ตอนที่ 644 ซื้อใจคน

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 644 ซื้อใจคน

ทหารหน่วยตรวจเมืองรีบลากตัวเหลียงอ๋องที่ร้องไห้จนตัวโยนลงไปจากบันไดของตำหนักฮ่องเต้

“เสด็จพ่อ! เสด็จพ่อทรงไว้ชีวิตลูกเถิดพ่ะย่ะค่ะ ลูกแค่กลัวตายเท่านั้น ต่อให้ลูกต้องตาย ลูกก็ไม่เคยคิดทำร้ายเสด็จพ่อและเสด็จพี่รัชทายาทจริงๆ นะพ่ะย่ะค่ะ!” เหลียงอ๋องถีบขาทั้งสองข้างอย่างแรง ตะโกนเข้าไปในตำหนักอย่างสุดเสียง

ไป๋ชิงเหยียนคิดว่าที่เหลียงอ๋องมีชีวิตอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้เป็นเพราะเขาไม่มีศักดิ์ศรีและคุณธรรม ดังนั้นเข่าทั้งสองข้างของเขาจึงพร้อมคุกเข่าได้ตลอดเวลาเช่นนี้

เหลียงอ๋องหมดทางลืมตาอ้าปากแล้ว

ในเมื่อเหลียงอ๋องโชคดีรอดชีวิตจากสถานการณ์วุ่นวายเช่นนี้ ไป๋ชิงเหยียนรู้สึกว่าหากเสี่ยงสังหารเหลียงอ๋องในตอนนี้ ไม่สู้ให้เขามีชีวิตอยู่ต่อเพื่อมองในสิ่งที่เขาอยากได้ ทว่า ไม่มีโอกาสได้มันมาครอบครอง ให้เขามีชีวิตอยู่ในคราบของคนอ่อนแอไร้ความสามารถเช่นนี้ไปตลอดชีวิตดีกว่า

ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางเหลียงอ๋องที่มีสีหน้าหวาดกลัวและร้องไห้ตัวโยน วินาทีนั้น…หญิงสาวนึกภาพเหลียงอ๋องผู้สง่างามในชาติที่แล้วไม่ออกอีกแล้ว

ชาติที่แล้วเหลียงอ๋องมีตู้จือเวย มีนาง เขาค่อยๆ สลัดคราบคนอ่อนแอออกจนกลายเป็นเทพแห่งสงคราม กลายเป็นคนที่มีทั้งอำนาจและบารมี

ไป๋ชิงเหยียนรับร่มมาจากเจี่ยงหมัวมัวแล้วกางเหนือศีรษะขององค์หญิงใหญ่ จากนั้นกล่าวกับองค์หญิงใหญ่ “ท่านย่า ข้าส่งท่านขึ้นรถม้าเจ้าค่ะ”

“เจ้าไม่กลับไปที่จวนพร้อมย่าจริงๆ หรือ แม้เจ้าจะไม่ห่วงร่างกายของตัวเอง ทว่า เจ้าไม่ห่วงความปลอดภัยของจวนไป๋หรือ” องค์หญิงใหญ่กุมมือไป๋ชิงเหยียน

จวนไป๋ไม่ได้ส่งข่าวมาหานาง ในสายตาของไป๋ชิงเหยียนการไม่ได้รับข่าวถือเป็นข่าวดี

ไป๋ชิงเหยียนรู้ความสามารถของเซียวหรงเหยี่ยนดีจากชาติที่แล้ว ขอเพียงชายหนุ่มรับปากว่าจะช่วยคุ้มครองจวนไป๋ เขาย่อมทำได้อย่างที่รับปากแน่นอน ไป๋ชิงเหยียนจึงไม่กังวลเรื่องนี้

ที่สำคัญนางยังจากไปตอนนี้ไม่ได้ กองกำลังรักษาพระองค์กว่าครึ่งก่อกบฏร่วมกับจงเส้าจ้งและซิ่นอ๋อง จำนวนของพวกเขาเกือบเท่าๆ กับกองทัพหนานตู ค่ายผิงอันสูญเสียไม่น้อยจากสงครามครั้งนี้ ผู้อื่นอาจมองว่านี่คือปัญหา ทว่า ไป๋ชิงเหยียนรู้สึกว่านี่คือโอกาสดีที่นางจะแทรกคนของนางเข้าไปและซื้อใจคนเหล่านี้

หากไป๋ชิงเหยียนจากไปในตอนนี้ หญิงสาวคงพลาดโอกาสอันดีนี้ไปอย่างน่าเสียดาย

ที่สำคัญครั้งนี้ไป๋ชิงเหยียนเผยความสามารถของตัวเองออกมา เวลานี้ฮ่องเต้และรัชทายาทกำลังซาบซึ้งที่นางนำทัพมาช่วยเหลือพวกเขาจึงยังไม่ได้คิดสิ่งใดมาก ทว่า หากพวกเขานึกย้อนในภายหลัง พวกเขาอาจหวาดระแวงตระกูลไป๋ขึ้นอีกครั้ง ไม่แน่พวกเขาอาจรั้งตัวนางไว้ที่เมืองหลวงเพื่อจับตาดู

