสัย
สองคน?
ขณะที่เจ้าหนอนสีดำกำลังตกอยู่ในความสงสัย เจียงซื่อก็ลืมตาขึ้นแล้วยื่นมือออกไปดีดมัน
เจ้าหนอนสีดำถูกดีดเข้าที่หัวพอดี มันกลิ้งตกลงมาจากเตียงแล้วคืบคลานออกไปด้านนอกด้วยความงุนงง
สายตาของอวี้จิ่นมองไปทางหนอนสีดำซึ่งคลานออกไปตรงประตูด้วยความร้อนรน น้ำเสียงของเขาดูซับซ้อน “อาซื่อ เจ้า…ไม่กลัวหรือ”
เจียงซื่อมองแล้วยิ้มไปทางอวี้จิ่น
จวบจนบัดนี้แล้ว อาจิ่นยังไม่สามารถรับความจริงได้ ทำให้นางรู้สึกแปลกใจเหมือนกัน
“ข้าคือสตรีศักดิ์สิทธิ์เผ่าอูเหมียวที่มีวิชาสกัดหนอนกู่” เจียงซื่ออธิบายออกมาเพียงประโยคหนึ่ง
อวี้จิ่นลูปคลำไปที่คางของตน จากนั้นก็พบว่าหนอนสีดำแทรกตัวออกไปจากรอยแยกตรงประตู เขาเอ่ยถามว่า “ตามไปดูหรือไม่”
แสงไฟสลัวจากเทียนที่จุดไว้ข้างเตียง ทำให้สีหน้าของเจียงซื่อดูซับซ้อนและลึกล้ำ
นางหัวเราะเบาๆ “ไม่ต้องรีบร้อนไป อีกประเดี๋ยวค่อยออกไปดู”
ภายในห้องจึงกลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง
เจ้าหนอนสีดำคลานออกไปด้านนอก ดูเหมือนว่ามันจะมีเป้าหมายอยู่และคืบคลานไปยังที่แห่งหนึ่ง
กิ่งไม้ไหวเอน ที่แห่งนั้นมีชายคนหนึ่งแฝงตัวอยู่
เมื่อพบว่าหนอนสีดำคลานกลับมา ดวงตาของชายผู้นั้นก็เป็นประกายแล้วยื่นมือออกมา
เป็นไปดั่งเช่นครั้งก่อน หนอนสีดำตัวนั้นคืบคลานไปอยู่ในมือของชายหนุ่ม
“สำเร็จแล้ว?” ชายผู้นั้นเผยรอยยิ้มออกมาแล้วกล่าวประโยคหนึ่ง
แน่นอนว่าเขาไม่ได้กล่าวให้เจ้าหนอนสีดำนั้นฟัง แต่เป็นความยินดีที่ตนปฏิบัติหน้าที่สำเร็จ
หน้าที่ช่างลุล่วงได้โดยง่าย สมควรยิ่งที่จะดีใจ แต่อีกประเดี๋ยวเขาควรจะเข้าไปสำรวจเพื่อมันจะให้ความมั่นใจเสียหน่อย
ชายผู้นั้นกำลังครุ่นคิดอยู่ จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าปลายนิ้วเกิดอาการเจ็บขึ้น
เขาก้มลงมองดู พบว่าเจ้าหนอนสีดำกัดเข้าให้ที่นิ้วกลางของมือด้านซ้ายตน
นิ้วกลางของมือด้านซ้ายเชื่อมโยงกับหัวใจ หากพิษผ่านเข้าไปจากช่องทางนี้คงจะเกิดอันตรายยิ่งนัก
สีหน้าของผู้ชายคนนั้นเปลี่ยนไปทันที มืออีกข้างหนึ่งรีบเข้ามาบีบเจ้าหนอนสีดำเอาไว้อย่างรวดเร็ว
ใครจะรู้กันเล่าว่าเจ้าหนอนสีดำนั้นจะรวดเร็วกว่า มันรีบโค้งตัวแล้วกระโดดขึ้นไป ตุ้บ! เกาะอยู่ที่ใบหน้าของชายผู้นั้นพอดิบพอดี
ชายผู้นั้นร้องออกมาด้วยความโหยหวนแล้วพยายามขีดข่วนไปที่ใบหน้าของตน
หลังจากได้ยินน้ำเสียงร้องอันน่าส่งโหยหวนนี้แล้ว เจียงซื่อจึงดึงอวี้จิ่นให้ลุกขึ้น “เอาเถิด พวกเราไปดูกัน”
