ตอนที่ 174-1 เหล่าฮูหยินรู้ความจริง
เรือนลั่วเหมย ดอกเย่ว์จี้หลายกระถางกำลังเบ่งบานอย่างงดงาม สีสันสดใสของมันช่วยขับให้ต้นเหมยดูมีชีวิตชีวาขึ้นหลายส่วน
จีเหล่าฮูหยินนอนอยู่บนเก้าอี้ยาวใต้ชายคา คอยมองบ่าวไพร่ตกแต่งกิ่งไม้
บนเก้าอี้ยาวปูหนังเสือผืนหนา ทั้งอ่อนนุ่มและอบอุ่น
จีเหล่าฮูหยินเริ่มรู้สึกง่วง จึงหลับตาลงงีบ
แล้วจู่ๆ ก็มีมือเล็กๆ คู่หนึ่งวางลงบนบ่าของนางแล้วเริ่มทุบให้นางเบาๆ แรงออกจะน้อยไปสักหน่อย แต่กลับสบายยิ่งนัก
จีเหล่าฮูหยินไม่ได้ลืมตา เพียงระบายยิ้มบางๆ “ใช่หลิวเกอร์หรือไม่”
“ขอรับ” หลิวเกอร์ตอบรับเสียงเบา
จีเหล่าฮูหยินดึงมือน้อยๆ ของหลิวเกอร์ไปจับ “เอาล่ะ ย่าไม่เมื่อยแล้ว ไม่ต้องทุบแล้ว การบ้านวันนี้ทำหรือยัง”
หลิวเกอร์พยักหน้า ไม่ได้ตอบอะไรมากกว่านี้
จีเหล่าฮูหยินลอบถอนหายใจ เด็กคนนี้อะไรก็ดี มีแค่ความใจกล้าที่น้อยไปสักหน่อย แม้แต่จะพูดให้มากสักนิดก็ยังไม่กล้า หากไม่ใช่เพราะท่านแม่ของเขาบอกให้มา เขาคงซุกตัวอยู่ในห้องได้ทั้งวัน
“แม่เจ้าให้เจ้ามารึ”
หลิวเกอร์พยักหน้า ก่อนจะตามด้วยส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว
“เจ้าอยากมาเอง?”
หลิวเกอร์ชะงักไปก่อนจะพยักหน้า
จีเหล่าฮูหยินคิดในใจว่า ข้าเป็นย่าของเจ้า ไม่ใช่คู่อาฆาตเจ้าเสียหน่อย เหตุใดต้องเกรงกลัวข้าเพียงนี้?
อย่างไรหมิงซิวก็ดีกว่า ตอนเด็กคอยเดินตามนางต้อยๆ คล้ายหางน้อยๆ ที่ไล่อย่างไรก็ไม่ไป ซ้ำยังซุกซนที่หนึ่ง วันไหนไม่ถูกตีเป็นต้องปีนขึ้นหลังคาไปเลาะกระเบื้อง นอกจากยามนอนหลับแล้ว ไม่มีสักชั่วขณะที่จะอยู่นิ่ง
มิน่าเล่านางถึงได้เอ็นดูหมิงซิวมากที่สุด หลานชายที่ซุกซนทั้งยังเล่นสนุกเช่นนั้น ใครไม่ชอบบ้าง? คนเมื่ออายุมากขึ้นมักชอบความสนุกสนานครึกครื้น เด็กน้อยเรียบร้อยที่มาเรือนนางตรงเวลาทุกวันเช่นนี้ นางก็เอ็นดูอยู่หรอก แค่เพียงไม่มีความสนุกมากนักเท่านั้น
จีเหล่าฮูหยินให้สาวใช้เอาของกินเข้ามา หลิวเกอร์นั่งลงบนเก้าอี้ตัวเล็กข้างจีเหล่าฮูหยินอย่างเรียบร้อย ค่อยๆ แทะเล็มคำเล็กๆ เคี้ยวจนละเอียดแล้วค่อยกลืนช้าๆ ไม่ส่งเสียงใดแม้สักน้อย
หลิวเกอร์กินเสร็จแล้ว
เขากินทุกอย่างตามความวิสัยของบ้านตระกูลจี ไม่มีท่าทีจะกินเป็นอันที่สอง
จีเหล่าฮูหยินเห็นสายตาของเขาที่ถึงแม้จะอยากกินมากแต่พยายามฝืนข่มเอาไว้เต็มที่แล้วลอบถอนหายใจ นางหยิบจานขนมขึ้นมาเอ่ยว่า “กินอีกอันหนึ่งสิ”
หลิวเกอร์กลืนน้ำลายก่อนจะตอบทันทีว่า “หลานอิ่มแล้ว”
จีเหล่าฮูหยินวางจานลงโดยไม่พูดอะไรอีก
สาวใช้หยิบผ้าเช็ดหน้ามาให้หลิวเกอร์เช็ดมือ ตามด้วยชาร้อนให้เขากลั้วปาก
