บทที่ 660 เจ้าต้องทำได้แน่นอน
บทที่ 660 เจ้าต้องทำได้แน่นอน
“งั้นก็ได้ ท่านพี่ ท่านห้ามเมินเฉยข้าเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นข้าโกรธจริง ๆ ด้วย”
“ไม่แน่นอน อาเซินเป็นน้องชายที่ข้าโปรดปรานที่สุด” นางกล่าวพลางลูบศีรษะของหลินเซิน จึงทำให้หลินเซินสงบลง
“เจ้าทานอาหารเช้ากับเราก่อนสิ แล้วค่อยไปคุยเรื่องสำคัญ” เซี่ยเชียนเห็นการปฏิสัมพันธ์ของสองพี่น้อง จึงเอ่ยกับหลินซือ
“อื้อ ขอบคุณเจ้าค่ะท่านปู่” เพราะความสัมพันธ์ของหลินเซินและเซี่ยเชียน ตระกูลหลินจึงได้สนิทชิดเชื้อกันมาโดยตลอด และค่อนข้างโปรดปรานหลินซือเป็นที่สุด ต่อหน้าเซี่ยเชียน หลินซือไม่เคยมีความเกรงใจแต่ไหนแต่ไร
ทั้งสามคนนั่งลงทานอาหารข้าวอันโอชะด้วยกันจนหมด หลินเซินถูกเซี่ยเชียนไล่ไปทบทวนตำราเรียนอยู่ในห้องตำรา ส่วนเซี่ยเชียนชงน้ำชาจอกหนึ่ง นั่งเสวนาพาทีกับหลินซือ
“ที่มาแต่เช้าวันนี้ มีเรื่องอะไร?”
“ท่านปู่ ข้าขอไม่ปิดบังนะเจ้าคะ ข้าอยากเปิดกิจการค้าเกลือเจ้าค่ะ” เซี่ยเชียนก็เป็นขุนนางในราชสำนัก ย่อมรังเกียจการพูดจาแบบชักแม่น้ำทั้งห้าของคนเหล่านั้น ดังนั้นเรื่องของหลินซือได้สนองความอยากกระหายของเขาโดยตรง
“เกลือ? แม่ของเจ้าเห็นด้วยกับเรื่องที่เจ้าพูดด้วยเช่นนั้นสิ”
“อื้อ เมื่อวานข้าคุยกับท่านแม่แล้ว ข้ารู้ว่าเรื่องนี้มันไม่ง่าย แต่ข้าก็อยากทำ ถึงอย่างไร … คนค้าเกลือแบบเอกชนก็มีจำนวนเยอะ ถ้าข้าได้รับความเห็นชอบจากองค์จักรพรรดิ ก็น่าจะสร้างกำไรได้ และในขณะเดียวกันก็ลดพฤติกรรมของการค้าเกลือแบบเอกชนลงด้วย”
“เจ้าอยากได้ความเห็นชอบจากองค์จักรพรรดิอย่างนั้นรึ?” เซี่ยเชียนเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของหลินซือ
หลานสาวอย่างนางคิดเป็นจริงเป็นจัง คนอื่นต่อให้ทำการค้าขนาดย่อยก็ยังต้องคิดไตร่ตรองอยู่หลายตลบ แต่หลานสาวของตัวเองคนนี้กลับต้องการเสนอความคิดเห็นต่อองค์จักรพรรดิโดยตรง
“ถูกต้อง ข้าอยากให้ท่านปู่ช่วยข้ากราบทูลเรื่องนี้ต่อหน้าพระพักตร์ขององค์จักรพรรดิเจ้าค่ะ”
“องค์จักรพรรดิไม่มีทางเห็นด้วยง่าย ๆ แน่” เซี่ยเชียนเข้าใจองค์จักรพรรดิดี เขาเป็นโรคขี้ระแวง ถ้าเอ้อเป่ากราบทูลเรื่องนี้ต่อองค์จักรพรรดิ องค์จักรพรรดิจะต้องฏิเสธอย่างไม่ลังเลแน่นอน
“ข้าก็คิดเช่นนี้ เรื่องเกลือเป็นเรื่องใหญ่ อีกทั้งผลประโยชน์ในนั้นก็มหาศาล แค่ผลิตเกลือก็กอบโกยได้เป็นกอบเป็นกำ ถ้าสามารถนำเงินเหล่านี้มาซ่อมบำรุงเรือนพักพิงในหลาย ๆ ที่ได้ คงจะช่วยแก้ไขปัญหาการจัดหาอาหารที่ไม่เพียงพอแก่ผู้ลี้ภัยของราชสำนักไม่น้อย”
“แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ ก็ต้องหาที่ที่ห่างไกลอำนาจ เรื่องเรือนพักพิงเหล่านั้นจะทำอย่างไร? เอ้อเป่า ข้าเข้าใจความตั้งใจเดิมของเจ้า แต่เรื่องนี้มันไม่ง่ายอย่างที่เจ้าคิด”
“ท่านปู่ เรื่องเรือนพักพิงข้าคงยกให้ขุนนางชั้นสูงหรือพ่อค้าแม่ขายเหล่านั้นไม่ได้แน่นอน เราให้คนในเรือนพักพิงมาทำกันเองก็ได้ อีกอย่างคนในนั้นต่างช่วยกันดูแลสอดส่องได้ ทุกคนลงความเห็นเลือกคนที่ไว้วางใจสักคน แบบนี้ไม่ดีกว่ารึ?”
