ตอนที่ 1333 สุสานที่หายไป (3) / ตอนที่ 1334 สุสานที่หายไป (4)
ตอนที่ 1333 สุสานที่หายไป (3)
ภายในสิบสองตำหนักไม่เคยขาดแคลนคนที่มีความสามารถ แม้ว่าบิดามารดาของพวกเฉียวฉู่จะแข็งแกร่งพอสมควร แต่พวกเขาก็ไม่ใช่พวกหัวกะทิของสิบสองตำหนัก นอกจากบิดามารดาของพวกเขาห้าคน ก็ยังมีอีกสองคนจากตำหนักอื่นที่หาสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิพบเช่นกัน สิ่งที่แปลกก็คือเวลาที่คนพวกนั้นไปถึงสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิคือวันเดียวกันและรวมตัวกันเข้าไปในสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ
ถ้าบอกว่าหลังจากผ่านความยากลำบากมามากมาย พวกเขาคือหนึ่งในล้านคนที่หาสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิพบ มันก็อธิบายได้ไม่ยาก
แต่สิ่งที่แปลกก็คือ ในวันนั้นมีคนจำนวนมากได้เข้าไปในสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิด้วยกัน แต่หลังจากนั้นไม่ว่าสิบสองตำหนักจะส่งคนออกไปมากแค่ไหน ก็ไม่มีใครสักคนที่สามารถค้นหาสถานที่นั้นพบอีก
จะต้องรู้ว่า บิดามารดาของพวกเขาไม่มีแผนที่อะไรอยู่ในมือเลย และแม้ว่าหลังจากนั้นแผนที่จะถูกแบ่งออกไป แต่อย่างน้อยสิบสองตำหนักก็มีเงื่อนงำบางอย่างแล้ว แต่ในช่วงสิบกว่าปีหลังจากนั้น ก็ไม่มีใครหามันพบอีกเลย
นั่นมันแปลกจริงๆ
“เรื่องนั้นข้าเองก็เคยคิดมาก่อน” ฮวาเหยาพูดพลางหรี่ตาลง ในวันนั้นมีคนจำนวนมากจากหลายกลุ่มที่ค้นพบสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ และหลังจากเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิตายไปหลายปี ก็ยังมีคนเพียงกลุ่มเดียวที่ทำสำเร็จ นั่นมันค่อนข้างจะไร้เหตุผลไปหน่อย
“ข้าจำได้ว่าท่านพ่อของข้าไปที่สามโลกชั้นกลางก่อนเพื่อกลับไปรายงาน ท่านแม่ของข้ายังคงอยู่ที่สามโลกเบื้องล่างกับข้าเพียงคนเดียว ตอนนั้นข้าเห็นแผนที่บนหลังของท่านแม่ และเนื่องจากข้ายังเด็กเกินไป จึงไม่รู้ความหมายเบื้องหลังแผนที่นั้น และถามท่านแม่อย่างไร้เดียงสาว่าทำไมถึงอยากทำแผนที่สถานที่ที่ท่านแม่เคยไปมาแล้ว แต่ท่านแม่ของข้าบอกว่านางจำอะไรไม่ได้เลย” ฟ่านจัวพูดพร้อมกับหรี่ตาลงเล็กน้อย เขาเป็นเพียงคนเดียวในกลุ่มที่ยังมีโอกาสพูดคุยกับครอบครัวหลังจากพบสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิแล้ว
ส่วนบิดามารดาของเฉียวฉู่และคนอื่นๆ นั้น พวกเขาถูกจับทันทีที่กลับไป
ตอนแรกพวกเขารู้สึกเพียงว่าสิบสองตำหนักชั่วร้ายมากที่ฆ่ากระทั่งคนที่จงรักภักดีต่อพวกเขา
แต่ในตอนนี้เมื่อคิดย้อนกลับไป ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ
“ถ้าสิบสองตำหนักกังวลว่าคนจากดินแดนเทพมารจะพบว่าพวกเขาเจอสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิแล้ว ก็แค่ซ่อนคนที่เจอสุสานไว้ก็ได้นี่นา ทำไมต้องฆ่าพวกเขาเร็วขนาดนั้นด้วย นอกจากนั้น แผนที่ที่คนของพวกเขาถืออยู่ก็ไม่สมบูรณ์ แทนที่จะเก็บแผนที่ที่ไม่สมบูรณ์เอาไว้ ทำไมไม่เก็บคนที่พบสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิเอาไว้แทนเล่า” ในใจของฟ่านจัวจมอยู่กับความเกลียดชังที่ฝังลึกอยู่ในจิตใจ ทำให้เขาไม่สามารถคิดออกว่าอะไรคือสาเหตุที่บิดามารดาของเขาถูกฆ่าตาย
แต่พอสงบจิตใจคิดให้ดีแล้ว ก็ดูเหมือนว่ามีความไม่สอดคล้องกันมากมายกับวิธีที่เขาเคยคิดมา
“ถ้าสิ่งที่มารดาของเจ้าพูดเป็นความจริง อย่างนั้นเหตุผลที่สิบสองตำหนักฆ่าพวกเขาก็กระจ่างแล้ว” จวินอู๋เสียพูดขึ้นทันที
“สิบสองตำหนักแอบค้นหาสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ และกลัวว่าคนจากดินแดนเทพมารจะรู้เข้า ดังนั้นพวกเขาย่อมไม่ทิ้งอะไรไว้ให้ใครมาเล่นงานได้ ถ้าบิดามารดาของพวกเจ้ายังจำสถานที่ตั้งของสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิได้อย่างแม่นยำ พวกเขาก็อาจจะยังมีชีวิตอยู่ แต่ถ้าเป็นอย่างที่มารดาของฟ่านจัวพูดว่าพวกเขาลืมไปแล้ว อย่างนั้นคุณค่าของพวกเขาในสายตาของสิบสองตำหนักก็ยังน้อยกว่าแผนที่ที่ไม่สมบูรณ์พวกนั้น คนที่ไม่มีประโยชน์อะไรก็ไม่จำเป็นต้องเก็บเอาไว้ คนจากดินแดนเทพมารก็จะไม่มีอะไรมาเล่นงานพวกเขาได้” จวินอู๋เสียอธิบาย นางเคยคิดเรื่องนี้มาก่อน แต่ก็ไม่สามารถหาข้อสรุปได้ แต่คำพูดของฟ่านจัวในวันนี้ได้ทำให้ข้อสงสัยของนางกระจ่างแล้ว และได้ให้คำอธิบายที่มีเหตุผลในสิ่งที่นางไม่เข้าใจ
ตอนที่ 1334 สุสานที่หายไป (4)
บิดามารดาของพวกฟ่านจัวอาจโชคดีที่เข้าไปในสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิได้ และโชคของตอนนั้นก็บังเอิญเกิดขึ้นในวันเดียวกัน ดังนั้นจึงมีเพียงคนที่เข้ามาใกล้สุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิในวันนั้นเท่านั้นที่สามารถค้นหาเป้าหมายที่แท้จริงได้
และหลังจากที่เข้าไปในสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ พวกเขาก็เจอกัน เพื่อที่จะยับยั้งอีกฝ่ายที่มาจากตำหนักอื่น พวกเขาจึงคิดทำแผนที่ขึ้น แม้ว่าพวกเขาจะพูดอย่างนั้น แต่ทุกคนก็รู้แก่ใจดีว่าแผนที่ก็แค่วิธีแก้ปัญหาแบบผิวเผินเท่านั้น ตราบใดที่พวกเขาจำทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่ได้ แผนที่ก็ไม่จำเป็นอะไรเลย
แต่หลังจากนั้น ไม่รู้ว่าพวกเขาไปเจอกับอะไรเข้า เมื่อออกจากสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ พวกเขาก็ลืมทุกอย่างทันที…
