หลังจากที่ลี่จุนถิงรู้ว่าทางนั้นตกอยู่ในหลุมลึกแล้ว ก็ดีใจเป็นอย่างมาก ตอนที่กินข้าวเย็นเลยดื่มมากไปไหน
เมื่อกินข้าวเสร็จแล้ว ลี่จุนถิงกับเจียงหยุนเอ๋อก็กลับไปที่ห้อง ลี่จุนถิงก็นั่งลงบนโซฟา ลมยามเย็นพัดโชย เลยมีผลข้างเคียงของการดื่มเหล้า คือความปวดหัวเล็กน้อย
เขาเอามือกุมหัว ก่อนจะเอานิ้วนวดขมับ ดวงตาทั้งสองก็มองเจียงหยุนเอ๋อตาปริบๆ
ตอนแรกเจียงหยุนเอ๋อยังไม่สนใจเท่าไหร่ แต่ว่าลี่จุนถิงมองอยู่ตลอด จากนั้นก็เห็นว่าเธอไม่เป็นตัวของตัวเองเท่าไหร่ เลยยกมือขึ้นมาลูบใบหน้าของตัวเอง “ทำไมเหรอ คืนนี้”
“เมาแล้วล่ะ” ลี่จุนถิงยิ้มมุมปากขึ้นมา พลางหรี่ตาลง แววตาทั้งสองข้างก็หรี่ลง ด้วยความเกียจคร้าน
เจียงหยุนเอ๋อคิดว่าไม่สนใจเขาดีกว่า ความกระหายของประธานลี่หลังจากที่ดื่มจนเมา……มันค่อนข้างมาก มันเลยเกิดผลกระทบกับเธอ
ผ่านไปสักพัก ลี่จุนถิงก็ได้รับสาย ก็เห็นว่าเป็นสายของลูกน้องคนสนิทคือลู่ฉวิน หลังจากที่ลู่ฉวินตามลี่จุนถิงไปช่วยเจียงหยุนเอ๋อออกมา ก็ได้พักผ่อน หลังจากกลับมายังลาอีกครั้งหนึ่งด้วย บอกว่าถูกบังคับให้แต่งงาน
จากนั้นในคืนนี้ ก็พูดขึ้นมาอีก
ลี่จุนถิงอยู่ที่ด้านหน้าของคลับ ก่อนจะดึงเจียงหยุนเอ๋อที่กำลังจะเดินเข้าไปข้างใน พลางพูดอย่างจริงจัง “ถ้าเกิดมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ก็รีบหนีออกมานะ”
เจียงหยุนเอ๋อ “……” เธอจะพูดว่า ฉันไม่เอา ฉันยอมตายยังจะดีกว่าต้องคบกันออกมาหรือไม่?
อันที่จริงสถานการณ์มันเป็นแบบนี้
ลู่ฉวินถูกแม่ของตัวเองจัดนัดบอดให้ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่พอใจเท่าไหร่ แต่ว่าเขาก็เป็นลูกชายที่ดี เลยต้องไปอย่างรวดเร็ว
คืนนี้มันเป็นการเจอกันครั้งที่สองของสาวคนนี้ เพราะการเจอกันครั้งแรกนั้นมันค่อนข้างดี ดังนั้นลู่ฉวินเลยถูกแม่โทรมา “บังคับ” ก่อนจะขอให้ไปเจอกันด้วยความ “กดดัน”
แต่ความคาดไม่ถึงมันก็เกิดขึ้นในตอนนี้เอง สาวสวยคนนี้มีแฟนอยู่แล้ว พอดีว่าแฟนไปทำงานข้างนอก กลับบ้านมาไม่เจอแฟนเลยโทรไปหาเพื่อนสนิทของเธอเลยรู้เรื่องการไปนัดบอด เลยมาหาด้วยความโกรธเป็นอย่างมาก
แน่นอน ว่ามันยังมีความต้องการอื่นๆ ด้วย ทำให้ครอบครัวของแฟนสาวนั้นไม่พอใจที่มาคบกับชายคนนี้
ตอนที่เจียงหยุนเอ๋อมากับลี่จุนถิง ทั้งสองคนก็นิ่งไป หญิงที่เกี่ยวกับเรื่องนี้กำลังหลบอยู่ที่ด้านหลังของลู่ฉวินเพื่อขอความช่วยเหลืออย่างน่าสงสาร
เจียงหยุนเอ๋อเห็นว่าอีกฝ่ายมาถึงเจ็ดคน เมื่อสบตาลู่ฉวิน แล้วก็ตัวเธอเอง ก็เห็นว่าเป็นท่าทีอ่อนแรงที่ทั้งสองมือนั้นไม่มีกำลังมากพอ
แต่ว่าลี่จุนถิงกลับไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย เลยทำได้เพียงเลิกคิ้วขึ้น แล้วกวาดตามองลู่ฉวิน “คุณจัดการเองไม่ได้เหรอ?”
