บทที่ 648 ความกังวลของคนที่บ้าน

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 648 ความกังวลของคนที่บ้าน

บทที่ 648 ความกังวลของคนที่บ้าน

ด้วยวัยของเธอมันไม่น่าเชื่ออยู่แล้ว

เพราะเป็นเด็กจึงไม่มีสิทธิ์!

ไม่เป็นไร บางเรื่องเราก็ต้องลงมือก่อนเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจมา

เธอคิดจะเปิดโรงงาน และรู้ว่าถ้าเปิดเองคนเดียวก็คงทำไม่ได้อยู่ดี นี่คือความเศร้าใจของเด็กหญิงสินะ! เพราะงั้นจึงคิดไว้แล้วว่า จะขอในนามพ่อหรือแม่ก็ได้

ยังไงสินเชื่อตัวนี้ต้องใช้ข้อมูลคนที่บ้านในการกรอกอยู่แล้ว

จากนั้นเธอก็เอ่ยอย่างเป็นกันเอง

“ตู้ ตอนนี้หนูมีปัญหาเรื่องเงินค่ะ อยากกู้ 50,000 หยวน ระยะเวลา 1 ปี คุณเห็นด้วยหรือเปล่าคะ?”

จำนวนเงินที่ว่าเกือบทำถ้วยชาในมือร่วง

เธอพูดว่าอะไรนะ?

ห้าหมื่น?

แน่ใจนะว่าห้าหมื่น ไม่ใช่ห้าร้อยหรือห้าพันใช่ไหม?

ก่อนจะรู้ได้ทันทีว่าตนอาจกลายเป็นคนเดียวที่สามารถทำงานนี้ให้สำเร็จลุล่วงได้

ถ้ามันทำได้ เราจะได้เลื่อนขั้นหรือเปล่า?

หลังจากตื่นเต้นอยู่ครู่เดียว พลันนึกถึงปัญหาหนึ่งขึ้นมาได้

เด็กที่เอ่ยปากขอห้าหมื่นเหมือนไม่จริงจังเท่าไรเลยนะ หรือตั้งใจจะให้เรามีความสุขเฉย ๆ?

“สาวน้อย… เอ่อ สหายตัวน้อย ปีนี้เธออายุเท่าไรแล้วล่ะ โตหรือยัง?”

“…” เสี่ยวเถียน

ยังไม่เชื่ออยู่ดีนี่หว่า

“หัวหน้าตู้ครับ อย่ามองว่าเธอเป็นเพียงเด็กเลยนะ เธอมีความตั้งใจมาก บอกตามตรง ข้อตกลงหลายๆ อย่างของโรงงานเราก็ได้เธอช่วยเอาไว้นะ!”

ผู้อำนวยการหลี่ว์ออกหน้าให้

เด็กสาวยิ้ม “หนูรู้ว่าตัวเองยังเด็กค่ะ แต่หนูอยากกู้เงินจริง ๆ”

“สหาย ถึงเธอจะอยากกู้ แต่ฉันไม่กล้าให้กู้หรอกนะ!” หัวหน้าตู้ยิ้มขื่น

เด็กหญิงคนนี้ขอกู้ห้าหมื่น ถ้าเกิดเธอไม่มีปัญญาขึ้นมาจะทำยังไง?

“หัวหน้าตู้คะ ตอนขอกู้ใช้ชื่อพ่อแม่ลงนามได้ไหมคะ เพราะอสังหาฯ ที่จะเอามาจำนองมันเป็นของหนูค่ะ”

เธอลองแนะนำดู

อาจเป็นไปได้

ตอนนี้เขาเกือบเชื่อแล้วว่าเธออยากกู้จริง ๆ แต่เดี๋ยวก่อนนะ เมื่อกี้อสังหาฯ ที่จะเอามาจำนองคือของตัวเอง?

อายุแค่นี้ก็มีอสังหาเป็นของตัวเองแล้วหรือ

“สาวน้อย ถ้าเธออยากกู้เงินห้าหมื่น หลักประกันที่จะเอามาค้ำควรมีมูลค่าเท่ากันนะ”

เสี่ยวเถียนรู้ดี รู้ด้วยว่ามันจะต้องมีราคามากกว่าเงินที่เธอจะกู้

“โรงงานของหนูที่ชานเมืองเริ่มเป็นรูปร่างแล้วค่ะ แล้วก็มีเรือนสี่ประสานสองทางเข้าอีกแห่งในตัวเมือง คุณเห็นด้วยไหมคะ?”

ตอนนั้นซื้อบ้านมาในราคาสองหมื่น ผ่านมาอีกสองปีราคามันเพิ่มเป็นสองเท่าแล้ว

ส่วนโรงงานแห่งนั้นไม่ได้เป็นปัญหาเท่าไร

หัวหน้าตู้โล่งใจในที่สุด ในเมื่อมีหลักค้ำประกัน อย่างอื่นก็ไม่ต้องห่วงแล้ว

“เห็นด้วยอยู่แล้ว” เขาพยักหน้า

เรื่องนี้ถูกจัดการอย่างรวดเร็ว และอีกสามวันให้หลัง เสี่ยวเถียนพาแม่ไปจัดการเรื่องกู้เงิน

ผู้อำนวยการหลี่ว์พาเธอมาจัดการธุระ

เหลียงซิ่วห่วงเรื่องนี้มาก ถ้าไม่ได้เงินขึ้นมาจะทำยังไง?

