บทที่ 667 องค์รัชทายาทอย่าใส่ร้ายคนดี

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม

บทที่ 667 องค์รัชทายาทอย่าใส่ร้ายคนดี

บทที่ 667 องค์รัชทายาทอย่าใส่ร้ายคนดี

ทั้งสองคนต่อสู้กันอย่างไม่มีใครยอมใคร หลินซือและลู่เหยาคอยเฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ข้าง ๆ โดยไม่มีการพูดคุยกันแต่อย่างใด

แม้ว่าหลินซือจะมีความประทับใจแรกกับลู่เหยาไม่เลวนัก แต่บัดนี้ไม่ใช่เวลาที่ต้องคุย ส่วนลู่เหยาก็จดจำคำพูดของเจี่ยงเถิงไว้ขึ้นใจตลอดเวลา นางไม่กล้าเข้าหาหลินซือก่อน

กระทั่งเหยาซูมาถึง ให้คนจับตัวองค์รัชทายาทและเจี่ยงเถิงแยกออกจากกัน

แม้ว่าองค์รัชทายาทจะมีทักษะการต่อสู้บ้าง แต่ถึงอย่างไรเจี่ยงเถิงก็โตกว่าองค์รัชทายาทไม่น้อย ทั้งสองคนจึงไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงแต่อย่างใด เพียงแต่สร้างความตกใจให้คนอื่นก็เท่านั้น

“ไม่ทราบว่าองค์รัชทายาทเสด็จมาเยือนจวนหลินด้วยเรื่องอันใดเพคะ?” แม้ว่าเวลานี้จะอยู่ต่อหน้าองค์รัชทายาทแต่เหยาซูไม่ได้ใช้น้ำเสียงที่ดีนัก

ครานี้ใช่ว่าองค์รัชทายาทจะถลันเข้ามาในจวนหลินโดยไม่มีการรายงานให้ทราบเป็นครั้งแรกเสียหน่อย เห็นจวนหลินเป็นอะไรเขานึกอยากจะมาก็มา นึกอยากจะไปก็ไปอย่างนั้นรึ?

หากเขาไม่ใช่องค์รัชทายาท เกรงว่าประตูของจวนหลินก็คงจะไม่ได้เข้า

“ฮูหยินหลิน ข้าอยากมาถามว่าท่านสั่งสอนบุตรสาวอย่างไรถึงไปพูดจาทำร้ายจิตใจผู้อื่น?”

“หม่อมฉันสั่งสอนบุตรสาวของหม่อมฉันอย่างไร ไม่ใช่เรื่องที่องค์รัชทายาทต้องมากังวล หม่อมฉันรู้จักบุตรสาวของตัวเองดี นางไม่เคยหาเรื่องใคร ถ้าบุตรสาวของหม่อมฉันไปพูดจาทำร้ายจิตใจผู้อื่น ก็แสดงว่าคนผู้นั้นมีปัญหาขั้นวิกฤตแล้วจริง ๆ”

ในเรื่องการถือหาง ไม่มีใครเก่งเกินกว่าเหยาซู บุตรสาวของนางมีนิสัยอย่างไรตนจะไม่รู้ได้อย่างไร? วาจาขององค์รัชทายาท ดูจะเชื่อมั่นในตัวเองเกินไป

ครั้นเห็นลู่เหยาที่อยู่ข้างกาย เหยาซูน่ะหรือจะไม่เข้าใจ ก็แค่ออกหน้าเพื่อหญิงงามเท่านั้น ถ้าคนผู้นี้ทำร้ายบุตรสาวของนางจริง ๆ ต่อให้เป็นองค์รัชทายาท นางก็จะไม่ยั้งมือเช่นกัน

องค์รัชทายาทแล้วอย่างไร? บุตรสาวของตู้เหิงคือแก้วตาดวงใจ แล้วบุตรสาวของนางมิใช่หรือไร? หรือพูดได้ว่าในสายตาขององค์รัชทายาท บุตรสาวของตู้เหิงช่างไร้เดียงสา แต่เอ้อเป่าของนางเป็นคนที่จิตใตหยาบช้า ไม่รู้ว่าเขาถือยศเป็นองค์รัชทายาทได้อย่างไร

“ฮูหยินหลินเข้าข้างบุตรสาวของท่านเกินไปหรือไม่?”

“มิบังอาจรบกวนองค์รัชทายาทเพคะ ตระกูลหลินของหม่อมฉันเป็นแค่ตระกูลท่านแม่ทัพ ย่อมต้องเข้าข้างกันเป็นธรรมดา หากแม้แต่บุตรสาวของตัวเองยังปกป้องไม่ได้ แล้วจะปกป้องบ้านเมืองไม่ให้ถูกศัตรูล่วงล้ำเข้ามาได้อย่างไร ว่าแต่องค์รัชทายาทเถอะเพคะ ถลันเข้ามาในจวนหลินโดยไร้การชี้แจ้งใด ๆ ทั้งยังมาทะเลาะเบาะแว้งกับอาเถิง หมายความว่าอย่างไรเพคะ?”