บัดนี้ฮ่องเต้ยังไม่ได้พระราชทานรางวัล ฮ่องเต้อาจพระราชทานสมรสให้นางแต่งเข้าจวนรัชทายาทก็ได้ นางไม่อยากให้กลายเป็นเช่นนั้น

ไป๋ชิงเหยียนกำชับองครักษ์ลับของเซียวหรงเหยี่ยนไว้แล้ว หญิงสาวจะจัดฉากว่าถูกลอบสังหารและได้รับบาดเจ็บหนักจนมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกไม่นาน จากนั้นจะได้กลับไปรักษาตัวที่ซั่วหยางอย่างไร้อุปสรรค

หากมือสังหารลงมือตอนที่ท่านย่าอยู่ด้วย ไป๋ชิงเหยียนกลัวว่าท่านย่าจะเสียใจจึงไม่อยากให้นางเห็นเหตุการณ์

เมื่อส่งองค์หญิงใหญ่จากไปแล้ว หมอหลวงหวงช่วยรักษาแขนให้ไป๋ชิงเหยียน เขากล่าวว่าแม้ไม่ได้รับบาดเจ็บถึงกระดูก ทว่า เส้นเอ็นฉีกขาด กำชับให้นางพักฟื้นให้เต็มที่ถึงจะหายดี

ไป๋ชิงเหยียนกล่าวขอบคุณ จากนั้นเดินไปเปลี่ยนเครื่องแต่งกายที่เกาเต๋อเม่าสั่งให้คนนำมาให้ที่ตำหนักรับรอง

องค์รักษ์ไป๋กล่าวรายงานไป๋ชิงเหยียนเสียงเบาหวิวผ่านฉากกั้นแกะสลักลายดอกไม้ “คุณหนูใหญ่ แม่ทัพหลิวหงมาถึงแล้วขอรับ เขาสั่งให้ทหารคุมตัวกองทัพหนานตูและกองกำลังรักษาพระองค์ที่ก่อกบฏออกไปจากวังหลวง ได้ยินว่านอกจากเหลียงอ๋องและบรรดาแม่ทัพตำแหน่งสำคัญที่จะโดนโทษหลิงฉือ[1] ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งให้สังหารทหารที่เหลืออยู่ทั้งหมดให้สิ้นซากขอรับ”

ไป๋ชิงเหยียนใช้มือข้างเดียวในการเปลี่ยนเครื่องแต่งกายจึงไม่ค่อยถนัดนัก เมื่อได้ยินคำกล่าวนี้ ไป๋ชิงเหยียนชะงักมือทันที “ทั้งหมดกี่คน”

“เรียนคุณหนูใหญ่ ไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นแปดพันคนขอรับ” องครักษ์ไป๋ตอบ

สังหารคนทั้งหมดหนึ่งหมื่นแปดพันคนอย่างนั้นหรือ!

แม้กองทัพกบฏจะสมควรตาย ทว่า ในบรรดาพวกเขามีทหารธรรมดาที่จำต้องฟังคำสั่งของเจ้านายอย่างคัดค้านไม่ได้

ไป๋ชิงเหยียนไม่ใช่คนมีเมตตา ทว่า แต่ไรมาเมื่อจักรพรรดิพบเหตุการณ์แบบนี้ พวกเขาจะทำเพียงแค่เชือดไก่ให้ลิงดู ลงโทษหัวหน้าสถานหนัก ลงโทษลูกน้องสถานเบาเท่านั้นเพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเขามีความเมตตา

ไป๋ชิงเหยียนกัดฟันเปลี่ยนเครื่องแต่งกายจนเสร็จ หญิงสาวเปิดประตูออกด้วยมือเพียงข้างเดียว มองไปยังม่าฝนที่กั้นอยู่ตรงระเบียงทางเดิน เอ่ยถาม “ตอนนี้แม่ทัพหลิวหงอยู่ที่ใด จะพาคนพวกนั้นไปที่ใด”

“เรียนคุณหนูใหญ่ ตอนที่ข้ามารายงาน แม่ทัพหลิวหงสั่งให้ทหารเคลื่อนขบวนไปทางประตูทิศตะวันออกแล้วขอรับ”

ประตูทิศตะวันออกของวังหลวง ประตูหย่งติ้งอย่างนั้นหรือ!

หากไป๋ชิงเหยียนเดาไม่ผิด ฮ่องเต้ต้องสั่งให้แม่ทัพหลิวสังหารทหารกบฏทั้งหมดที่ประตูหย่งติ้งแน่นอน!

ใจของไป๋ชิงเหยียนกระตุกวูบ รีบเดินออกไปกลายสายฝน “รีบไปที่ประตูหย่งติ้ง!”