“เสี่ยวเถียน เราไม่กู้ดีกว่าไหม? ถ้าเสียเงินไปบ้านก็ไม่เหลือด้วยนะ!” ผู้เป็นแม่เอ่ยอย่างจริงจัง

เธอปลอบใจ

“ไม่หรอกค่ะแม่ หนูเชื่อว่าโรงงานเราสามารถสร้างรายได้ได้”

เธอรับประกันไม่ได้หรอกว่าจะทำได้ปีละหลายหมื่นหรือเปล่า แต่ถ้าระยะยาวมันทำได้แน่นอน

ส่วนเงินที่จะเอามาคืน ไม่ต้องเป็นห่วงเพราะมีช่องทางหารายได้อื่นอยู่

อย่างน้อยก็มีโอกาสให้ทำแล้วกัน

ในปีหนึ่งเธอสามารถหาโอกาสหาเงินได้ห้าถึงหกครั้ง

ด้วยความโชคดี เธอจึงสามารถคว้าโอกาสเหล่านั้นได้เสมอ

ทว่าพอไปบ่อยขึ้นมันเริ่มไม่มีของดีแล้ว

แสดงว่าโชคของเธอยังมีขอบเขตอยู่

เพราะงั้นช่วงเวลาสองเดือนมานี้จึงใช้เวลาไปกับการเดินท่องที่ถนนโบราณ แล้วซื้อของดีกลับมาได้เสียทุกครั้ง

และเธอก็ไม่คิดจะทิ้งแหล่งรายได้แห่งนี้ไปด้วย

เพียงปีเดียว รายได้มากกว่าแสนหยวนไม่ใช่เงินเล็กน้อยแล้ว

เหลียงซิ่วอยากจะกล่อมลูกสาว แต่พอเห็นสีหน้าก็รู้ว่าคงทำไม่สำเร็จ

เช่นนั้นก็ทำตามที่ใจปรารถนาเถอะ

จากนั้นก็คิดคำนวณว่าเราสองสามีภรรยาจะหาเงินกันได้เท่าไร

แต่รู้สึกว่าพวกเราไม่ค่อยได้เรื่องเลย

ปีเดียวได้ไม่กี่พันหยวนเท่านั้น

ส่วนเสี่ยวอู่กำลังจะไปเป็นทหาร เขาช่วยเรื่องนี้ไม่ได้

ส่วนเสี่ยวปาก็เด็กเกินไป ถึงจะหาเงินได้แต่มันไม่ได้เยอะขนาดนั้น เธอเริ่มคิดแล้วว่าจะหาเงินด้วยตัวเองดีไหม เช่นนั้นจึงไปปรึกษากับสามี

ทางเสี่ยวเถียนไม่ได้รู้เลยว่าหนี้ที่ยังไม่ทันได้จ่าย แม่ก็ได้คิดหาความช่วยเหลือไปแล้ว

หลังจากที่สนทนากับหัวหน้าตู้อย่างมีความสุข เธอก็เริ่มเข้าสู่กระบวนการทันที

หลักประกันของเราคือ โฉนดที่ดินโรงงานเขตชานเมืองและโฉนดบ้าน

มูลค่าของทั้งสองรายการพอที่จะครอบคลุมวงเงิน 50,000 หยวน เพราะงั้นระหว่างการกู้จึงไม่เกิดปัญหาอะไรใด ๆ

หัวหน้าตู้จัดการให้อย่างพิเศษ และส่งเงินกู้ให้ในวันเดียวกัน

เสี่ยวเถียนเห็นเงินจำนวนห้าหมื่นเพิ่มเข้าในสมุดบัญชีก็รู้สึกสบายใจ

เสี่ยวซื่อที่รู้ข่าวนี้ตกใจมาก

สายตามองน้องขึ้น ๆ ลง ๆ

เด็กสาวที่แสนน่ารักและอ่อนหวานใจกล้าขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร?

ห้าหมื่นมันไม่ใช่เงินน้อย ๆ เลยนะ แค่บอกว่าจะกู้ก็กู้เลยงั้นหรือ

แต่เหมือนก็ดูเป็นวิธีที่ดีนะ หรือจะลองดีล่ะ

เขาคิดจะเปิดหรงฟาสาขาสาม แต่ตอนนี้เงินไม่พอ เพราะถ้ากู้เงินได้เมื่อไร เขาจะมีหนทางไปต่อทันที แต่พอรู้ว่าของที่เอามาค้ำประกันคือเรือนสี่ประสาน เสี่ยวซื่อล้มเลิกความคิดทันที

เขาไม่ใช่เสี่ยวเถียนที่กล้าเอาบ้านมาค้ำหรอกนะ

ถึงจะมีแต่มันไม่ได้มีค่าขนาดนั้น ต่อให้กู้ก็คงได้ไม่เท่าไร

ช่างเถอะ หาวิธีอื่นแล้วกัน

ส่วนคนอื่น ๆ เริ่มประหยัดเงินกันแล้วแม้ไม่ได้พูดอะไร พวกเขาวางแผนกันว่าถ้าเสี่ยวเถียนหาเงินมาจ่ายหนี้ไม่ทันในหนึ่งปี เราจะรวมกันช่วยเอง

เพราะตอนนี้บ้านเราไม่ใช่ครอบครัวอดยากแร้นแค้นอีกแล้ว เราทำงานหนักกันตลอดทั้งปี กระทั่งออมเงินได้ถึงห้าหมื่น