ตอนที่ 1307 เผชิญหน้ากับอันตรายอีกครั้ง (1) / ตอนที่ 1308 เผชิญหน้ากับอันตรายอีกครั้ง (2)
ตอนที่ 1307 เผชิญหน้ากับอันตรายอีกครั้ง (1)
เมื่อมีประสบการณ์จากครั้งก่อน ครั้งนี้ทุกคนจึงปีนลงผาสุดขอบฟ้าได้ง่ายขึ้นมาก จวินอู๋เสียเตรียมโอสถฟื้นฟูพลังวิญญาณเอาไว้เยอะมาก แม้ว่ามันจะมีฤทธิ์อยู่ได้ไม่นาน แต่จำนวนที่มากมายก็ชนะ พวกเขากินโอสถวิเศษกันตลอดทางและพยายามไม่ใช้พลังวิญญาณให้มากเกินไป บวกกับช่วงนี้ พลังวิญญาณของพวกเฉียวฉู่ก็เพิ่มอย่างมากอีกด้วย พวกเขาค่อยๆ เข้าใกล้ระดับขั้นสีครามแล้ว อีกไม่นานก็จะทะลวงเข้าสู่ขั้นสีครามได้ จึงสามารถประคองพลังเอาไว้ได้นานขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก
เมื่อทุกคนมาถึงด้านล่างของผาสุดขอบฟ้า สภาพของทุกคนยังดีอยู่มาก พวกเขาไม่ได้รีบร้อนเดินทางต่อทันที แต่กลับตั้งกระโจมพักง่ายๆ ขึ้นตรงตีนหน้าผาและพากันพักผ่อน พวกเขารู้ว่าหลังจากนี้จะไม่มีโอกาสพักกันอีกนาน ดังนั้นจึงต้องฉวยโอกาสทุกวินาทีที่มีเพื่อให้ตัวเองอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด
เสื้อผ้าที่พวกเขาสวมใส่อยู่ในตอนนี้ เป็นเสื้อผ้าที่จวินอู๋เสียสั่งให้คนทำขึ้นเป็นพิเศษตอนอยู่ที่รัฐชี อากาศที่ด้านล่างของผาสุดขอบฟ้านั้นหนาวเย็นมากและมีความชื้นสูง ถ้าอยากเดินอยู่ที่นี่ได้นานๆ ก็ต้องมีมาตรการป้องกันที่ดี ไม่อย่างนั้นพลังวิญญาณของพวกเขาจะหมดไปอย่างรวดเร็ว เสื้อผ้าพวกนี้จวินอู๋เสียออกแบบตามแบบชุดทหารในศตวรรษที่ยี่สิบสี่แต่ในโลกนี้ไม่มีวัสดุที่กันน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ จวินอู๋เสียจึงสั่งให้ช่างตัดเสื้อเคลือบเสื้อผ้าด้วยน้ำยาโอสถกันน้ำที่ทำขึ้นเป็นพิเศษ น้ำยาโอสถพวกนี้มีระยะเวลาที่จำกัด ช่วยรักษาความหนาแน่นของเนื้อผ้า ถึงจะอยู่ที่ด้านล่างของผาสุดขอบฟ้าที่ปกคลุมด้วยหมอก พวกเขาก็ไม่ต้องกังวลว่าเสื้อผ้าจะเปียกจากความชื้นของหมอก
จวินอู๋เสียเอาลูกบอลเพลิงวิญญาณที่เตรียมไว้แล้วออกมาเพื่อให้แสงสว่างกับสถานที่ที่มีทัศนวิสัยต่ำมาก
การที่เสื้อผ้าของพวกเขายังแห้งอยู่ ทำให้พวกเฉียวฉู่ออมพลังวิญญาณที่จะต้องใช้รักษาอุณหภูมิร่างกายเอาไว้ได้มากเลยทีเดียว แม้ว่าพวกเขาจะสวมเสื้อผ้าหลายชั้นทั้งข้างนอกและข้างใน แต่ด้วยส่วนสูงและรูปร่างที่ได้สัดส่วนของพวกเขา ทำให้พวกเขาไม่ดูพองกลมเพราะเสื้อผ้า และมันก็ไม่ได้ขัดขวางการเคลื่อนไหวของพวกเขาแม้แต่น้อย
ธารน้ำแข็งใต้ฝ่าเท้าของพวกเขาได้ผนึกร่างของผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนที่มาค้นหาสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิเอาไว้ จวินอู๋เสียยังสังเกตเห็นว่าในบริเวณที่ธารน้ำแข็งก่อตัวมากขึ้นนั้น มีหลายร่างที่ถูกฝังอยู่ในน้ำแข็งแค่ครึ่งร่าง ครั้งที่แล้วที่พวกเขามาที่นี่ยังไม่มีศพพวกนั้น ดูจากเวลาที่ผ่านไปบวกกับปริมาณน้ำแข็ง คนพวกนี้ต้องมาที่ผาสุดขอบฟ้านี่หลังจากที่พวกเขากลับไปแล้วแน่