น้ำเสียงนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว แถมยังมีความดูแคลนอยู่……เล็กน้อยด้วย
แววตาของเจียงหยุนเอ๋อนั้นมองรอบๆ ตัวของลู่ฉวิน ก็แสดงความสงสัยออกมา แต่ก็คิดอะไรขึ้นได้ เจียงหยุนเอ๋อเลยดึงมือของลี่จุนถิง “พวกคุณจะทะเลาะกันเหรอ……”
ลี่จุนถิงก้มหน้ามองเธอ ก่อนจะพูดอย่างจริงจัง “ใครบอกว่าจะมีเรื่อง?พวกเราเป็นคนมีเหตุผลทั้งนั้น”
เจียงหยุนเอ๋อคิดว่าลี่จุนถิงมาแล้ว แต่แค่ประคองสติเอาไว้ได้
ลี่จุนถิงเข้าไปร่วมด้วยจนเกิดการพลิกสถานการณ์ทันที เขายืนอยู่ข้างๆ ลู่ฉวิน ก่อนจะถามออกไปเบาๆ “เกิดอะไรขึ้น?”
เจียงหยุนเอ๋อแอบได้ยินเขาพูดอยู่เต็มสองหู เลยมองสาวที่อยู่ข้างหลังลู่ฉวิน เธอกำลังร้องห่มร้องไห้อยู่จริงๆ
ลู่ฉวินอธิบายไปเล็กน้อย ชายที่นำมาก็เริ่มตะโกนขึ้นมา “คุณกลับมานัดบอดที่นี่ เธอมีแฟนแล้วยังมาหาคู่อีก เพราะคุณมาจีบแฟนของฉันนั่นแหละ”
เพิ่งพูดไป ลี่จุนถิงก็กวาดตามองอย่างเย็นชา แววตานั้นขู่ให้ชายคนนั้นอยากตายขึ้นมา
“คุณจะจัดการอย่างไร?” ลี่จุนถิงถามลู่ฉวินแบบนั้น
ลู่ฉวินคิดเล็กน้อย ก่อนจะลำบากใจเล็กน้อย “ไม่ว่าจะทำอย่างไรฉันก็หนักใจทั้งนั้น” ระหว่างที่พูด แววตาก็มองไปหาเจียงหยุนเอ๋อ
ลี่จุนถิงมองแววตาของอีกฝ่ายออก แววตานั้นมันเหมือนจะปรี่เข้ามาหาเรื่อง
ลู่ฉวินเหมือนจะมองออกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล เลยถามไปเบาๆ “พี่สะใภ้ พี่ใหญ่เป็นอะไรไป?”
“เมาน่ะ”
ลู่ฉวินพยักหน้า ก่อนจะไม่พูดทั้งๆ ที่เหมือนมีอะไรจะพูด สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกมาจริงๆ
เจียงหยุนเอ๋อหันไปมองรอบๆ เล็กน้อย ก่อนจะดึงกระดาษทิชชูจากกล่องทิชชูออกมาจากโต๊ะ แต่ไม่เห็นปากกา เลยเปิดประตูของห้องรับรองพลางถามพนักงานที่อยู่หน้าประตู “มีปากกาไหม?”