“ข้าไม่เคยอยากลงมือ เจี่ยงเถิงต่างหาที่รังแกผู้อื่นเกินไป”

“อาเถิงมีนิสัยที่ดี ทั้งจวนหลินไม่มีใครไม่รู้ องค์รัชทายาทกล่าวหาว่าเอ้อเป่าพูดจาทำร้ายจิตใจ เช่นนั้นขอหม่อมฉันทูลถามหน่อยว่าเอ้อเป่าทำร้ายจิตใจผู้ใด ถึงทำให้องค์รัชทายาททรงกริ้วเพียงนี้! หากองค์รัชทายาทไม่ชี้แจ้งแก่หม่อมฉันในวันนี้ หม่อมฉันคงต้องกราบทูลรายงานองค์จักรพรรดิอย่างถึงที่สุดเช่นกัน!”

“ก็ต้องเป็นลู่เหยาแน่อน” องค์รัชทายาทมองไปทางลู่เหยาข้างกาย แล้วเอ่ยอย่างมั่นใจ

“ใช่รึ? คุณหนูลู่ เท่าที่ข้ารู้ สองสามวันนี้เอ้อเป่าอยู่แต่ในจวนไม่เคยออกไปไหน ขอถามหน่อยว่านางไปพูดจาทำร้ายจิตใจเจ้าได้อย่างไร? ได้โปรดคุณหนูลู่ชี้แจ้งอย่างละเอียดด้วย”

“ไม่ใช่เจ้าค่ะ ฮูหยินหลิน ข้าไม่ได้กล่าวหาพี่หลินซือ” ลู่เหยาเห็นสายตาที่เหยาซูมองมาทางตัวเองก็อดกระวนกระวายอยู่ในใจไม่ได้ นางไม่ได้หมายความเช่นนี้ เพียงแต่องค์รัชทายาทเข้าใจผิดเท่านั้น

“ไม่งั้นรึ? เช่นนั้นองค์รัชทายาททรงเสด็จมาถามเอาความที่นี่ทำไม หรือองค์รัชทายาททรงเข้าใจผิดเอง?”

“ฮูหยินหลิน ท่านอย่ามาพูดจาเย้ยหยันถากถางเช่นนี้ หากไม่ใช่เพราะอาซือ เหตุใดลู่เหยาถึงต้องเสียใจเพียงนี้ นางคือคนที่นิสัยดีที่สุดเท่าที่ข้าเคยเจอมา ไม่เคยทำให้ใครต้องเสียหน้า”

“ใช่ องค์รัชทายาททรงตรัสถูก แต่คุณหนูลู่บอกแล้วว่าไม่ใช่เอ้อเป่า องค์รัชทายาทยังจะไม่เชื่ออีกรึ? หรือจะบอกว่าในใจขององค์รัชทายาท เอ้อเป่าเป็นคนเช่นนี้?” เมื่อบุตรสาวของตนถูกใส่ร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในฐานะที่เหยาซูเป็นแม่จะทนได้อย่างไร

อีกทั้งชาติที่แล้วเป็นเพราะองค์รัชทายาทผู้นี้ บุตรสาวของตนถึงต้องอับอายไปตลอดชีวิต ชีวิตนี้กว่าจะให้บุตรสาวมีความรู้สึกดี ๆ ให้กับอาเถิงได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าองค์รัชทายาทจะเข้ามาแทรก เหยาซูทนไม่ได้จริง ๆ

“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?” หลินจื้อเพิ่งกลับจวนมาได้ยินคนรับใช้รายงาน บอกว่าในจวนของหลินซือเกิดเรื่องวุ่นวาย

จึงรีบพาไป๋หรูปิงมาที่นี่ ปรากฏว่าเห็นทุกคนอยู่ในจวนของหลินซือกันหมด บรรยากาศโดยรอบดูตึงเครียดไม่น้อย ความจริงก็ไม่ถือว่าดีนัก จึงส่งเสียงออกไป

“พี่ไป๋ พี่มาแล้ว” หลินซือเห็นไป๋หรูปิงก็รุดหน้าเข้าไปกล่าวทักทายด้วยความกระตือรือร้น ถึงอย่างไรนางก็เป็นว่าที่พี่สะใภ้ในอนาคตของนาง

“อื้อ” ไป๋หรูปิงเองก็รู้ว่าบรรยากาศรอบตัวไม่ชอบมาพากล จึงเดินมาข้างกายของหลินซืออย่างเงียบ ๆ ไม่ว่าอย่างไร นางก็เชื่อใจอาซือ