“คุณหนูใหญ่จะไปช่วยคนหรือขอรับ” องครักษ์ไป๋รีบวิ่งตามไปติดๆ

แววตาของไป๋ชิงเหยียนคมกริบ กล่าวขึ้น “ไปช่วยคน ไปซื้อใจคนด้วย”

ฝนตกหนักตลอดทั้งคืน เม็ดฝนไม่เพียงไม่ซาลง ทว่า กลับตกรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

หลู่เซียงในชุดขุนนางลงมาจากรถม้า บ่าวรับใช้รีบถลาเข้ามากางร่มรับหลู่จิ้นลงมาจากรถม้า

หลู่เซียงก้มหน้ามองเลือดสดตรงปลายเท้าที่ถูกน้ำฝนสาดกระทบลงบนรองเท้าหนังของเขา จากนั้นมองไปทางกลองเติงเหวินที่ล้มลงบนพื้นและประตูอู่เต๋อที่พังบิดเบี้ยว เขารับรู้ทันทีว่าการปะทะกันที่หน้าประตูอู่เต๋อคงรุนแรงมาก

ไม่นาน รถม้าของต้าหลี่ซื่อชิงต่งชิงผิงก็หยุดลงที่หน้าประตูอู่เต๋อเช่นเดียวกัน เขาออกมาจากรถม้าเห็นหลู่เซียงเป็นคนแรก เขาจับมือองครักษ์ลงจากรถม้า เดินไปหาหลู่เซียงแล้วทำความเคารพ “อัครมหาเสนาบดีหลู่”

“ใต้เท้าต่ง!” หลู่เซียงก้มศีรษะทักทายต่งชิงผิง

จากนั้นเสนาบดีกรมทหารเสิ่นจิ้งจง เสนาบดีกรมการคลังฉู่จงซิ่งก็มาถึงเช่นเดียวกัน พวกเขาโค้งกายทำความเคารพหลู่เซียงผ่านสายฝน จากนั้นเอ่ยถามถึงสถานการณ์

เช้าวันนี้บรรดาขุนนางได้ยินเสียงสู้รบที่ประตูอู่เต๋อตั้งแต่ยังไม่ตื่นนอน พวกเขาต่างส่งองครักษ์ของตัวเองมาสืบเรื่องราวที่ประตูอู่เต๋อ ตอนแรกได้ข่าวว่าแม่ทัพปี้เหิงแห่งกองกำลังรักษาพระองค์นำทัพล้อมประตูอู่เต๋อเอาไว้ จากนั้นรัชทายาทและราชครูนำหน่วยตรวจเมืองมาช่วยเหลือฮ่องเต้ ต่อมาเสียนอ๋องและเหลียงอ๋องนำทัพหนานตูซึ่งไม่รู้มาจากที่ใดบุกเข้าไปในวังหลวงเพื่อช่วยฮ่องเต้เช่นเดียวกัน

บรรดาขุนนางเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดขุนนางรอฟังเหตุการณ์อยู่ในจวนของตัว บางจวนส่งบ่าวรับใช้ออกไปสำรวจความเคลื่อนไหวเป็นระยะ บางคนตรงไปที่จวนของหลู่เซียงเพื่อขอความเห็นจากเขา

จวนของหลู่เซียงได้ข่าวว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วไป๋ชิงเหยียนมุ่งหน้าไปยังประตูเมืองทิศตะวันออก เมื่อเขาวิเคราห์สถานการณ์แล้วจึงบอกให้บรรดาขุนนางคนอื่นๆ กลับไปรอฟังข่าวที่จวน คุ้มกันจวนของตัวเองไว้ให้ดี

มีไป๋ชิงเหยียนอยู่ หลู่เซียงคิดว่าเหตุการณ์วุ่นวายในเมืองหลวงคงสงบลงในไม่ช้า

เป็นดั่งที่หลู่เซียงคิด ครึ่งชั่วยามก่อนหน้านี้ องครักษ์จวนหลู่กลับไปรายงานหลู่เซียงว่าเสียงสู้รบในวังหลวงสงบลงแล้ว

หลู่เซียงคิดว่าเรื่องทุกอย่างคงถูกควบคุมได้แล้ว เขาสั่งให้องครักษ์คุ้มกันจวนให้ดี จากนั้นเขาจึงเดินทางมายังประตูอู่เต๋อ

ขุนนางคนอื่นๆ ก็คงได้ข่าวจึงรีบมาที่นี่เช่นเดียวกัน

กระทั่งหลี่เม่าที่ปกติอ้างว่าป่วยอยู่แต่ในจวน บัดนี้ก็มาอยู่ที่นี่เช่นเดียวกัน

ทว่า ประตูอู่เต๋อถูกคุ้มกันอย่างแน่นหนา ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยพวกเขาเข้าไปในวังแต่อย่างใด

ไม่นานประตูอู่เต๋อจึงถูกเปิดออก…

หลู่เซียงเห็นรถม้าขององค์หญิงใหญ่เคลื่อนตัวออกมาจากประตูอู่เต๋อ เขารีบหลีกทางให้ จากนั้นทำความเคารพรถม้าขององค์หญิงใหญ่

[1] หลิงฉือ โทษประหารชีวิตรูปแบบหนึ่งของจีน ใช้วิธีแล่เนื้อออกเป็นชิ้นบางๆ ทีละชิ้นอย่างช้าๆ จนกว่านักโทษจะถึงแก่ความตาย