เขานั่งสงบเงียบอยู่ข้างเหล่าฮูหยิน มองทิวทัศน์ที่เหล่าฮูหยินก็กำลังมองอยู่เช่นกัน
เด็กที่อายุเท่านี้ควรไปเล่นดินเล่นทรายอยู่กับพื้น แต่กลับนั่งนิ่งชมดอกไม้เป็นเพื่อนหญิงชราอย่างนางราวกับเด็กหญิง แม้แต่จีเหล่าฮูหยินยังทนดูไม่ไหว หันไปเอ่ยกับเขาว่า “ย่าจะไปนอนกลางวันแล้ว เจ้าเองก็กลับไปนอนสักหน่อยเถอะ”
หลิวเกอร์กระโดดลงพื้น ประสานมือทำความเคารพจีเหล่าฮูหยิน “หลานขอลา”
จีเหล่าฮูหยินพยักหน้าอย่างมีเมตตา หลิวเกอร์ก้าวถอยหลังสามก้าว โค้งตัวก่อนจะหมุนตัวเดินไป
จีหมิงซิวเข้ามาในเรือนพอดี จึงเดินเจอกับหลิวเกอร์ที่กำลังจะออกไป
หลิวเกอร์พอเห็นจีหมิงซิวก็ดูประหนึ่งหนูเจอแมว ตกใจจนหน้าซีดไปหมด “ใต้ ใต้ ใต้ๆๆ…”
จีหมิงซิวตีศีรษะอีกฝ่ายทีหนึ่ง “เจ้าเด็กติดอ่าง”
หลิวเกอร์เสียใจมาก เขาไม่ได้เด็กติดอ่าง เขาพูดได้ เขา เขา เขา เขา…
จีเหล่าฮูหยินทนดูไม่ไหวจึงหันไปถลึงตาใส่หลายชายคนโตของตนแล้วบอกสาวใช้ประจำกายหลิวเกอร์ว่า “ตงเหมย พาหลิวเกอร์กลับไปได้แล้ว”
“เจ้าค่ะ” ตงเหมยรับคำสั่ง จูงมือหลิวเกอร์ถอยออกไป
จีหมิงซิวสาวเท้ายาวๆ เข้าไปหาเจ้าของเรือน หรงมามารีบไปยกเก้าอี้ตัวยาวออกมา จีหมิงซิวนั่งลง “สุขภาพท่านย่าดีแล้วหรือ”
“ดีนานแล้ว” จีเหล่าฮูหยินสะบัดค้อนใส่หลานชายทีหนึ่ง “ไม่มีอะไรก็อย่าไปทำให้น้องชายเจ้าตกใจสิ เขาใจเสาะจะแย่”
จีหมิงซิวเลิกคิ้ว “นั่นเป็นน้องชายหรือ ข้ายังคิดว่าเป็นน้องสาวเสียอีก”
บ่าวไพร่พากันเม้มปากยิ้ม
จีเหล่าฮูหยินตีหลังมือเขาทันที “พูดเช่นนี้กับน้องชายตนเองได้หรือ”
มุมปากจีหมิงซิวเบะออกเล็กน้อย
น้อยครั้งนักที่จะเป็นเขาแกล้งหลิวเกอร์เช่นนี้ ก่อนหน้านี้ยามได้พบหน้า เขาแค่เพียงมองเฉยๆ ไม่พูดอะไร จีเหล่าฮูหยินมองประเมินอีกฝ่ายขึ้นลงรอบหนึ่ง “มีเรื่องอะไรดีๆ งั้นหรือ”
จีหมิงซิวตอบว่า “หาหลานสะใภ้ให้ท่านย่าอย่างไร”
จีเหล่าฮูหยินตาพลันเป็นประกาย “แม่นางจากตระกูลใด”
“จวนเอินปั๋ว” จีหมิงซิวตอบ
“ตระกูลของนางน่ะหรือ” จีเหล่าฮูหยินดูจะผิดหวังเล็กน้อย ใจคนนั่นช่างประหลาดนัก เดิมทีตอนจีหมิงซิวเป็นตายอย่างไรก็ไม่ยอมแต่งงานนั้น จีเหล่าฮูหยินขอเพียงให้เขาแต่งงานกับใครสักคน ไม่ว่าคนผู้นั้นมีฐานะเช่นไร แต่พอจีหมิงซิวคิดอยากจะแต่งงานขึ้นมา เหล่าฮูหยินก็หวังให้เขาแต่งงานกับคนที่มีพื้นเพครอบครัวที่เหมาะสมกัน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าจวนเอินปั๋วดูจะแย่กว่าอยู่เล็กน้อย “ซีเอ๋อร์แต่งงานไปอยู่ไกลถึงซยงหนีว์แล้ว ครานี้คนที่เจ้าหมายปองเป็นคนใดอีกเล่า คุณหนูสามของเรือนสามหรือคุณหนูสี่กับคุณหนูห้าของเรือนสี่?”
