บทที่ 665 พบใครบางคนบนถนน

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 665 พบใครบางคนบนถนน

บทที่ 665 พบใครบางคนบนถนน

ในวันที่สอง เมื่อกู้เสี่ยวหวานตื่นขึ้น หลี่ฝานก็ได้สั่งให้คนเตรียมทุกอย่างไว้แล้ว

หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานตื่นขึ้นมาและอาบน้ำแล้ว ทุกคนก็มาทานอาหารเช้าด้วยกัน ก่อนกู้เสี่ยวหวานจะเข้าไปในรถม้าโดยได้รับการช่วยเหลือจากฉินเย่จือ

รถม้าแล่นไปจนสุดเขตชานเมือง

คนที่ตื่นเต้นเป็นพิเศษคือกู้หนิงผิงและกู้เสี่ยวอี้ ทันทีที่พวกเขาได้ยินว่าพวกเขาจะเช่าบ้านของหลี่ฝานในเขตชานเมืองชั่วคราว และจะย้ายออกไปหลังจากที่บ้านของพวกตนสร้างเสร็จ เด็ก ๆ ทั้งสองคนก็ตื่นเต้นมาก

นั่นหมายความว่าพวกเขาจะได้แยกจากคนชั่วร้ายที่ทำร้ายพี่สาวของพวกเขา

ในรถม้า กู้หนิงผิงเดินไปตรงนั้นทีตรงนี้ทีอย่างตื่นเต้น เดี๋ยวก็ยืนข้างหน้ากู้เสี่ยวหวาน อีกเดี๋ยวก็ไปยืนข้างฉินเย่จือ ชั่วขณะนั้นดูเหมือนจะมีคำพูดไม่รู้จบพรั่งพรูออกจากปากของเขา

“ท่านพี่ พวกเราจะไม่ต้องกลับไปที่หมู่บ้านอู๋ซีจริง ๆ หรือ? พวกเราจะอยู่ในเมืองหลิวเจียกันจริง ๆ หรือ?”

กู้หนิงผิงยังคงมีสีหน้าไม่อยากเชื่อ ตั้งแต่ออกจากร้านจิ่นฝูมา เขาถามคำถามนี้มาสามหรือสี่ครั้งแล้ว

แต่ทุกคนยังคงไม่หมดความอดทน เมื่อเห็นท่าทางตื่นเต้นของกู้หนิงผิง ทุกคนเองก็มีความสุขมาก

“เอาล่ะ จากนี้ไปพวกเราจะอาศัยอยู่ในเมืองหลิวเจีย บ้านของพวกเรายังไม่ได้สร้าง ระหว่างนี้ต้องขอรบกวนท่านลุงหลี่ โดยอาศัยอยู่ที่บ้านของเขาชั่วคราว ถ้าบ้านของพวกเราสร้างเสร็จแล้ว พวกเราก็จะมีบ้านใหม่ของพวกเราเอง บ้านในเมืองนี้” กู้เสี่ยวหวานยังกล่าวอย่างตื่นเต้น

“ว้าว… ว้าว…” เมื่อกู้หนิงผิงกับกู้เสี่ยวอี้ได้ยินเช่นนี้พวกเขาก็ตื่นเต้นมากจนกระโดดขึ้นลงในรถม้า รถม้าใหญ่พอ ไม่ว่าทั้งสองคนจะกระโดดอย่างไร มันก็ไม่มีผลกระทบต่อการโดยสารแต่อย่างใด

หลี่ฝานจัดรถม้าสี่คันซึ่งทั้งกว้างขวางและสะดวกสบาย ด้วยพิจารณาว่าอาการป่วยของกู้เสี่ยวหวานเพิ่งฟื้นตัว และไม่ควรได้รับความกระทบกระเทือนเกินไป

ความใส่ใจของหลี่ฝาน ทำให้ทั้งกู้เสี่ยวหวานและฉินเย่จือรู้สึกประทับใจอย่างมาก

“ท่านพี่ เช่นนั้นหลังเลิกเรียน พี่หนิงอันก็สามารถกลับมากินข้าวและนอนที่บ้านของเราได้แล้ว!” กู้เสี่ยวอี้พูดอย่างตื่นเต้นขณะที่วิ่งไปอยู่ด้านข้างกู้เสี่ยวหวาน

กู้เสี่ยวหวานก็ตื่นเต้นเช่นกัน นางพยักหน้า “จากนี้ไป ครอบครัวของพวกเราจะกลับมาอยู่ด้วยกันทุกวันอีกครั้ง”

กู้หนิงผิงรู้สึกตื่นเต้นมาก เขามองไปที่ฝูงชนที่พลุกพล่านข้างนอก เขาก็พูดอย่างตื่นเต้น “ท่านพี่ จากนี้ไปพวกเราจะได้อยู่ในเมืองนี้กันแล้ว!”