แสดงว่าสิบสองตำหนักยังไม่ล้มเลิกการค้นหาสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ และร่างไร้วิญญาณเหล่านี้ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามวันเวลาที่ผ่านไป
“ฮิๆ …พวกเจ้าว่า พอเราหาสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิเจอ แล้วเอาสมบัติของเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิมาเป็นของเราแล้ว ถ้าพวกสิบสองตำหนักรู้เข้า พวกนั้นจะโกรธจนคลั่งไปเลยหรือไม่” เฉียวฉู่ถามพลางมองกองกระดูกที่เพิ่มจำนวนขึ้นที่ด้านล่างของผาสุดขอบฟ้า ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มชั่วร้าย
สิบสองตำหนักลงทุนลงแรงไปตั้งเท่าไร ต้องเสียคนไปกี่คน แต่พวกเขาก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของประตูสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ! แต่เขากับสหายมาที่นี่มีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้ว อีกไม่นานสมบัติที่ทุกคนในสามโลกชั้นกลางปรารถนาก็จะตกอยู่ในมือของพวกเขา! ความรู้สึกนั้นทำให้โลหิตของพวกผู้เยาว์เดือดพล่านด้วยความตื่นเต้น!
“พวกนั้นจะคลั่งหรือเปล่า ข้าไม่รู้หรอก แต่ที่แน่ๆ พวกนั้นจะต้องทำทุกอย่างเพื่อไล่ล่าพวกเราอย่างแน่นอน” เฟยเยียนพูดพร้อมกับยักไหล่ พวกเขายังคงพูดคุยเรื่องอื่นๆ นอกเหนือจากสิ่งที่พวกเขาเผชิญอยู่ได้ แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์ของพวกเขายังดีอยู่
“ทำได้ก็มาเลย! ข้าไม่กลัวพวกมันหรอก!” เฉียวฉู่พูดอย่างอวดดี
จวินอู๋เสียไม่ได้มีส่วนร่วมในการสนทนาของพวกเขา นางนั่งอยู่ในกระโจมอย่างเงียบๆ ขณะที่ถือบางอย่างที่ดูเหมือนเข็มทิศเอาไว้ในมือ
ตอนที่ 1308 เผชิญหน้ากับอันตรายอีกครั้ง (2)
สิ่งนี้เรียกว่าจานแห่งโชคชะตา ในทางทฤษฎีแล้วมันคล้ายกับเข็มทิศในชาติก่อนของจวินอู๋เสีย เมื่อมีใครหลงทาง ก็จะใช้มันเพื่อบ่งบอกทิศ มันไม่ใช่ของหายาก และจวินอู๋เสียก็นำมันมาด้วยเมื่อครั้งที่แล้ว แต่เนื่องจากพวกเขาไม่มีเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงมาก่อน จึงไม่ได้พึ่งพามันมากนัก แค่ใช้มันไม่กี่ครั้งเวลาที่ค้นหาทางไปข้างหน้า
แต่ตอนนี้แตกต่างไปโดยสิ้นเชิง
แผนที่แปดชิ้นส่วนที่ประกอบเข้าด้วยกันครบสมบูรณ์ แสดงให้เห็นถึงตำแหน่งของสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิและภูมิประเทศทั้งหมดที่ด้านล่างของผาสุดขอบฟ้าซึ่งซ่อนอยู่ภายใต้หมอกหนา รายละเอียดทั้งหมดได้อยู่ในหัวจวินอู๋เสียแล้ว ด้วยทิศทางที่ล็อคไว้บนจานแห่งโชคชะตา พวกเขาสามารถระบุตำแหน่งปัจจุบันของพวกเขาบนแผนที่และวางแผนได้ว่าพวกเขาจะเจอกับอะไรในหนทางข้างหน้า
จากสิ่งที่ปรากฏอยู่บนแผนที่ จุดที่ลึกที่สุดที่จวินอู๋เสียกับสหายไปถึงเมื่อคราวที่แล้วนั้น ยังไม่ถึงหนึ่งในสิบของระยะทางทั้งหมดเลย และประสบการณ์ครั้งนั้นก็ทำให้พวกเขาทุกคนบ่นว่ามันโหดสุดๆ กันแล้ว