ผู้ที่ได้ยินความเคลื่อนไหวนี้ยังมีเจียงจั้นและคนอื่นๆ ด้วย
ในไม่ช้าแสงไฟก็ถูกจุดส่องสว่างทีละดวง เสียงของความเคลื่อนไหวเริ่มดังขึ้น
เมื่อพบว่าอวี้จิ่นเดินออกมาพร้อมกับชายหนุ่มรูปงาม เจียงจั้นมองไปด้วยความงุนงง
“อาซื่อเอง” อวี้จิ่นไม่อยากจะไปสนใจว่าเจียงจั้นคิดอะไรอยู่ จึงได้เอ่ยถึงตัวตนของชายหนุ่มผู้นั้นออกมา
เจียงจั้นกลอกตามอง แววตาของเขาดูซับซ้อนยิ่งหนัก
ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าการจำแนกหน้าตาของน้องสาวตนจะยากเพียงนี้ น้องสี่ประเดี๋ยวก็ทำหน้าตาเลียนแบบอาฮวา อีกประเดี๋ยวก็แต่งเป็นชายหนุ่ม นางต้องการทำสิ่งใดกันแน่
เจียงซื่อเอ่ยปากขึ้นว่า “ไปดูกันก่อนเถิด”
เมื่อพวกเขาเดินไปตามต้นเสียงนั้นก็พบชายคนหนึ่งนอนชักกระตุกเกร็งอยู่ที่พื้น บัดนี้ไม่อาจส่งเสียงใดออกมาได้อีก
“เอาเขาเข้าไปข้างในห้อง” อวี้จิ่นออกคำสั่ง จากนั้นจูงมือเจียงซื่อกลับไป
หลงต้านมองซ้ายมองขวา คนหนึ่งคือเหล่าฉิน อีกคนหนึ่งคือเจียงจั้น เขาจึงทำได้เพียงลากตัวชายคนนั้นเข้าไปในห้องด้วยตนเอง
ภายในห้องมีไฟจุดส่องสว่าง
หลงต้านโยนคนผู้นั้นลงที่พื้น เมื่อมองเห็นหน้าตาของชายผู้นั้นอย่างชัดเจน เขาก็กล่าวออกมาด้วยความเยือกเย็นว่า “เหอะ ทำไมคนผู้นี้ถึงคิดสั้นนัก”
ใบหน้าของชายผู้นั้นเป็นรอยขีดข่วนเสียจนมองไม่เห็นเค้าโครงเดิม ที่เล็บของเขาเต็มไปด้วยเลือด อีกทั้งยังมีร่องรอยของเนื้อหนังในซอกเล็บ
บัดนี้เจ้าหนอนสีดำกำลังคืบคลานไปที่ลำคอของชายหนุ่มแล้วทำการดูดเลือดเจ้านายของมันอย่างดุเดือด
“นั่น นั่นตัวอะไรน่ะ” ดวงตาของเจียงจั้นเบิกกว้าง
หลงต้านทำท่าทางคล้ายจะอาเจียน หนอนสีดำตัวเบ้อเร่อที่กำลังดูดเลือดมนุษย์
อวี้จิ่นยังคงอยู่ในความสงบ เขาเอ่ยถามเจียงซื่อว่า “ไม่เก็บเขาไว้หรือ”
เจียงจั้นมองไปด้วยความตกตะลึงกว่าเดิม สายตาที่ทอดมองไปทางอวี้จิ่นนั้นดูแปลกประหลาด เขาแอบพึมพำในใจว่า เหตุใดท่านอ๋องจึงต้องเอ่ยถามน้องสี่เช่นนั้น ที่จริงเหตุการณ์แบบนี้ไม่ควรที่จะให้น้องสี่เห็นด้วยซ้ำ หากนางตกใจจนเป็นลมจะทำอย่างไร
เจียงซื่อที่กำลังถูกพี่ชายของตนเป็นห่วงกังวลก็ได้ก้าวขาออกมา ยื่นมือไปหยิบเจ้าหนอนสีดำตัวกลมออกมา
ที่ปากของหนอนสีดำยังมีเลือดเต็มไปหมด มันเงยหน้าขึ้นสบตากับเจียงซื่ออย่างใสซื่อ
“เข้าไป” เจียงซื่อชี้ไปทางแขนเสื้อของตน
เจ้าหนอนสีดำดิ้นอยู่ชั่วครู่ก่อนจะมุดเข้าไปด้านในอย่างว่าง่าย
เจียงจั้นอ้าปากด้วยความตกใจ “มัน มัน…!”
