ตอนที่ 645 สู้สุดชีวิต

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 645 สู้สุดชีวิต

หลี่เม่ารีบเดินไปหยุดอยู่ข้างหลู่เซียง ทำความเคารพรถม้าขององค์หญิงใหญ่ ขณะที่ก้มกายทำความเคารพ หลี่เม่ากล่าวกับหลู่เซียง “ในเมื่อองค์หญิงใหญ่ปลอดภัยดี แสดงว่าในวังหลวงคงควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว”

หลู่เซียงไม่กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น หลี่เม่าคาดเดาอยู่ในใจว่าองค์หญิงใหญ่คุ้มครองฮ่องเต้ได้สำเร็จหรือมีความดีความชอบในการผลักดันคนอื่นขึ้นครองบัลลังก์กันแน่

เว่ยจงซึ่งมีหน้าที่บังคับม้าหันไปกล่าวกับองค์หญิงใหญ่ที่อยู่ในรถม้า

องค์หญิงใหญ่หลับตานิ่ง นับสร้อยลูกประคำที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อ น้ำเสียงอ่อนล้าอย่างปิดไม่มิด “ไม่ต้องหยุดรถ รถม้าของราชครูถานอยู่ด้านหลัง ให้ราชครูถานอธิบายกับขุนนางพวกนั้นเอง พวกเรากลับจวนเถิด”

องค์หญิงใหญ่เหนื่อยมากแล้ว ไม่รู้เป็นเพราะอายุที่มากแล้ว ร่างกายจึงรับไม่ไหวหรือไม่

ทว่า นางรู้สึกเหนื่อยใจยิ่งกว่า

รถม้าของราชครูถานตามหลังมาติดๆ ขันทีในวังหลวงกางร่มและประคองราชครูถานลงมาจากรถม้า หลู่เซียงรีบถลาไปด้านหน้า “ท่านราชครู ฝ่าบาททรงปลอดภัยดีหรือไม่”

“ท่านราชครู ฝ่าบาททรงเป็นเช่นไรบ้างขอรับ” หลี่เม่าถลาไปด้านหน้า อยากรู้ว่าฮ่องเต้ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่

พริบตาเดียว บรรดาขุนนางที่อยู่หน้าประตูอู่เต๋อต่างเข้าไปล้อมราชครูถานเอาไว้

“ทุกท่าน ทุกท่าน!” น้ำเสียงชราของราชครูถานดังกังวาน เขาตะโกนเสียงดัง “ทุกท่านสบายใจได้ โชคดีที่องค์หญิงเจิ้นกั๋วและแม่ทัพฝูนำทัพมาช่วยทันเวลา ฝ่าบาทและองค์รัชทายาททรงปลอดภัยดี วันนี้ประตูอู่เต๋อเกิดความวุ่นวายขึ้น ฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้ทุกท่านกลับไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยมาร่วมว่าราชการ”

ฝูรั่วซี! หลี่เม่าเลิกคิ้วสูง

“พ่ะย่ะค่ะ!” หลู่เซียงโค้งกายรับบัญชาอย่างจริงใจ

“อัครมหาเสนาบดีหลู่ อัครมหาเสนาบดีหลี่ เสนาบดีกรมทหารใต้เท้าเสิ่น ผู้พิพากษาศาลต้าหลี่ใต้เท้าหลู่ ฝ่าบาทพระวรกายไม่แข็งแรง ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปองค์รัชทายาทจะเป็นคนดูแลราชสำนักแทนฝ่าบาท องค์รัชทายาททรงมีรับสั่งให้พวกท่านทั้งสี่คนไปที่จวนองค์รัชทายาท เมื่อเสร็จเรื่องในวังหลวง องค์รัชทายาทจะรีบกลับจวนไปปรึกษากับพวกท่านว่าควรจัดการกับเรื่องนี้เช่นไร…” ราชครูถานกล่าว

“รับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!” หลู่เซียงรีบกล่าวขึ้น

“รับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ…”

สิ้นเสียงของหลี่เม่า เสิ่นจิ้งจงและหลู่จิ้น รถคุมขังทหารกบฏในครั้งนี้ถูกทหารคุมตัวออกมาจากประตูอู่เต๋อ

บรรดาทหารกองกำลังรักษาพระองค์บางคนตะโกนด่าปี้เหิง ไม่รู้ว่าเหตุใดการที่พวกเขาบุกเข้ามาช่วยเหลือฮ่องเต้จึงกลายเป็นการก่อกบฏไปได้ ปี้เหิงไม่กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น ได้แต่กุมหน้าอกที่เลือดไหลไม่หยุดแน่น เอนกายพิงรถม้าคุมขังสีเทาอย่างพ่ายแพ้