“ความคิดเจ้าไม่เลว แต่ต่อให้เจ้าได้รับการอนุญาตจากองค์จักรพรรดิ แล้วเรื่องอื่นเล่า? เจ้ารู้หรือไม่ว่าขั้นตอนแรกของการผลิตเกลือคือการหาเหมืองเกลือ”
“ข้ารู้ ในตอนที่ข้าออกเดินทางไปพร้อมกับพี่อาเถิง ก็ใช่ว่าจะไม่ได้อะไรกลับมา ข้าได้รู้จักผู้คนไม่น้อย ดังนั้นเรื่องเหมืองเกลือ พี่อาเถิงจัดการให้ข้าเรียบร้อยแล้ว ท่านปู่วางใจได้”
“ในเมื่อเจ้ามีความคิดนี้ คิดเพื่อราษฎร งั้นข้าก็จะลองดู แต่ก็ไม่กล้ารับประกันความสำเร็จ เอ้อเป่า ถ้าไม่สำเร็จ เจ้าจะมาโทษปู่ไม่ได้นะ”
ยิ่งอายุมากขึ้น เซี่ยเชียนก็ยิ่งอ่านความคิดขององค์จักรพรรดิไม่ออก แม้ว่าองค์จักรพรรดิจะทรงปฏิบัติกับเขาดีกมาก แต่สุดท้ายแล้วก็แตกต่างจากช่วงวัยหนุ่มอยู่ดี
เขาทำได้แค่ส่งต่อความคิดของเอ้อเป่าไปยังองค์จักรพรรดิ ส่วนเรื่องที่ว่าองค์จักรพรรดิจะทรงตัดสินพระทัยอย่างไร เขาไม่สามารถก้าวก่ายได้
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านปู่ แค่ได้รับความเห็นชอบจากท่านปู่ อาซือก็ดีใจมากแล้ว” เดิมทีคิดว่าการพูดโน้มน้าวให้ผู้เป็นปู่จำยอมต้องใช้ทักษะมากมาย แต่หลินซือแค่เสนอความคิดของตัวเองคร่าว ๆ เซี่ยเชียนก็ยินยอมแล้ว
หลินซือรู้สึกว่าไม่มีเรื่องใดที่ทำให้นางดีใจเท่าเรื่องนี้อีกแล้ว
หลังจากพูดคุยกับเซี่ยเชียนเสร็จสิ้น หลินซืออยากกลับจวนทันที พี่อาเถิงยังรอนางกลับไป
เซี่ยเชียนอยากรั้งเอ้อเป่าอยู่ทานอาหารเที่ยงด้วยกันแล้วค่อยกลับ แต่ครั้นเห็นท่าทางอยากกลับจวนของนาง จึงไม่รั้งไว้ เรื่องของหนุ่มสาวเขาพูดอะไรไม่ได้
แค่พยายามในแบบของเขาอย่างเต็มที่ เพื่อให้พวกนางผ่อนคลายลงบ้างก็เท่านั้น
คิดได้เช่นนี้ เซี่ยเชียนก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเข้าวัง วันนี้ยังต้องไปตรวจตำราเรียนให้องค์รัชทายาท แม้ว่าช่วงนี้องค์รัชทายาทจะทรงจริงจัง แต่องค์จักรพรรดิกลับไม่เคยปล่อยเรื่องการเรียนขององค์รัชทายาทแต่อย่างใด
แม้แต่สวีกุ้ยเฟยก็ยังได้เข้าเฝ้าองค์รัชทายาทเพียงเดือนละสองครั้ง เพราะกลัวว่าสวีกุ้ยเฟยจะใจอ่อน ตามใจองค์รัชทายาทจนเสียคน
สองเดือนหลังจากนั้น
“คุณหนู ข้างนอกยังมีผู้คนอีกมากมาย ต่างยืนรอกันไม่ไปไหน บอกว่าอยากเข้าพบคุณหนู ทั้งยังนำของขวัญมาให้มากมายอีกด้วย”
