ลี่หุยเห็นว่าอีกฝ่ายมีอำนาจในการแย่งโปรเจคนี้กับเขามาก เลยเพิ่มราคาขึ้นไปบ้าง แต่คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะดันราคาสูงขึ้นไปอีก
ลี่หุยอยากได้โปรเจคนี้เป็นอย่างมาก แต่ว่าอีกฝ่ายไม่ยอมเลย เขาเลยปวดหัวเป็นอย่างมาก แต่ว่าทำอะไรไม่ได้ ถึงราคามันจะสูง แต่ก็ต้องเอาโปรเจคมาให้ได้เหมือนกัน
แต่ว่าราคามันสูงไปมาก เขาเองก็ทำอะไรไม่ได้ เลยต้องปล่อยไป เขาได้ให้ผู้ช่วยไปสืบประวัติของบริษัทนั้น จากนั้นก็ค่อยคิดต่อว่าจะสู้ต่อไหม
ลี่จุนถิงรู้ว่าลี่หุยจะทำแบบนั้นอยู่แล้ว ดังนั้นเลยได้เตรียมข่าวคราวเอาไว้ เป็นไปตามคาด ผู้ช่วยของลี่หุยก็ติดกับแล้ว
“ประธานลี่ พวกเราไม่ต้องกังวลขนาดนั้นก็ได้ ตอนแรกฉันคิดว่าพวกเขาโอ้อวดขนาดนั้น บริษัทคงมีเงินทุนมากแน่นอน ที่แท้ก็เป็นเพราะกู้ธนาคารมา พวกเขากู้มากกว่าเรามาก คุณเพิ่มอีกสักครั้ง พวกเขาคงปล่อยไปเอง”
เป็นไปตามคาด เหมือนที่ผู้ช่วยพูด ลี่หุยเพิ่มราคาอีกครั้ง ทางนั้นก็ยอมจริงๆ ลี่หุยกับลี่หยูนห่วนดีใจเป็นอย่างมาก แต่ว่าจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ยิ้มไม่ออกแล้ว
เพราะว่าคนของด้านการเงินมารายงาน บอกว่าตอนนี้ราคาที่เสนอไปนั้นมันเกินเงินที่เคยกู้มาแล้ว
ไม่ว่าอย่างไร ลี่หุยยอมทำเพื่อโปรเจคนี้ เลยเอาหุ้นห้าเปอร์เซ็นต์ไปที่ธนาคารเพื่อค้ำประกัน หลังจากที่ลี่เจี้ยนหวารู้ ก็รีบไปบ่นเขาที่บริษัท
“ลี่หุย คุณทำมากเกินไปหรือเปล่า คุณก่อเรื่องแบบนี้ต่อไปไม่ได้นะ อันที่จริงตอนนี้พวกเราเอาโปรเจคมาแค่หนึ่งถึงสองงานก็พอแล้ว ไม่ต้องเอามาทั้งหมดนะ”
แต่ว่าลี่หุยนั้นเหมือนปีศาจแล้ว เพราะไม่ว่าต้องจ่ายแค่ไหน เขาก็จะเอาโปรเจคทั้งสี่มาให้ได้ ไม่ว่าลี่เจี้ยนหวาจะโน้มน้าวอย่างไร ลี่หุยก็ยังดื้อดึง
ลี่หุยกู้ให้ได้มากที่สุด สุดท้ายก็ได้ทำสัญญาเหมือนกับที่คิดเอาไว้ บริษัทอิงรังตะกับเวดิโนทั้งสองเองก็ตกลงกันได้
ลี่หุยมองสัญญาทั้งสี่ตรงหน้า ก็รู้ว่าทั้งสองบริษัทที่ปกติไม่ลงรอยกัน ยอมสงบศึกเพราะอยากทำสัญญา ก็ยิ่งอารมณ์ดีเข้าไปใหญ่
หลังจากที่ทำสัญญาไปแล้ว ลี่หุยก็อดไม่ได้ที่จะรีบลงทุน จากนั้นก็เริ่มทำโปรเจค ตอนนี้ก็รอโปรเจคเปล่านั้นถอนทุนกลับมา
แต่ว่า หลังจากที่ร่วมงานไปได้สักพัก อิงรังตะกับเวดิโนมีปัญหากัน เพราะวัสดุที่บริษัทลี่ซื่อใช้ในการทำโปรเจค
