บทที่ 655 ทิ้งให้อยู่บ้านคนเดียว
บทที่ 655 ทิ้งให้อยู่บ้านคนเดียว
เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ทำให้ผู้นำต่งวิ่งมาหาโดยเฉพาะจะทำให้คนขุ่นเคืองไม่ได้ เห็นผู้นำต่งเคารพพ่อเฒ่าซูเป็นอย่างมาก ทั้งยังเอ็นดูซูเสี่ยวเถียนจากใจ
คนมีท่าทีเช่นนี้ถ้าบอกว่าไม่ใช่ญาติกันจริง ๆ ใครจะเชื่อ?
รัฐมนตรีต้วนรู้สึกปวดหัวเป็นอย่างมาก
“พาคนพวกนี้ออกไป!” รัฐมนตรีต้วนรู้ว่าไม่อาจทำให้เวลาล่าช้าต่อไปได้อีกแล้ว เรื่องนี้ต้องแก้ไขด้วยวิธีการที่รวดเร็วฉับไว!
พวกอันธพาลไม่เต็มใจ พวกเขาคาดไม่ถึงว่าจะไปทำให้ญาติของผู้นำต่งขุ่นเคืองโดยไม่ได้ตั้งใจ เป็นธรรมดาที่จะรู้สึกว่าโชคร้าย
แต่ในตอนนี้พูดเรื่องพวกนี้ไปจะยังมีประโยชน์อีกหรือ?
รอให้รัฐมนตรีต้วนพาเหล่าอันธพาลออกไปไกลแล้ว ต่งหยวนจงก็เบนสายตาไปมองคนตระกูลซู
“หลังจากนี้หากมีเรื่องอะไรผมจะไปหาคุณโดยตรงเลยคุณปู่อู๋! ให้เขาอธิบายให้คุณฟัง!” ต่งหยวนจงพาลใส่คนอื่นจริง ๆ
รัฐมนตรีอู๋ไม่ได้พูดอะไร ทำไมต้องมาโทษตนด้วย?
“ทำไม? คุณไม่รู้หรือ?” ต่งหยวนจงจ้องมองไปยังรัฐมนตรีอู๋พลางพูดขึ้น
“ผมรู้ ผมกลับไปแล้วจะบอกเสี่ยวต้วนครับ” ใครใช้ให้เขาปลูกฝังคนได้ไม่ดีเล่า?
รัฐมนตรีอู๋ตอบรับ ต่งหยวนจงจึงกล่าว “ประมาณนี้ก่อนแล้วกัน”
คุณปู่ซูที่ถูกพยุงยืนอยู่ด้านข้าง เหงื่อบนหน้าผากไหลลงมา
“พี่ใหญ่ ร่างกายพี่เกรงว่าจะทรุดลงมาก ผมจะให้คนไปส่งพี่ที่โรงพยาบาล” ต่งหยวนจงเห็นก็รีบพูด
พี่ใหญ่ทำความดีมาทั้งชีวิตหลายปีก่อนลำบากมามาก เดิมคิดว่าแก่แล้วจึงมีวาสนาขึ้น ใครจะรู้ว่าจะมาได้รับความทุกข์ยากใต้เปลือกตาตัวเองแบบนี้
“ไม่ต้องไปโรงพยาบาลหรอก!” คุณปู่ซูข่มความเจ็บปวดรีบพูดขึ้นมา
เสี่ยวเถียนในบ้านสามารถตรวจโรคได้จะไปโรงพยาบาลทำไม? ไปโรงพยาบาลครั้งหนึ่งค่าใช้จ่ายแพงมากไม่จำเป็นต้องเสียเงินกับเรื่องนี้
เขายังมีหนี้อยู่อีกห้าหมื่นหยวนด้วย
แต่ในตอนนี้เองที่ซูเสี่ยวเถียนเปิดปากพูด “คุณปู่คะยังไงก็ไปดูอาการที่โรงพยาบาลสักหน่อยเถอะค่ะ!”
คนเมื่ออายุมากแล้วกระดูกจะเปราะหากกระดูกเสียหายจะไม่ดี คุณย่าซูเองก็รีบเกลี้ยกล่อมให้คุณปู่ซูไปโรงพยาบาล
สุดท้ายคุณปู่ซูก็ตกลงไปโรงพยาบาล ซูเสี่ยวเถียน ตู้ถงเหอ และเจ้าหน้าที่ข้างตัวต่งหยวนจงก็ไปส่งเขาด้วย
“ครูอวี่ ผู้อำนวยการหลี่ และสหายท่านนี้วันนี้ขอบคุณพวกคุณมากเลยนะคะที่ช่วยพวกเรา ขอเชิญพวกคุณอยู่ต่อก่อนนะคะเย็นนี้พวกเราตระกูลซูจะเลี้ยงอาหารต้อนรับพวกคุณค่ะ!”