แม่ทัพหนานตูบางคนพร้อมตาย บางคนท้อแท้หมดหวัง ได้แต่หวังว่าเรื่องครั้งนี้จะไม่เดือดร้อนไปถึงครอบครัวของพวกเขา

เหลียงอ๋องถูกคุมขังอยู่ในรถเช่นเดียวกัน เขาเอาแต่ตะโกนว่าถูกเสียนอ๋องหลอกลวง ไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ

รถคุมขังนักโทษเคลื่อนตัวออกมาจากประตูอู่เต๋อ เหลียงอ๋องมองเห็นหลี่หมิงรุ่ยซึ่งยืนอยู่ด้านหลังหลี่เม่า

เหลียงอ๋องรีบยื่นมือออกมาจากรถม้าพลางตะโกนเรียกหลี่หมิงรุ่ย “หมิงรุ่ย! หมิงรุ่ยช่วยข้าด้วย! เจ้าช่วยไปทูลเสด็จพ่อให้ข้าทีว่าข้าไม่รู้เรื่องอันใดทั้งสิ้น ข้าคิดว่าพวกข้าเข้าวังไปเพื่อช่วยเหลือเสด็จพ่อและเสด็จพี่องค์รัชทายาทจริงๆ ! เจ้าเชื่อข้าเถิดนะ! ต่อให้ข้ามีความกล้ามากเท่าใดก็ไม่กล้าก่อกบฏสังหารบิดาของตัวเองแน่! หมิงรุ่ย พวกเราสนิทสนมกันมานาน เจ้ารู้จักนิสัยของข้าดีนี่นา”

หลี่หมิงรุ่ยก้มหน้าต่ำกำหมัดแน่น ท่ามกลางผู้คนมากมายเช่นนี้ไม่ว่าอย่างไรเหลียงอ๋องก็คือโอรสของฮ่องเต้ ด้วยนิสัยของฮ่องเต้ หากตอนนี้เขาไม่สนใจเหลียงอ๋อง ฮ่องเต้ต้องจัดการกับบิดาของเขาอย่างแน่นอน

หลี่หมิงรุ่ยรีบโค้งกายคำนับเหลียงอ๋อง “องค์ชายไม่ต้องกังวลพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาททรงพระปรีชาชาญ หากองค์ชายถูกใส่ร้ายจริงๆ ฝ่าบาทต้องคืนความยุติธรรมให้องค์ชายแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

กล่าวจบ หลี่หมิงรุ่ยโค้งกายคำนับเหลียงอ๋องอีกครั้ง

“ถุย!” แม่ทัพหนานตูที่พร้อมตายถ่มน้ำลายไปทางเหลียงอ๋อง “สารเลว! ตอนที่เสียนอ๋องนำทัพบุกวังหลวงเพื่อดันให้เจ้าขึ้นครองราชย์ เจ้ายังเห็นด้วยอยู่เลยไม่ใช่หรือ เจ้ากังวลว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วจะออกไปนำทัพทหารค่ายผิงอันเข้ามาในเมืองหลวงจึงแนะนำให้เสียนอ๋องแบ่งทหารไปจับตัวสตรีของตระกูลไป๋มาเป็นตัวประกันเพื่อป้องกันองค์หญิงเจิ้นกั๋วไม่ใช่หรือ ตอนนี้เสียนอ๋องสิ้นพระชนม์แล้ว เจ้าจึงโยนความผิดทุกอย่างให้เสียนอ๋องอย่างนั้นหรือ! ฝันไปเถิด! ไม่แหกตาดูก่อนว่ากองทัพหนานตูของพวกข้าจะเห็นด้วยหรือไม่ ถุย ไอ้ชั่ว!”

“สหายทุกคน!” แม่ทัพหนานตูขบกรามแน่น กวาดสายตาไปยังบรรดาทหารหนานตู “ต่อให้ตาย พวกเราก็ต้องตายอย่างชายชาติทหาร ตอนที่พวกเราสมรู้ร่วมคิดกับเสียนอ๋อง พวกเรารู้อยู่แล้วว่าหากชนะจะได้เกียรติยศเงินทอง หากแพ้ต้องชดใช้ด้วยชีวิต! พวกเราแค่สู้จนสุดชีวิตเท่านั้น พวกเราพ่ายแพ้ก็ต้องยอมรับมัน ต้องแพ้อย่างมีศักดิ์ศรี อย่าเลียนแบบคนหน้าไม่อายเช่นเหลียงอ๋องเด็ดขาด!”