“คุณหนูห้าเพิ่งอายุแปดขวบเท่านั้นเจ้าค่ะ” หรงมามาเอ่ยบอก
มุมปากจีเหล่าฮูหยินขยับเล็กน้อย “เช่นนั้นก็คุณหนูสาม คุณหนูสี่?”
“คุณหนูสี่ตกลงเรื่องแต่งงานกับลูกพี่ลูกน้องชายบ้านเดิมของมารดานางแล้วเจ้าค่ะ” หรงมามาบอกขึ้นมาอีกครั้ง
“คุณหนูสาม?” สีหน้าจีเหล่าฮูหยินเริ่มดูไม่ดี “บิดานางเป็นคนไม่ได้ความ!”
มีใครไม่รู้บ้างว่านายท่านสามตระกูลเฉียวเอาแต่ท่องเที่ยวไม่ทำอะไร ช่วงแรกยังใช้เงินซื้อกิจการมาทำเล่น แต่ทำอยู่ได้ไม่กี่วันก็ทนเหนื่อยไม่ไหวเลิกไปเสียอย่างนั้น การค้าของตระกูลก็ไม่สนใจจะทำ บุตรสาวที่คนเช่นนี้สั่งสอนมาจะมีอะไรดีได้?
จีหมิงซิวถอนหายใจ “เมื่อวานฝ่าบาทเรียกข้าเข้าวังแล้วเอ่ยถึงเรื่องการแต่งงานกับตระกูลเฉียว บอกว่าการแต่งงานนี้อดีตฮองเฮาได้สั่งไว้สมัยยังมีชีวิตอยู่ นอกจากตระกูลเฉียวจะเป็นฝ่ายขอถอนหมั้นก่อน หาไม่แล้วไม่ว่าอย่างไรตระกูลจีก็ต้องแต่งงานให้ได้ เรื่องที่ข้าบังคับให้ตระกูลจียอมคืนหนังสือหมั้นหมายกลับมานั้น ฝ่าบาททรงทราบแล้ว พระองค์ไม่สู้จะพอใจ ต่อว่าข้าไปยกหนึ่ง บอกว่าข้าไม่เห็นคำสั่งของฮองเฮาอยู่ในสายตา”
จีเหล่าฮูหยินอ้ำอึ้งไปครู่หนึ่ง “แต่ว่า แต่ว่าคุณหนูสามผู้นี้ยังสู้ซีเอ๋อร์ไม่ได้ด้วยซ้ำ ตอนนั้นสตรีดีๆ เช่นซีเอ๋อร์เจ้ายังไม่ต้องการ เวลานี้จะมา…”
จีหมิงซิวจึงบอกว่า “ใช่แล้ว หลานก็รู้สึกเสียใจอยู่เช่นกัน แต่จะทำอย่างไรได้? นอกจากนาง หลานยังจะแต่งงานกับใครได้อีก? อย่างไรจะแต่งกับคุณหนูเรือนใหญ่ไม่ได้กระมัง”
จีเหล่าฮูหยินบอกออกมาตามตรงว่า “ไม่เอาคุณหนูเรือนใหญ่! นางสร้างเรื่องเช่นนั้นกับยิ่นอ๋อง อย่าคิดจะได้ก้าวเข้าประตูบ้านตระกูลจีของข้าเลย!”