“ประธานทั้งสอง คืออย่างนี้นะ เพราะว่าผลิตภัณฑ์ของทั้งสองบริษัทมันไม่เหมือนกัน ดังนั้นเลยใช้วัสดุไม่เหมือนกัน ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดนั้นต้องเข้ากับวัสดุที่ใช้ ดังนั้นเลยเอาราคาของวัสดุมาตัดสินไม่ได้”
ไม่ว่าลี่หุยจะอธิบายอย่างไร ทั้งสองบริษัทอยากใช้วัสดุที่ราคาเท่ากัน ลี่หุยทำอะไรไม่ได้จริงๆ เลยต้องทำไปตามที่พวกเขาต้องการ แต่สิ่งที่ลี่หุยไม่รู้ก็คือ เพราะว่าวัสดุของผลิตภัณฑ์นั้นมันไม่เข้ากัน ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ทำมาในภายหลังนั้นมันไม่ผ่านเกณฑ์
ถ้าเกิด ลี่หุยคิดถึงผลที่จะเกิดขึ้นในตอนนี้ คงจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา แต่ลี่หุยไม่ได้รู้ก่อนเลย มันพิสูจน์ว่าลี่หุยนั้นไม่สามารถมองการณ์ไกลได้ และไม่มีความสามารถในการคุยธุรกิจอะไรได้
นอกจากนี้ หลังจากที่เริ่มทำโปรเจคแล้ว โปรเจคอื่นๆ ของบริษัทนั้นกลับเพราะว่าไม่มีการโยกย้ายทรัพย์สินอะไร มันจะเกิดปัญหาอะไรตามมามากมาย
ลี่หุยไม่ได้สนใจตั้งแต่แรก แต่ว่าผ่านไปหลายๆ วัน โปรเจคนั้นมันก็มีมากขึ้นมา บริษัทต่างสั่นคลอนไปหมด สุดท้ายเรื่องนี้มันก็แพร่ออกไปข้างนอก การตลาดนั้นมันเลยไม่แน่นอน ขนาดหุ้นยังขึ้นลงมาหลายวันแล้ว
ลี่หุยถึงจะได้ให้ความสำคัญขึ้นมา แต่ว่าถ้าเกิดเอาหุ้นไปค้ำประกันอีก หุ้นในมือเขาก็ไม่ได้มีเท่าไหร่ จากนั้นเขาก็เริ่มกลับมาสนใจลี่หยูนห่วนแล้ว
“สถานการณ์ของบริษัทในตอนนี้ หุ้นของฉันมีไม่เท่าไหร่แล้ว หรือไม่ก็ให้คุณออกบ้างได้ไหม?”
ครั้งนี้ ลี่หยูนห่วนไม่มีทางตอบตกลง ไม่ว่าลี่หุยจะโน้มน้าวอย่างไร สุดท้ายลี่เจี้ยนหวาก็ยอมแพ้และไม่ให้ลี่หยูนห่วนเปลี่ยนใจอีก
“ไม่มีทาง เรื่องนี้มันไม่มีทาง ก่อนหน้านี้ฉันตกลงที่คุณให้ฉันไปค้ำประกันด้วยทรัพย์สินส่วนตัวแล้ว เพราะว่ามันเป็นของนอกกาย สามารถซื้อใหม่ได้ แต่ว่าหุ้นนั้นมันไม่ได้ได้มาง่ายๆ นะ”
“ถ้าเกิดค้ำประกัน ฉันกลัวว่าจะกลับมาไม่ได้แล้ว ฉันไม่สามารถเอาของในอนาคตมาเสี่ยงได้หรอกนะ”
“คุณบอกว่าทรัพย์สินส่วนตัว ฉันก็นึกขึ้นได้ สุดท้ายคุณไม่ได้เอาไปค้ำประกันหนิ นอกจากนี้ ตอนที่เอาหุ้นไปค้ำประกันนั้น คุณออกไปเพียงสองเปอร์เซ็นต์ ตอนนี้ฉันออกไปแปดเปอร์เซ็นต์แล้ว”