แม่ทัพเสี่ยวหวังถูกขังอยู่ในรถม้าเช่นเดียวกัน เขามองไปทางเหลียงอ๋องที่เอาแต่ร้องไห้บอกว่าตัวเองไม่รู้เรื่องใดทั้งสิ้น เขาอดนึกถึงหลิ่วรั่วฟูขึ้นมาไม่ได้ คิดไม่ถึงเลยว่าจวิ้นจู่ของพวกเขาจะต้องแต่งงานกับคนไร้ประโยชน์อย่างเหลียงอ๋อง

บัดนี้พวกเขาก่อกบฏไม่สำเร็จ ทว่า คนของเสียนอ๋องรับรู้ข่าวและรีบพาหนานตูจวิ้นจู่หลบหนีออกจากเมืองไปแล้ว

หากไม่เช่นนั้น…

แม่ทัพเสี่ยวหวังมองไปทางเหลียงอ๋องที่น้ำตาอาบหน้า หากเหลียงอ๋องไม่รู้เรื่องการกบฏครั้งนี้จริงๆ ฮ่องเต้อาจไว้ชีวิตเขาและย่อมเห็นแก่ที่หลิ่วรั่วฟูตั้งครรภ์บุตรของเหลียงอ๋องไว้ชีวิตนางด้วย

มิเช่นนั้นหลิ่วรั่วฟูและเด็กในท้องของนางคงไม่มีโอกาสรอดชีวิตแน่

ภายในรถคุมขังนักโทษคันใหญ่ นอกจากแม่ทัพเสี่ยวหวังแล้ว แม่ทัพคนอื่นต่างเดือดดาล ทหารที่ใกล้จะตายตะโกนด่าเหลียงอ๋องอย่างเคียดแค้นโดยไม่สนว่าเหลียงอ๋องคือโอรสของฮ่องเต้

เมื่อเสียงร้องไห้ของเหลียงอ๋องและเสียงด่าทอของบรรดาทหารดังไกลออกไป หลี่หมิงรุ่ยจึงหยัดกายขึ้น มือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อกระชับแน่น

เมื่อครู่เหลียงอ๋องกล่าวว่าพวกเขาสนิทสนมกันมานาน นี่คือคำข่มขู่…

เหลียงอ๋องต้องการสื่อว่าเขามีจดหมายที่บิดาของเขาเขียนถึงองค์ชายรองอยู่ในมือ

หลี่หมิงรุ่ยขบกรามแน่น ตอนจวนเหลียงอ๋องเกิดไฟไหม้ จดหมายเหล่านั้นยังไม่ได้ถูกเผาไปด้วย

บัดนี้ไม่ว่าจะเป็นองค์หญิงเจิ้นกั๋วหรือเหลียงอ๋องล้วนอ้างว่ามีจดหมายเหล่านั้นอยู่ในมือ

ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาไม่อาจสืบหาอย่างใจเย็นได้อีกต่อไปแล้ว หลี่หมิงรุ่ยตัดสินใจจะไปพบองค์หญิงเจิ้นกั๋วสักครั้ง ขอเพียงแน่ชัดว่าจดหมายของบิดาอยู่ในมือขององค์หญิงเจิ้นกั๋วจริงๆ ตระกูลหลี่ของพวกเขาไปเข้าร่วมกับองค์รัชทายาทก็ไม่ใช่เรื่องแย่อันใด

หลี่หมิงรุ่ยมองไปทางประตูอู่เต๋อ รอให้เรื่องนี้สงบลงก่อน!

หลังจากที่ไช่จื่อหยวนที่ปรึกษาของจวนหลี่ไปรับผิดที่ซั่วหยาง เขาก็ไม่ได้ข่าวของไช่จื่อหยวนอีกเลย ไม่รู้ว่าไช่จื่อหยวนไปอยู่ที่ใดกันแน่

ประตูหย่งติ้ง

แม่ทัพหลิวหงยืนอยู่บนกำแพงสูง พลธนูข้างกายเตรียมการเรียบร้อย เขามองสำรวจไปทางด้านล่างกำแพง รอเวลาที่ประตูหย่งติ้งเปิดออก นักโทษเดินเข้ามาด้านใน แม่ทัพหลิวหงกำมือที่แนบอยู่ข้างลำตัวแน่นอย่างไม่รู้ตัว

ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งให้แม่ทัพหลิวหงสังหารทหารกบฏหนึ่งหมื่นกว่านายอย่างเงียบเชียบและเก็บกวาดให้เรียบร้อย

แม่ทัพหลิวหงขอร้องแล้ว ทว่า ฮ่องเต้ตรัสว่า…ทรยศครั้งหนึ่งไม่มีทางใช้งานอีก ทหารที่ใช้งานไม่ได้อยู่ไปก็เปลืองเสบียงอาหาร

เดิมทีแม่ทัพหลิวหงอยากขอร้องต่อ ทว่า ท่าทีของฮ่องเต้แข็งกร้าว ตรัสอย่างโมโห องค์รัชทายาทที่อยู่ด้านข้างบอกให้แม่ทัพหลิวหงทำตามประสงค์ของฮ่องเต้ แม่ทัพหลิวหงจึงได้แต่เดินออกมาจากตำหนัก