“อาจื้อกลับมาแล้ว พอดีเลย องค์รัชทายาททรงกล่าวหาว่าน้องสาวของเจ้าว่ารังแกลู่เหยา เจ้ามาช่วยตัดสินหน่อยสิ”

เหยาซูไม่ใช่คนที่จะยอมให้ใครมาล่วงเกินได้ง่าย ๆ บัดนี้นางโกรธเคืององค์รัชทายาทมาก และไม่มีทางยอมแพ้ ครั้นเห็นหลินจื้อมา จึงให้หลินจื้อพูดในฐานะเป็นคนกลาง ถ้านางขืนพูดต่อ เกรงว่าคงไม่น่าฟังแน่นอน

“รังแกคุณหนูลู่? เกรงว่าคงจะเกิดความเข้าใจผิดแล้วกระมัง ช่วงนี้น้องสาวของกระหม่อมไม่ได้ออกจากจวนเลย แล้วจะไปรังแกคุณหนูลู่ได้อย่างไร อีกอย่างเอ้อเป่าก็ไม่ได้กล้าหาญชาญชัยเพียงนั้น อย่าว่าแต่จะรังแกผู้อื่นเลย ต่อให้รังแกแมวตัวเดียว นางก็ไม่สบายใจแล้ว องค์รัชทายาททรงเข้าใจผิดแล้วกระมังพะยะค่ะ”

แม้ว่าหลินจื้อจะเป็นขุนนางในราชสำนัก แต่การเข้าข้างคนในครอบครัวก็ไม่ต่างอะไรกับคนในตระกูลหลินแต่อย่างใด

ครั้นเห็นลู่เหยาเอาแต่ซ่อนตัวอยู่หลังองค์รัชทายาท ไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหน ตรงกันข้ามกลับเป็นน้องสาวของตน หลังจากตกจากหน้าผาก็ไม่เคยออกจากจวนอีกเลย ตั้งใจอยู่ดูแลเจี่ยงเถิงทุกวัน ไม่ง่ายเลยที่อาเถิงจะฟื้นขึ้นมา แล้วดันมาเกิดเรื่องเช่นนี้อีก ในใจหลินจื้อไม่ชอบยิ่งนัก

เรื่องที่น้องสาวตกจากหน้าผาคงเกี่ยวข้องกับองค์รัชทายาทแน่นอน แต่องค์จักรพรรดิได้ตัดสินลงโทษองค์รัชทายาทไปแล้ว พวกเขาไม่ได้ถือโทษเอาผิดอีก แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะปล่อยให้องค์รัชทายาทมารังแกตระกูลหลินอย่างไรก็ได้

“ลู่เหยา เจ้าพูดมาสิ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”

“องค์รัชทายาท เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพี่หลินซือจริง ๆ เพคะ มันคือปัญหาของหม่อมฉันเอง” ลู่เหยาที่อยู่ข้างกายทำท่าเหมือนจะร้องไห้

เรื่องฉาวในบ้าน อย่าเล่าสู่ภายนอก ถ้ามีแค่องค์รัชทายาทเพียงผู้เดียว นางคงเล่าเรื่องราวทุกอย่างแน่นอน แต่บัดนี้ต่อหน้าผู้คนมากมาย ไม่ว่าอย่างไรนางก็พูดไม่ได้

“องค์รัชทายาทก็ได้ยินแล้ว เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับหลินซือ องค์รัชทายาทอย่าใส่ร้ายคนดีเลย อีกอย่างจวนหลินเป็นถึงจวนท่านแม่ทัพใหญ่ ไม่ใช่สถานที่ที่ใครจะเข้าออกได้ตามใจชอบ ถ้าคราวต่อไปองค์รัชทายาทจะเสด็จมาเยี่ยมเยือน รบกวนให้คนมารายงานให้ชัดเจน เราจะได้เตรียมการต้อนรับองค์รัชทายาทได้อย่างสมเกียรติ”

ด้วยคำพูดของหลินจื้อ องค์รัชทายาทกลับไม่สามารถโต้แย้งได้ ลู่เหยาไม่ยอมบอกเหตุผล การที่เขามาที่นี่รู้สึเหมือนมาหาเรื่องโดยเปล่าประโยชน์ ช่างน่าหงุดหงิดใจยิ่งนัก

ครั้นเห็นหลินซือที่ตั้งใจดูแลเจี่ยงเถิงอย่างดี องค์รัชทายาทกลับไม่ได้รู้สึกแย่กว่าที่ผ่านมา บางทีอาจเพราะหลินซือไม่ใช่คนในอุดมคติในใจของเขาแล้วก็ได้