“รู้แล้ว ให้พวกเขาวางของขวัญไว้ แล้วกลับไปเสีย ไว้ข้าดูแล้วข้าจะส่งเทียบเชิญไปให้พวกเขามาที่นี่”
“เจ้าค่ะ” สาวใช้ตอบรับและถอยออกไป ตลอดสองเดือนที่พักฟื้นมา บาดแผลตามร่างกายของเจี่ยงเถิงดีขึ้นเจ็ดถึงแปดส่วนแล้ว แต่ทำไมยังไม่มีท่าทีจะฟื้น
เจี่ยงฉีแวะเวียนมาเยี่ยมหลายครั้ง พบว่าหลินซือดูแลบุตรชายของตัวเองอย่างดีจึงวางใจ เลยมาเยี่ยมอาทิตย์ละสองครั้งเท่านั้น แต่กลับเป็นเหยาซูที่ยังแวะเวียนมาส่งอาหารให้กับหลินซือเสมอ เพราะกลัวว่าหลินซือจะหิว
“พี่อาเถิง เหตุใดท่านยังไม่ฟื้นเสียที? ตอนนี้อาซือเก่งมากแล้วนะ กลายเป็นแม่ค้าขายเกลือที่ได้รับการแต่งตั้งจากองค์จักรพรรดิ เก่งมากเลยใช่หรือไม่?”
หลินซือคอยพูดคุยอยู่ข้างกายพี่อาเถิงทุกวัน ยังพูดเจี้อยแจ้วตั้งแต่แรกเริ่มจวบจนตอนนี้ เหมือนจะกลายเป็นความเคยชินอย่างหนึ่งไปแล้ว
ไม่ว่าพี่อาเถิงจะได้ยินหรือไม่ แค่นางได้พูดออกมาก็พอใจ
การค้าเกลือเป็นเรื่องใหญ่ เกี่ยวข้องกับสิ่งต่าง ๆ มากกว่าที่นางคิดไว้ นานวันนางก็ค่อย ๆ เข้าใจว่าเพราะเหตุใดพี่อาเถิงถึงไม่ให้นางทำเรื่องนี้ตั้งแต่แรก เพราะถ้าทำออกมาไม่ดี จะได้รับการบทลงโทษจากองค์จักรพรรดิด้วย
แต่ตอนที่นางเห็นพี่อาเถิงนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง หลินซือก็ตัดสินใจได้ว่าต้องทำออกมาให้ดี มิเช่นนั้นอาจจะทำให้พี่อาเถิงผิดหวัง อีกทั้งนางก็ไม่อยากให้พี่อาเถิงต้องเหนื่อยเพราะเรื่องเกลือพวกนี้ด้วย นางอยากช่วยพี่อาเถิงจริง ๆ
“พี่อาเถิง อาซือมีอีกหลายเรื่องที่ยังทำไม่เสร็จ ไว้พี่อาเถิงฟื้นแล้วค่อยขอคำปรึกษาจากท่านนะ? เมื่อไรท่านจะฟื้นเสียที?”
หลินซือกล่าวพลางลูบใบหน้าของพี่อาเถิง ด้วยความถวิลหาพี่อาเถิงที่คอยปกป้องตนทุกด้านคนนั้น
แม้ว่านางมักจะอยู่ตัวคนเดียว แต่ตราบใดที่พี่อาเถิงอยู่เคียงข้าง นางก็ไม่กลัวสิ่งใด ต่อให้ลำบากมากมายเพียงใด นางเชื่อว่าพี่อาเถิงจะช่วยนางแก้ไขมันไปด้วยกัน
ไม่มีพี่อาเถิง นางต้องอาศัยความเชื่อมั่นของตัวเอง เชื่อว่าตัวเองต้องทำได้
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
หลินซือมีหัวการค้าเหมือนผู้เป็นแม่จริง ๆ
ไหหม่า(海馬)