กู้ซินเถามักจะโอ้อวดต่อหน้าทุกคนในหมู่บ้านอู๋ซี โดยบอกว่านางมาจากในเมืองและดูถูกคนอื่นในหมู่บ้าน บอกว่าพวกเขาเป็นหญิงบ้านนอกและคนบ้านนอก

หลี่ฝานหัวเราะเบา ๆ ที่ด้านข้าง “การอยู่ในเมืองหลิวเจียมีอะไรดี? ข้าหวังว่าในอนาคตเจ้าจะย้ายไปยังเมืองหลวง และเป็นคนในเมืองหลวงอย่างแท้จริง”

หลี่ฝานตระหนักดีว่านี่ไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลย!

หลังจากได้ยินคำพูดของหลี่ฝาน กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากเช่นกัน

เมืองหลวง?

ในอนาคต นางต้องไปแน่!

ใช่แล้ว อีกไม่กี่ปีให้หลัง พวกเขาทั้งหมดจะไปที่เมืองหลวง ซึ่งในเมืองหลวง พวกเขาสามารถหาหนทางก้าวหน้าของแต่ละคนได้

กู้เสี่ยวหวานมองไปที่ฉินเย่จือ โดยมีประกายระยิบระยับในดวงตา

ฉินเย่จือรู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ จึงส่งสายตาให้นางวางใจ

ทันใดนั้น รถม้าก็หยุดลง

โชคดีที่กู้เสี่ยวหวานถูกฉินเย่จือกอดไว้ นางจึงไม่เป็นอะไร รถม้าเองก็ใหญ่พอ อีกทั้งในเวลานั้นกู้หนิงผิงกับกู้เสี่ยวอี้ต่างก็นั่งบนรถม้าอย่างเชื่อฟังเช่นกัน เมื่อเห็นว่ารถหยุด หลี่ฝานก็รีบเปิดม่านแล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้นหรือ?”

จากนั้นเขาก็ได้ยินคนขับรถม้าพูดว่า “เถ้าแก่ ดูเหมือนข้างหน้าจะมีคนขวางทางเราไว้ขอรับ”

แววตาของหลี่ฝานเปลี่ยนไป จิตใจของเขาวูบไหว จากนั้นเขาก็พูดกับกู้เสี่ยวหวาน “เสี่ยวหวาน เดี๋ยวข้าจะออกไปดูสักหน่อย”

เมื่อเขากลับมาในรถม้าและนั่งลง รถม้าก็ออกเดินทาง ครั้นกู้เสี่ยวหวานเห็นหลี่ฝานขึ้นมา หากแต่สีหน้าของอีกฝ่ายก็ดูไม่ค่อยดีนัก จึงถามว่า “ท่านลุงหลี่ ท่านเป็นอะไรไปหรือ? เหตุใดสีหน้าท่านจึงไม่ดีนัก”

ก่อนลงจากรถม้าเมื่อครู่นี้ สีหน้าของหลี่ฝานยังสบายดีอยู่เลย เหตุใดสีหน้าของเขาถึงเปลี่ยนไป ยามกลับขึ้นมา?

อาจเกี่ยวข้องกับผู้ที่หยุดรถม้าเมื่อครู่หรือไม่?

หลี่ฝานชำเลืองมองกู้เสี่ยวหวาน จากนั้นมองไปที่ฉินเย่จือ แล้วพูดอย่างเบา ๆ ว่า “คนที่หยุดรถม้าเมื่อครู่นี้เป็นชายหนุ่ม ข้าเกรงว่ากับนายท่าน…” เมื่อคำพูดมาถึงปาก หลี่ฝานก็รีบเปลี่ยนวาจา “กับคุณชาย…ฉิน อายุคงไล่เลี่ยกัน!”