ครูอวี่และผู้อำนวยการหลี่ทั้งสองคนยังนับว่าคุ้นเคยกับตระกูลซู แต่กลับไม่เคยรู้เลยว่าตระกูลซูมีความสัมพันธ์อันดีกับครอบครัวของผู้นำต่งเช่นนี้
เพราะเรื่องร้านอาหารถูกทำลายทำให้ผู้นำหลาย ๆ คนมารวมตัวกัน หากกวาดสายตามองทั่วทั้งเมืองหลวงจะมีสักกี่ครอบครัวที่จะมีเกียรติเช่นนี้?
ทันใดนั้นทั้งสองคนก็มีความรู้สึกอันหลากหลายผสมปนเปกัน!
พวกเขาพี่น้องสบสายตากันก็รู้สึกว่าตระกูลซูถ่อมตัวเกินไปแล้ว
ส่วนอีกคนแค่เห็นความไม่เป็นธรรมจึงรีบเข้ามาช่วย
ในตอนนี้เขาก็ตกตะลึงอย่างสมบูรณ์แล้ว
ได้ยินซูเสี่ยวเถียนเชิญเขาให้อยู่ต่อกินข้าวก็รีบตอบอย่างไม่เป็นธรรมชาติ “ฉันชื่อหวังเฉิงหย่งแค่ยื่นมือออกไปช่วยเหลือเท่านั้นไม่ต้องเกรงใจ…”
“สหายหวังวันนี้คุณถูกตีด้วยต้องการไปดูอาการที่โรงพยาบาลสักหน่อยไหม?”
“ฉันไม่เป็นไร สบายดีมาก” หวังเฉิงหย่งโบกไม้โบกมือเป็นพัลวัน แสดงให้เห็นว่าตัวเองสบายดีใบหน้าของเขามีบาดแผล แต่ไม่เป็นปัญหาใหญ่
“แม่คะแม่พาคนมาเก็บกวาดร้านสักหน่อยรอพวกเรากลับมาเถอะค่ะ” ซูเสี่ยวเถียนพูดกับเหลียงซิ่วอีกครั้ง
เหลียงซิ่วรีบตอบรับ
“แม่ลองคำนวณหน่อยนะคะว่าร้านพวกเราเสียหายไปเท่าไหร่”
เงินทุกหยวนทั้งหมดล้วนต้องให้คนอื่นควักออกมา! กล้าทำก็ต้องกล้าสำนึกตัวจ่ายเงินค่าเสียหายด้วย
ไม่ว่าจะเป็นแซ่ ‘เฉียน’ หรือแซ่ ‘โฮ่ว’ จะต้องให้เขาจ่ายเงินแน่นอน
ต่งหยวนจงให้คนใช้รถตัวเองไปส่งคุณปู่ซูที่โรงพยาบาล ในขณะที่ตัวเองกลับไปกับรถของรัฐมนตรีอู๋ด้วย
รอจนทุกคนไปแล้วเหลียงซิ่วก็เรียกให้พวกซิ่วหงไปช่วยเก็บกวาดร้านอาหาร
“เย็นนี้ไม่ต้องเตรียมเปิดร้านแล้ว ซิ่วหงไปแขวนป้ายปิดร้านชั่วคราว!”
เหลียงซิ่วเห็นทุกที่เละเทะยุ่งเหยิงก็ปวดใจยิ่งนัก
ซิ่วหงไม่กล้าพูดอะไรมากรีบจึงตอบรับเสียงหนึ่ง
ผู้อำนวยการหลี่และคนอื่น ๆ คิดว่าในเมื่อต้องอยู่กินข้าวแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ไม่อาจมองเฉยไม่ทำอะไร จึงดึงแขนเสื้อขึ้นและช่วยเก็บกวาด
คุณย่าซูมองร้านอาหารของครอบครัวตัวเองที่ระดมความคิด และวางแผนไปมากมายกว่าจะเปิดมันขึ้นมาได้ถูกคนทำลายจนเละเทะเช่นนี้ ก็ด่าคนไร้จิตใจเหล่านั้นไปพลางเก็บกวาดไป
แทบจะร้องได้อยู่ร่อมร่อ
ทุกคนทุ่มเทร่วมแรงร่วมใจจนในที่สุดร้านอาหารก็เก็บกวาดได้เกือบเรียบร้อยทั้งหมดแล้ว
“วันนี้ต้องขอบคุณทุกคน พรุ่งนี้พวกเราก็เปิดร้านได้ตามปกติแล้ว”
คุณย่าซูพิจารณาร้านอาหารที่ถูกเก็บกวาดอย่างสะอาด ความรู้สึกเสียใจก็คลี่คลายไปมาก ยังดีที่ความเสียหายไม่มากนักพรุ่งนี้จึงสามารถเปิดร้านได้ตามปกติแล้ว แต่เมื่อเห็นใบหน้าพวกซิ่วหงกระสับกระส่ายคุณย่าซูก็ถอนหายใจ ทั้งหมดล้วนเป็นเด็กผู้หญิงตัวน้อยย่อมตกใจกลัวกันแล้ว
“ซิ่วหง พวกเธอวันนี้ตกใจมากแล้ว รออีกเดี๋ยวพวกเธอก็เอาเนื้อกลับบ้านไปด้วยสองจินเถอะ!”