แค่หนึ่งในสิบก็ยากลำบากขนาดนั้นแล้ว สำหรับพื้นที่ที่พวกเขาต้องเดินทางไปหลังจากนั้น ถ้าไม่มีแผนที่ ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าจะใช้เวลาเท่าไร แค่อุปสรรคมากมายที่ขวางทางก็มากพอจะคร่าชีวิตพวกเขาแล้ว
สิ่งที่พวกเขาเห็นจากแผนที่นั้น ยิ่งพวกเขาเข้าใกล้สุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิมากเท่าไร ยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น ทุกสิ่งที่พวกเขาเจอในการเดินทางครั้งที่แล้วเป็นเพียงแค่การเล่นของเด็กเมื่อเทียบกับสิ่งนี้
“มีทำเครื่องหมายเอาไว้บนแผนที่ตรงนี้ว่าเป็นระยะที่สัตว์ประหลาดเคลื่อนไหวได้ พอไปถึงที่นั่นเราก็แค่หลีกเลี่ยงบริเวณนั้นเสีย” ฟ่านจัวชี้พื้นที่ที่แสดงบนแผนที่ พวกเขารู้จากประสบการณ์ครั้งก่อนแล้วว่าสัตว์ประหลาดที่พ่นเปลวไฟสีเขียวนั้นน่ากลัวขนาดไหน
เจ้าสิ่งนั้นเกือบฆ่าจวินอู๋เสีย และถ้าใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะไม่เอาร่างตัวเองมาเป็นโล่ปกป้องนาง จวินอู๋เสียก็คงตายอยู่ที่นี่แล้ว
จวินอู๋เสียมองจุดบนแผนที่ที่ฟ่านจัวชี้แล้วพยักหน้านิ่งๆ
บริเวณที่สัตว์ประหลาดอยู่ถูกทำเครื่องหมายเอาไว้ด้วยหัวกะโหลกสีแดง และหัวกะโหลกที่มีลักษณะเหมือนกันนั้นมีอยู่หลายสิบอันบนแผนที่ เห็นได้ชัดว่าเจ้าตัวน่ากลัวพวกนั้นไม่ได้เป็นของหายากที่นี่ พวกเขาเจอแค่ตัวเดียวก็ทำเอาบางคนบาดเจ็บสาหัสแล้ว ตอนนี้มีแผนที่อยู่ในมือ พวกเขาจึงรู้ว่าต้องหลีกเลี่ยงพื้นที่เหล่านั้นทั้งหมด
“ดินแดนเทพมารทุ่มเต็มที่จริงๆ เอาสัตว์ประหลาดมากมายพวกนี้มาเฝ้าสุสาน ข้าว่านะถ้าเจ้าตัวพวกนี้อยู่ในมือใครในสามโลกชั้นกลาง การจะขึ้นเป็นใหญ่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย” เฉียวฉู่พูดพลางลูบคาง แม้ว่าสัตว์ประหลาดตัวนั้นเกือบจะฆ่าเขา แต่เขาก็ต้องยอมรับว่าเจ้าพวกนั้นโหดมากจริงๆ!
เยี่ยซาและเยี่ยเม่ยที่นั่งอยู่ด้านหนึ่ง เบนสายตาไปมองจวินอู๋เย่าอย่างเงียบๆ
สัตว์ประหลาดที่เฉียวฉู่กับคนอื่นๆ พูดถึง…
ที่จริงแล้วเป็นแค่สัตว์เลี้ยงที่จวินอู๋เย่าเอามาแก้เบื่อตอนไม่มีอะไรทำ…
แต่คำว่า ‘สัตว์เลี้ยง’ ก็ใช้ได้เฉพาะกับจวินอู๋เย่าคนเดียวเท่านั้น กับคนอื่นๆ เจ้ายักษ์พวกนั้นก็คือฝันร้ายที่เลวร้ายที่สุดนั่นแหละ
มีรอยยิ้มขี้เกียจปรากฏอยู่บนใบหน้าจวินอู๋เย่า เขานั่งหันข้างพิงด้านหลังของจวินอู๋เสีย มองดูเสี้ยวหน้าด้านข้างของจวินอู๋เสียโดยไม่พูดอะไรเลย
นับตั้งแต่วินาทีที่เขาลงมาถึงด้านล่างของผาสุดขอบฟ้า เขาก็รู้ทันทีว่าสถานที่นี้ถูกสร้างขึ้นด้วยมือของดินแดนเทพมารจริงๆ ของส่วนใหญ่ที่นี่เป็นสิ่งที่เขาเคยพูดกับคนในกองทัพราตรีในเวลาที่เขาเบื่อ
รวมถึงเรื่อง ‘สัตว์เลี้ยงที่น่ารัก’ ของเขาก็ได้สวมบทเป็นสุนัขเฝ้าบ้าน
แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่า เขาจะมีโอกาสได้มา ‘ตรวจสอบ’ การป้องกันที่วางไว้ป้องกันสุสานของเขาเอง