หรงมามาดูลังเลเล็กน้อย “แต่บ่าวกลับได้ยินข่าวมาว่า เรื่องระหว่างคุณหนูเรือนใหญ่กับท่านยิ่นอ๋องดูเหมือนจะเป็นการเข้าใจผิดกันนะเจ้าคะ”
“เข้าใจผิด?” จีเหล่าฮูหยินอยู่แต่ในบ้าน ข่าวคราวอะไรจึงไม่ค่อยรู้มาถึงหูนัก
หรงมามาบอกว่า “เขาพูดกันไปทั่วเมืองหลวงแล้วเจ้าค่ะ บอกว่าแม่นางตระกูลเฉียวถูกใส่ร้าย คนที่ร่วมหลับนอนกับยิ่นอ๋องเป็นอีกคนหนึ่ง คนผู้นั้นตามมาถึงบ้านแล้ว ซ้ำยังพาลูกมาด้วยนะเจ้าคะ!”
“ลูก ถึงขั้นมีลูกแล้วหรือ” จีเหล่าฮูหยินพอได้ยินว่ามีลูกลิ้นก็พันกันไปหมด มีสวรรค์ที่รู้ว่าหลังจากถูกเจ้าหลานหลิวเกอร์ “ทรมานใจ” มานานเพียงนั้น นางต้องการมีเด็กที่ปกติและร่าเริงสดใสมากเพียงใด
หรงมามาพยักหน้าบอกว่า “ใช่เจ้าค่ะ สามคนเชียวนะเจ้าคะ!”
จีเหล่าฮูหยินกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
หรงมามาเคยตกใจมาแล้ว เมื่อเอ่ยถึงเรื่องเดิมขึ้นมาอีกครั้ง นางจึงดูสงบนิ่งกว่าเหล่าฮูหยิน “แต่ไม่ว่าอย่างไร นางก็สนิทสนมแนบเนื้อกับยิ่นอ๋องมาแล้ว จะมาแต่งเข้าบ้านเราอีกคงไม่เหมาะ”
จีเหล่าฮูหยินพยักหน้า จริงด้วย เรื่องเมื่อตอนนั้นเป็นเรื่องใหญ่โตยิ่งนัก ฮ่องเต้รวมถึงขุนนางใหญ่ทั้งบุ๋นและบู๊ต่างเห็นว่าเฉียวซื่อออกมาจากกระโจมของยิ่นอ๋อง หากจะบอกว่าทั้งสองคนไม่มีอะไรกัน จีเหล่าฮูหยินคงไม่เชื่อ บางทียิ่นอ๋องอาจมีสัมพันธ์กับหญิงอื่นจริง แต่ก็ไม่แน่ว่าจะไม่ได้แตะต้องเฉียวซื่อ ดังนั้นแล้ว เพื่อชื่อเสียงที่สะอาดหมดจดของตระกูลจี อย่างไรไม่แต่งกับสตรีที่เคยมีเรื่องเสียหายจึงดีที่สุด
โลกใบนี้ก็ไม่ยุติธรรมเช่นนี้แล เฉียวเวยล้างมลทินจากชื่อเสียงเสียหายที่ยั่วยวนยิ่นอ๋องได้ แต่กลับลบล้างความจริงที่เคยเคียงหมอนกันมาไม่ได้ ทุกคนไม่มีทางไม่ใช้สายตาประหลาดมองนางเพียงเพราะนางเป็นผู้รับเคราะห์ อย่างมากก็แค่บอกว่าเสียดายแม่นางคนนี้
จีเหล่าฮูหยินถอนหายใจด้วยความจนใจ “คุณหนูเรือนใหญ่นั่นมีเรื่องเสียหายมากเกินไป ชื่อเสียงไม่ดี เจ้าแต่งงานกับคุณหนูเรือนสามก็แล้วกัน!”
จีหมิงซิวชะงักไป “หากข้าดึงดันจะแต่งกับนางให้ได้เล่า”
จีเหล่าฮูหยินลุกขึ้นนั่งทันที “เจ้านี่ช่าง…” นางคิดบางอย่างขึ้นมาได้ คิ้วสีดอกเลาจึงขมวดมุ่น “เจ้าตั้งใจใช่หรือไม่ นางกรอกยาเสน่ห์อะไรให้เจ้ากิน เหตุใดเจ้าถึงสติเลอะเลือนเช่นนี้”