ลี่หุยยังไม่ยอมแพ้ และพยายามโน้มน้าวลี่หยูนห่วนตลอด แต่ว่าลี่หยูนห่วนไม่ฟังเลย และก็ไม่ยอมตอบตกลง
“พวกคุณไม่ต้องสนใจหุ้นของฉันแล้วได้ไหม พวกคุณโทรไปหาลี่จุนซินก็ได้ แล้วให้โยกย้ายของตัวเองจากต่างประเทศ ก่อนหน้านี้ฉันทำไม่ได้ ลุงเป็นพ่อแท้ๆ ของพี่สาว ไม่มีทางไม่สนใจหรอก”
หลังจากที่ลี่เจี้ยนหวาได้ยินดังนั้น ด้วยท่าทีไม่พอใจสักเท่าไหร่ “ก่อนหน้านี้ฉันโทรหาเธอแล้ว แต่……เห้อ อย่าพูดถึงอีกเลย”
“แล้วทำอย่างไรล่ะ?พวกเราไม่สามารถปล่อยให้บริษัทลี่ซื่อเป็นแบบนี้ต่อไปได้ พ่อ คุณโทรอีกรอบเถอะ ครั้งนี้อาจจะได้ก็ได้นะ”
ลี่เจี้ยนหวาเองก็ไม่อยากเห็นบริษัทลี่ซื่อเป็นแบบนี้ต่อไป เลยต้องโทรไปหาลี่จุนซินอีกครั้ง
ก่อนที่จะโทรนั้น ลี่หยูนห่วนยังเตือนลี่เจี้ยนหวาอีกครั้ง
“ลุง เดี๋ยวตอนที่คุณโทรไป น้ำเสียงก็ไม่ได้แข็งกร้าวขนาดนั้น ก่อนจะยิ้มด้วยความอ่อนโยน แล้วก็ ไม่ว่าพี่สาวที่เป็นญาติของฉันจะเถียงคุณอย่างไร คุณก็ห้ามโกรธนะ”
ลี่เจี้ยนหวาถอนหายใจ พลางพยักหน้า ก่อนจะโทรไปด้วยความกล้า
หลังจากที่ลี่จุนซินเห็นโทรศัพท์ของเขา ตอนแรกก็ไม่อยากรับ แต่ว่าวันนี้เธออารมณ์ดี พลางคิดสักพักก่อนจะเถียงลี่เจี้ยนหวา ด้วยความอารมณ์ดีมากกว่าเดิม
“ทำไมเหรอ?วันนี้เกิดอะไรขึ้นอีก?มีอะไรก็พูดมาดีกว่า”
ลี่เจี้ยนหวากระแอม เพื่อให้คอโล่ง “จุนซิน ช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง?แม่คุณยังดีอยู่ไหม?แล้วน้องคุณเป็นอย่างไรบ้าง ผู้หญิงคนนั้นถูกช่วยออกมาหรือยัง?”
“เหอะ คุณมีอะไรก็พูดมาตรงๆ เถอะ ไม่ต้องสร้างภาพหรอก”
“เหอะๆ ลูกกสาวฉันฉลาดจริงๆ ฉัน……ฉันอยากจะขอร้องอะไรที่มันอวดดีสักหน่อย”
“รู้ว่าขอร้องอย่างอวดดีเกินไป ยังจะพูดอีกเหรอ” ลี่จุนซินกลอกตามองบน พลางพูดด้วยเสียงไม่แยแส
ลี่เจี้ยนหวาหัวเราะแห้งๆ ลี่หุยกับลี่หยูนห่วนมองอย่างเร่งรีบ ก่อนจะเร่ง
“เร็วสิ รีบพูดมา!”
“จุนซิน ตอนนี้บริษัทลี่ซื่อโยกย้ายทรัพย์สินอะไรไม่ได้แล้ว คุณให้ความร่วมมือหน่อยได้ไหม เอาสิทธิ์มาให้พวกเราสักหน่อย ให้พวกเราได้โยกย้ายทรัพย์สินด้วย”
ลี่จุนซินได้ฟังดังนั้น จากที่อารมณ์ดีๆ อยู่ก็อารมณ์ไม่ดีขึ้นมา ตอนแรกเธอไม่อยากสนใจว่าลี่เจี้ยนหวาจะพูดอะไร เธอแค่ฟังเป็นเรื่องตลกเท่านั้น แต่คิดไม่ถึงว่าคนคนนี้จะหน้าทนขนาดนี้
ดังนั้น ลี่จุนซินเลยไม่อยากจะสนใจอีก