“พี่รองอย่าได้กลัวไป มันจะไม่กัดผู้ใดโดยพลการ” เจียงซื่อเอ่ยปลอบใจ
เมื่อเห็นรอยยิ้มจางๆ จากใบหน้าของน้องสาว เจียงจั้นก็อดไม่ได้อยากจะยกมือขึ้นตบหน้าของตนเอง
เขาน่าจะกำลังฝันไป!
จากนั้นก็หันศีรษะกลับไปดูอวี้จิ่น พบว่าท่าทางของอวี้จิ่นนั้นดูเป็นธรรมชาติยิ่งนัก
เจียงจั้นจึงได้หยิกตนเองอย่างแรง
เมื่อสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวด จึงทำให้เขายิ่งรู้สึกสับสน
ในเมื่อนี่ไม่ใช่ความฝัน แล้วเหตุใดน้องสาวของตนจึงกลายเป็นเช่นนี้
หลงต้านมองไปทางเจียงจั้นด้วยความเห็นใจแล้วคิดอยู่ในใจว่า ดูเหมือนคุณชายรองเจียงจะไม่เข้าใจสถานการณ์เท่าไหร่นัก พระชายาอ๋องเห็นคนตายตรงหน้ายังไม่แม้แต่กะพริบตา แล้วเพียงแค่หนอนตัวเดียวจะทำอะไรนางได้เล่า
เหล่าฉินมองไปทางเจียงจั้นแล้วรู้สึกเห็นใจเช่นกัน เขาแอบคิดอยู่ในใจว่า คุณชายรองคงจะไม่รู้ว่าเหตุผลที่รับเขาเอาไว้นั้นก็เพราะพระชายาอ๋องเห็นว่าเขาฆ่าคนได้ใช่หรือไม่
เจียงจั้น “…” ทุกคนมองเขาทำไม ไม่รู้สึกว่านี่มันน่าแปลกหรือ
อวี้จิ่นเงยหน้าขึ้นแล้วเตะชายที่อยู่บนพื้น “อย่าแกล้งตาย รีบลุกขึ้นมาเร็ว ไม่เช่นนั้นข้าจะปล่อยหนอนออกไปอีก”
ชายผู้นั้นเดิมทีตั้งใจว่าจะแกล้งนอนอยู่ที่พื้นสักพัก จู่ๆ เขาก็ดีดตัวกระโดดขึ้นแล้วมองไปทางอวี้จิ่นด้วยใบหน้าหวาดกลัว สายตาของเขาบ่งบอกถึงความงุนงงและกังวลใจ
สิ่งที่เขาหวาดกลัวนั้นไม่ใช่ชายที่อยู่ตรงหน้า แต่กำลังสงสัยว่าเหตุใดหนอนสีดำที่ตนเลี้ยงมาเนิ่นนานนี้จึงแว้งมากัดเจ้าของได้
“เจ้าคือใคร”
ชายผู้นั้นไม่ส่งเสียงตอบออกมา
อวี้จิ่นเลิกคิ้วขึ้น “ในเมื่อไม่อยากบอก เช่นนั้นก็ตายเสียเถิด หลงต้าน…”
หลงต้านชะงักลงเล็กน้อย
เจ้านายสืบถามเพียงแค่นี้ ไม่ง่ายไปหน่อยหรือ
“หืม?” อวี้จิ่นเลิกคิ้วมองด้วยความไม่พอใจ
หลงต้านได้สติกลับคืนมารีบกล่าวว่า “พ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อกล่าวจบเขาก็ได้ดึงกริชออกมาแล้วแทงไปยังหัวใจของชายคนนั้น
ชายผู้นั้นสีหน้าซีดเผือดรีบตะโกนว่า “ข้าจะบอก!”