พนักงานพกติดตัวมาด้วยพอดี เลยแอบมองภาพด้านในเล็กน้อย ก่อนจะรีบยื่นปากกาให้
นอกจากลี่จุนถิงที่เข้าใจได้ในทันทีแล้ว คนที่เหลือก็มองเธอด้วยความงุนงง
เจียงหยุนเอ๋อเขียนที่อยู่บนโต๊ะอาหาร จากนั้นก็ส่งกระดาษทิชชูไป “วันนี้พวกเรายังมีธุระต้องไปทำ แต่ว่าเรื่องนี้พวกเรารับรู้แล้ว เดี๋ยวถ้าคุณรู้ว่าจะจัดการอย่างไรก็มาหาที่นี่ ใครพักอยู่ที่นี่คุณก็รู้ดี ไม่มีทางไม่ชดใช้อยู่แล้ว”
เจียงหยุนเอ๋อรู้ว่าที่ของลี่จุนถิงนั้นมีอำนาจมากพอ ที่ที่พวกเขาอยู่เองก็มีความคิดขึ้นมา
เมื่อพูดจบ เธอหันไปมองผู้หญิงคนนั้น “ส่วนคุณ พวกเราไม่ได้ไม่มีเรื่องอะไรกับคุณนะ แต่เรื่องนี้มันเกิดขึ้นเพราะคุณ คุณเป็นผู้หญิงฉลาด คงรู้ว่าต้องตัดสินใจอย่างไร”
เธอเพิ่งพูดไป ชายที่นำมาก็ขมวดคิ้วเหมือนจะมีเรื่อง ลี่จุนถิงเอาก็คิ้วกระตุก ก่อนจะเอาตัวเองเดินเข้ามาขวางเจียงหยุนเอ๋อเอาไว้
“คุณมาทำอะไรฉันพวกเรายังพอจะคุยกันได้ แต่ถ้ามาทำอะไรภรรยาฉัน คงไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้ว” เมื่อพูดจบ ก็ยิ้มมุมปากขึ้นมา เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม ซึ่งรอยยิ้มนี้มันกลับทำให้หนาวไปถึงกระดูกสันหลัง
เจียงหยุนเอ๋อทำท่าทีรำคาญ “ถ้าคุณไม่วางใจก็ไปส่งพวกเราที่บ้านได้เลยนะ”
ท่าทีที่พูดอย่างแน่วแน่ของเธอเหมือนจะน่าเชื่อถือพอตัว ลี่จุนถิงเองก็ดูไม่น่าคุยด้วยเท่าไหร่ ทั้งสองคนทำไปมาจนคนเริ่มกลัวแล้ว
เจียงหยุนเอ๋อเห็นว่าพอได้แล้ว เลยหันไปหาลู่ฉวินพลางพยักหน้า “ไม่มีเรื่องอะไรแล้วพวกเราไปกันเถอะ ถ้าเกิดหิวก็กินข้าวที่นี่ได้ แล้วมาคิดเงินที่ฉันนะ” เมื่อพูดจบ ก็ควงแขนของลี่จุนถิงก่อนจะเดินไป
ลู่ฉวินเห็นดังนั้น ก็รีบพาผู้หญิงไปด้วย
เจียงหยุนเอ๋อเดินผ่านกลุ่มคนนั้นด้วยใจเต้นแรง เพราะกลัวว่าคนกลุ่มนี้จะมีสติกลับมา มันจะยิ่งยุ่งยากเข้าไปอีก
เมื่อเธอเดินออกจากประตูของคลับ ก็ถอนหายใจออกมา ก่อนจะทิ้งตัวไปที่ลี่จุนถิง “วิธีนี้ไม่เลวเลย!ผลลัพธ์มันชัดเจนมาก”
เธอเงยหน้าขึ้น ก็เจอกับแววตาที่ยิ้มแย้มของลี่จุนถิงทันที มือของเขาโอบเอวเธอ ก็หันไปบอกลู่ฉวินเล็กน้อย ก่อนจะพาเธอกลับไป
ลู่ฉวินโบกมือ พลางกระโดดโลดเต้น “พี่สะใภ้ คุณต้องระวังนะ พี่ใหญ่ดื่มแล้วเหมือนจะมีเรื่องได้ตลอดเลย”
เจียงหยุนเอ๋อยังไม่รู้ความหมาย ลี่จุนถิงก็ตัดบทพลางพาเธอเดินไปไกล