หลี่ฝานพูดตะกุกตะกักเล็กน้อย ยามเขาพูดถ้อยคำเหล่านี้ดูเหมือนจะลำบากเล็กน้อย

“ชายคนนั้นบอกว่า ตั้งแต่เขายังเด็ก เขาก็ไม่มีพ่อหรือแม่ ซึ่งเขาเรียนศิลปะกับอาจารย์ของเขาบนภูเขา แต่แล้วอาจารย์ก็เสียชีวิตลง เขาจึงไม่มีที่อยู่” หลี่ฝานกล่าว

เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินเช่นนี้ นางก็ขมวดคิ้ว

ที่แท้เด็กคนนี้ก็เป็นเด็กกำพร้า?

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ กู้เสี่ยวหวานก็เงยหน้าขึ้นและเห็นว่าฉินเย่จือกำลังขมวดคิ้วแน่น ราวกับว่าเป็นเพราะคำพูดของหลี่ฝานทำให้เขาก็นึกถึงประสบการณ์ชีวิตของตัวเอง

ถูกต้อง นั่นคือสิ่งที่ฉินเย่จือบอกกู้เสี่ยวหวานก่อนที่เขาจะเข้ามาอยู่ในบ้านกู้ก่อนหน้านี้

“เอาอย่างไรดี? ให้เงินเขาแล้วปล่อยให้เขาไปดูแลตัวเองเถอะ!” กู้เสี่ยวหวานแนะนำ

“ข้าให้แล้ว แต่คนผู้นั้นไม่ต้องการ” หลี่ฝานพูดอย่างกระตือรือร้น “ในร้านอาหารของข้าไม่ได้ขาดแคลนกำลังคน แต่… เสี่ยวหวาน… ข้ามีอะไรจะพูด แต่ข้าสงสัยว่าเจ้าอยากฟังหรือไม่?”

เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินว่าหลี่ฝานต้องการให้คำแนะนำบางอย่างแก่นาง ดวงตาของนางก็เบิกขึ้นเล็กน้อยและตั้งใจฟัง “ท่านลุงหลี่ ถ้าท่านมีอะไรจะพูดก็พูดได้เลย!”

“เสี่ยวหวาน ในอนาคตเจ้าต้องมีคนที่ไว้ใจได้สักสองสามคนอยู่รอบตัวเจ้า เพื่อช่วยเจ้าดูแลทั้งภายในและภายนอก เจ้าเป็นเพียงผู้หญิงและเจ้าไม่จำเป็นต้องออกหน้าและวิ่งออกไปข้างนอกเช่นตอนนี้ เจ้ามีเพียงคุณชายฉินคอยช่วยเจ้า บางครั้งการทำหลายอย่างพร้อม ๆ กันอาจมีพลาดกันได้ ข้ากลัวว่ามันจะเป็นเรื่องยากสำหรับเจ้าทั้งคู่ หากเจ้าหาคนมาอีกสองสามคน ทั้งในบ้านและนอกบ้านก็จะมีคนช่วยดูแล! เจ้าคิดว่าที่ข้าพูดมีอะไรผิดหรือไม่?”

กู้เสี่ยวหวานย่อมรู้ว่านี่เป็นคำแนะนำที่ดี!

ถูกต้อง ถ้าในอนาคตบ้านของครอบครัวใหญ่ขึ้น ย่อมต้องการซื้อสาวใช้และคนรับใช้แน่!

คราวนี้ได้เจอคนระหว่างทาง ทั้งยังมีภูมิหลังคล้ายกับฉินเย่จือด้วย

“เจ้าคิดอย่างไร?” กู้เสี่ยวหวานถามฉินเย่จือ

ฉินเย่จือขมวดคิ้ว ก่อนพยักหน้าและพูดว่า “คำพูดของเถ้าแก่หลี่ถูกต้อง ในอนาคตจะมีคนมาช่วยดูแลครอบครัวเพิ่มแน่นอน ทว่าพวกเราไม่รู้รายละเอียดของคนผู้นี้ หากให้เขามาอยู่เคียงข้างนางโดยไม่ได้ตรวจสอบภูมิหลังของเขาเสียก่อน เกรงว่าอาจจะไม่ดีนัก!”