กริชเล่มนั้นได้แทงเข้าไปบริเวณหัวใจ มันแทรกผ่านเสื้อผ้าและขีดข่วนเนื้อบนร่างกายเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าหากเขาเอ่ยปากช้ากว่านี้ไปอีกสักนิดก็คงจะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว
ร่างของชายผู้นั้นสั่นคลอนแล้วร่วงลงสู้พื้นอย่างอ่อนแรง ในใจของเขามีความคิดหนึ่งขึ้นว่า คนผู้นี้แปลกนัก มีใครกันที่เอ่ยถามอีกฝ่ายเพียงประโยคหนึ่งแล้วอีกฝ่ายไม่ตอบก็จะฆ่าทิ้งเสีย
“ว่ามา เจ้าเป็นคนจากเผ่าใด” อวี้จิ่นเอ่ยถามอย่างไรสีหน้าท่าทาง
ชายผู้นั้นเหลือบมองไปยังมีดสั้นที่จ่ออยู่ตรงหัวใจของตน ความหมายนั้นค่อนข้างชัดเจนนั่นก็คือหากว่านำกริชออกไปจากหัวใจเขา ตนจึงจะยอมบอก
อวี้จิ่นพยักหน้าอย่างเข้าใจในความหมายแล้วกำชับกับหลงต้านว่า “ไม่ต้องเก็บกริชเล่มนั้น หากว่าเขาลังเลละก็แทงเข้าไปได้เลย”
ชายหนุ่ม “…”
ดูเหมือนจะสัมผัสได้ว่าชีวิตของตนไม่มีค่าในสายตาคนเหล่านี้ ชายหนุ่มจึงได้ก้มหน้าแล้วกล่าวอย่างไร้เรี่ยวแรงว่า “ข้าเป็นคนจากเผ่าอูเหมียว”
เสียงหัวเราะอันเยือกเย็นลอยมา จากนั้นน้ำเสียงอันเย็นยะเยือกก็ดังขึ้นว่า “เจ้าโกหก!”
ชายผู้นั้นอดไม่แม้แต่จะมองไปทางต้นเสียง
ผู้ที่เอ่ยเมื่อครู่คือเด็กหนุ่มคนหนึ่งซึ่งกำลังมองมาที่เขาอย่างเยือกเย็น
เจ้าหนอนสีดำที่หลบอยู่ในแขนเสื้อเกิดการเคลื่อนไหว มันโผล่ศีรษะออกมาดูอย่างระมัดระวัง
เจียงซื่อกดศีรษะมันกลับไป ด้วยแววตาอันเยือกเย็นกว่าเดิม
หนอนสีดำที่ชายคนนี้เลี้ยงเอาไว้ชื่อว่าหนอนน้ำหมึก และนับว่าเป็นหนอนประหลาดตัวหนึ่ง เผ่าอูเหมียวที่นำโดยสตรีจึงไม่มีชายหนุ่มใดมีคุณสมบัติเลี้ยงหนอนนี้ได้
เขาใส่ร้ายป้ายสีเผ่าอูเหมียว และขณะเดียวกันก็ได้เลี้ยงหนอนประหลาดด้วย
“เหตุใดเผ่าเสวี่ยเหมียวจึงได้ส่งเจ้ามาลอบฆ่าท่านอ๋อง” เจียงซื่อเอ่ยถามขึ้นอย่างไม่ได้รู้สึกตกตะลึง