เด็กสาวตัวน้อยพวกนี้ในช่วงเวลาสำคัญก็ไม่ได้ทิ้งพวกเขาวิ่งหนีไป ซึ่งน่าชมเชยเป็นอย่างมากโดยเฉพาะซิ่วหงเพราะเหตุนี้จึงทำให้รู้สึกผิด
นอกจากซิ่วหงแล้วพนักงานคนอื่น ๆ ก็รู้สึกว่าละอายใจกับตัวเอง ถึงอย่างไรในตอนนั้นพวกเธอก็ตกใจแทบแย่จนไม่ได้ทำอะไรเลย
“คุณย่าซูคะพวกเราไม่ต้อง…” สาวน้อยคนหนึ่งพูดอย่างระมัดระวัง
“ไม่เป็นไร” คุณย่าซูไม่คิดจะพูดให้มากความทำเพียงแค่พูดอย่างเรียบง่าย
เนื้อเหล่านั้นวันนี้ไม่ทำกินแล้ว อากาศร้อนแบบนี้ทิ้งไว้ถึงพรุ่งนี้คงเน่าเสีย ไม่สู้เอามาแบ่งให้พวกเด็กสาวจะดีกว่า
ครั้งนี้ร้านอาหารเสียหายไปไม่น้อยเช่นพวกถ้วยชามจานแก้วก็แตกไปไม่น้อย ที่สำคัญการจะจัดซื้อใหม่ล้วนต้องใช้เงิน
คุณย่าซูเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่อาจแสดงออกมาได้
เมื่อพวกเธอออกไปแล้วก็ต้องเชิญพวกครูอวี่มากินข้าวด้วย
เธอจึงทุ่มเททำอาหารอย่างเต็มที่
“คุณแม่พักผ่อนก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวหนูไปเตรียมห้องครัวเองค่ะ” เหลียงซิ่วพยุงคุณย่าซูให้นั่งลง และปลีกตัวไปยังห้องครัว
เพิ่งเข้ามาในครัวน้ำตาของเหลียงซิ่วก็ไหลแหมะลงมา หลายปีมานี้แต่ไหนแต่ไรเธอก็ไม่เคยเจอกับเหตุการณ์แบบนี้จริง ๆ
วันนี้โชคดีที่ครูอวี่มา ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็ไม่รู้ว่าต้องสูญเสียอะไรไปบ้าง
ทุกคนในร้านอาหารไม่รู้ว่าในตอนนี้ ผู้อำนวยการเฉียนขี่รถจักรยานผ่านประตูหออีหมิงไปหลังจากเขาเห็นหออีหมิงแขวนป้ายปิดร้านชั่วคราวก็หัวเราะเย้ยหยันออกมา
คนที่ไม่รู้กาลเทศะต้องถูกลงโทษ!
ผู้อำนวยการเฉียนที่โงนเงนจากไปไม่ได้รู้เลยว่ามีสิ่งใดกำลังรอตัวเองอยู่
ในเวลานี้เองที่คนอื่นในตระกูลซูได้รับข่าวก็ล้วนเร่งรุดมา หลังจากได้ยินต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวทุกคนก็ล้วนโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก
ซูเหล่าซานได้ยินว่าคุณปู่ซูไปโรงพยาบาลแล้วก็อยากไปดูทั้งเด็กและคนชรา จึงตรงไปหาคุณปู่ซูที่โรงพยาบาลทันที
พวกพี่น้องคาดไม่ถึงว่าบ้านเมืองมีขื่อมีแป แต่กลับมีคนกระทำการกำเริบเสิบสานขนาดนี้
“หลังจากนี้พวกเราจะออกไปด้วยกันไม่ได้แล้วโดยเฉพาะช่วงนี้” ซูโส่วเวินพูด
ไม่กี่วันมานี้เพราะเรื่องงานแต่งงานของเขา พวกพี่น้องในครอบครัวจึงล้วนมาช่วยปรับปรุงเรือน จนไม่ได้เหลือใครไว้ที่ร้านสักคน
“แต่พวกเราก็ไม่อาจอยู่ที่ร้านอาหารตลอดได้ ช่วงปิดเทอมก็ยังได้อยู่แต่พอเปิดเทอมจะทำยังไงดี?” ซูซานกงถาม
แต่กลับไร้เสียงตอบรับจากทุกคน…