การเดาของนางทำให้นางนึกถึงสิ่งที่เวินอวี่เคยบอกไว้ เวินอวี่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและคิดว่าคงรอดอยู่ได้ไม่นาน แต่พอเขาหมดสติไปในสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ ใครบางคนก็นำเขาออกจากผาสุดขอบฟ้า
นอกจากนั้น เขาก็จำอะไรไม่ได้เลย ความทรงจำทั้งหมดในสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิเหลือเพียงความว่างเปล่า
เรื่องนั้น ตอนแรกจวินอู๋เสียคิดว่าเป็นเพราะเวินอวี่บาดเจ็บหนักมากจนทำให้ลืมสิ่งที่เกิดขึ้น แต่พอคิดย้อนกลับไป ก็น่าสงสัยว่าเขาจำไม่ได้ หรือว่า…ความทรงจำของเขาถูกลบออกไป
จวินอู๋เสียมองไปยังทุ่งดอกไม้ที่ไร้ที่สิ้นสุดด้วยแววตาสิ้นหวัง
แผนที่ไม่น่าผิด และสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิก็อยู่ตรงนั้น
แต่พวกเขากลับมองไม่เห็น ไม่สามารถสัมผัสได้ เหมือนกับว่ามันหายไปจากที่นั่น
หลายปีที่ผ่านมานี้ สิบสองตำหนักส่งยอดฝีมือมาที่ผาสุดขอบฟ้ามากมายเท่าไรแล้ว แม้ว่าจวินอู๋เสียจะระบุจำนวนไม่ได้ แต่นางก็รู้ว่าคนพวกนั้นทุกคนล้วนแข็งแกร่งกว่าพวกนาง
พวกเขาสามารถหาทางมาถึงที่นี่ได้เหมือนพวกนาง แต่การได้เห็นทะเลดอกไม้ที่ไร้ที่สิ้นสุดนี้ทำให้พวกเขาหมดหวัง
พวกเขาหามันไม่เจอ หรือเจอแล้วแต่ไม่รู้ตัว
ถ้าไม่ใช่เพราะแผนที่ที่อยู่ในมือ จวินอู๋เสียคงไม่อาจแน่ใจได้ว่าพวกเขากำลังยืนอยู่ตรงหน้าสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ
สุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิหายไปอยู่ที่ไหนกัน
จวินอู๋เสียลุกขึ้นยืนและเดินต่อไปในทะเลดอกไม้
ทันใดนั้น ร่างเล็กๆ ก็โผล่มาตรงหน้านาง
มงกุฎดอกไม้ที่ทำจากดอกไม้สีม่วงปรากฏขึ้นตรงหน้า ใบหน้าสีชมพูระเรื่อของเสี่ยวเจว๋เงยขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังขณะมองจวินอู๋เสีย มือสองข้างยื่นมงกุฏดอกไม้ให้จวินอู๋เสีย
“พี่ชายตัวเล็ก ของขวัญ…ให้…ท่าน…” เสี่ยวเจว๋พูดด้วยเสียงประหม่าปนเขิน
จวินอู๋เสียประหลาดใจ นางยกมือขึ้นขยี้ผมสีแดงเพลิงของเสี่ยวเจว๋ เด็กน้อยทำเหมือนมาเที่ยว ไม่ได้มีท่าทางกังวลใจหรือหงุดหงิดเลยแม้แต่น้อย ก็ดีเหมือนกัน อยู่อย่างไร้กังวลก็ดีกว่ามีชีวิตอยู่อย่างเศร้าโศกระทมทุกข์ไปตลอด
จวินอู๋เสียลงนั่งยองๆ มองดูเสี่ยวเจว๋
“ช่วยใส่ให้หน่อยสิ”
เสี่ยวเจว๋กะพริบตาปริบๆ มือเล็กๆ ของเขาสั่นขณะยกมงกุฎดอกไม้ที่ไม่ค่อยสวยนั่นขึ้นช้าๆ และวางลงบนหัวของจวินอู๋เสีย
“สวยมาก” หลังจากที่เสี่ยวเจว๋ใส่ให้จวินอู๋เสีย เขาก็ก้าวถอยหลังไปอย่างอายๆ มือเล็กๆ ของเขากุมไว้ที่ด้านหลัง บิดตัวไปมาด้วยความเขินเล็กน้อย
จวินอู๋เสียยิ้มบางๆ สายตาของเลื่อนขึ้นไปเหนือไหล่ของเสี่ยวเจว๋อย่างไม่ได้ตั้งใจ ทันใดนั้นเอง นางก็ชะงักค้าง แววตาประหลาดใจผุดขึ้นมา นางยืนขึ้นและมองไปยังทะเลดอกไม้ที่ทอดยาวไปจนสุดขอบฟ้า