บทที่ 729 ช่วยฮ่องเต้

“เป็นจ้าวชูต่างหากที่สมคบคิดก่อกบฏ เขาเป็นคนวางยาและจับฝ่าบาทเป็นตัวประกัน” พระสนมเหลียงที่อยู่ข้างเว่ยฉิงพูดขึ้น จ้าวชูหันไปมองพระสนมเหลียงอย่างรู้เท่าทัน

“พวกเจ้าฟังข้า จ้าวต้วนสมคบคิดก่อกบฏเพราะคำยุยงจากองค์ชายหก องค์ชายหกบุกมาจากด้านนอก ซ้ำจ้าวต้วนยังจับฝ่าบาทเป็นตัวประกัน บุกโจมตีทั้งในและนอกวังหลวงช่างอุกอาจจริงๆ”

“เจ้ากลับผิดเป็นถูก ไร้ยางอาย!” พระสนมเหลียงชี้นิ้วไปหาจ้าวชูอย่างโกรธแค้น เขาเมินนาง หันไปพูดกับกองกำลังรักษาพระองค์

“พวกเจ้าฟังข้า จับกลุ่มกบฏพวกนี้เสีย!”ดาบของทหารทุกคนชี้ไปทางเว่ยฉิงและจ้าวต้วน พวกเขาได้ตัดสินใจเลือกที่จะเข้าข้างจ้าวชูแล้ว

ผู้ที่อยู่บนหลังม้ามองฉากตรงหน้าอย่างลิงโลด จ้าวจิ่งซวนบุกเข้ามาในวังง่ายเกินไปทำให้จ้าวชูรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาคาดเดาว่าต้องมีปัญหาเกิดขึ้นกับจ้าวต้วน เขาจึงส่งคนไปปะทะจ้าวจิ่งซวนไว้

จ้าวชูนำกองกำลังของตนบุกเข้ามาจึงได้รู้ว่าจ้าวต้วนทรยศ แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้

แม้ว่าจ้าวต้วนและจ้าวจิ่งซวนจะร่วมมือกัน แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้มาก ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาทั้งหมดแล้ว!

จ้าวต้วนเหงื่อผุดซึมไหลออกมา

กลายเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร พวกเขาจะจบลงเช่นนี้หรือ?

เว่ยฉิงเม้มริมฝีปากแน่น ตอนนี้เหลือเพียงทางเดียวเท่านั้น…

เขาค่อยๆ เลื่อนมือไปหยิกที่ต้นขาของฮ่องเต้โจวที่อยู่บนหลังของตน ยาที่ฮ่องเต้โจวได้รับต้องเป็นยาแบบเดียวกับที่คุณชายน้อยจ้าวได้รับอย่างแน่นอน

เว่ยฉิงนำยามาป้อนให้กับฮ่องเต้โจวตั้งแต่ที่เขาได้เข้าไปชิงตัวฮ่องออกมา อาการเจ็บปวดทรมานของฝ่าบาทจึงค่อยๆ นิ่งสงบก่อนที่เขาจะเคลิ้มหลับไป

เว่ยฉิงหวังว่าฝ่าบาทจะแค่หลับไปเท่านั้น เขาควรจะตื่นหากมีใครปลุกเขา

โชคของภรรยาอาจจะเผื่อแผ่มาให้ตัวเขาบ้างในเวลานี้…

เขาสวดภาวนาในใจอยู่เงียบๆ เว่ยฉิงหยิกต้นขาของฮ่องเต้โจวให้แรงขึ้น จนในที่สุด เขาได้ยินเสียงอู้อี้ดังมาจากด้านหลังของตน

เมื่อกองทัพจะบุกเข้ามาโจมตีเขา พลันเสียงที่ดูอ่อนระโหยก็ดังขึ้น

“หยุด”

“เป็นจ้าวชูที่จับข้า..เป็นเขาที่คิดกบฏ”

“พวกเจ้าฟังข้า สังหารกบฏจ้าวชูเสีย!”

ประโยคสุดท้ายสุรเสียงของฮ่องเต้ดังขึ้นจนองครักษ์หลวงทุกคนได้ยินกันทั่ว

ท่าทีของจ้าวชูเปลี่ยนไป เขาไม่คาดคิดว่าฮ่องเต้โจวจะได้สติขึ้นมาในตอนนี้ ดาบของทหารหันไปหาจ้าวชูทันที เขาได้แต่ฮึดกัดฟันสู้เท่านั้น ตอนนี้เขาต้องฆ่าทุกคน แม้กระทั่ง, สังหารฮ่องเต้

“ฆ่า!!”

ทั้งสองฝั่งปะทะกันอีกครั้ง

ที่ประตูเป่าฉิง

ร่างกายจ้าวจิ่งซวนเต็มไปด้วยเลือด เขาหยุดมือไม่ได้ จ้าวจิ่งซวนต้องไปช่วยเสด็จพ่อและเสด็จแม่ของตน อีกทั้งยังต้องล้างแค้นให้ท่านลุงรอง

ที่ด้านนอกวังหลวง

กลุ่มขุนนางมารวมตัวกันโดยมีต้วนโส่วฝู่ที่อิดโรยเป็นผู้นำ ครั้งสุดท้ายที่เขาเข้ามาในวังหลวง เมื่อเขาได้สติขึ้นมา เขาจะหวนคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเสมอ ปฏิกิริยาของฮ่องเต้ในวันนั้นช่างรบกวนจิตใจของเขา ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกถึงความผิดปกติ

เขาได้รับสารจากอู่อวี้ มีเนื้อหาที่ว่า จ้าวชูขังฮ่องเต้โจวไว้ในพระตำหนัก อีกทั้งยังบอกว่าเขาจะเข้าไปช่วยฮ่องเต้โจวในวังหลวง อู่อวี้ต้องการให้เขารวบรวมขุนนางทั้งหมดมาที่นี่

ต้วนโส่วฝูมีความสงสัยเป็นทุนเดิม ทั้งเขายังเชื่อใจอู่อวี้เขาจึงได้ตอบตกลงไป

ตอนนี้ต้วนโส่วฝู่เดินไม่ได้แล้ว จึงให้บ่าวหามตัวเองมา ต้วนโส่วฝูอ่อนแรง แม้แต่จะหายใจยังลำบาก เขาอาจจะหมดสติไปได้ทุกเมื่อ ตอนนี้สิ่งที่ยื้อเขาไว้คือแรงใจเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

ข้าราชบริพารคนอื่นต่างพากันสงสัย

“พวกเราพากันยืนอยู่ที่นี่เกือบทั้งวันแล้ว ท่านต้วนโส่วฝู่เรียกพวกเรามาที่นี่ด้วยเหตุใด?”

“ข้าไม่รู้ แต่ข้าจะตายเพราะแดดที่แผดเผาแล้ว”

“ใกล้จะเที่ยงวันแล้ว เมื่อไรพวกเราจะได้กลับกัน?”

“หากต้วนโส่วฝู่เป็นคนเรียกมา ข้าว่าจะต้องมีเรื่องที่สำคัญแน่ อดใจรอหน่อยเถิด” พวกเขากระซิบคุยกัน

เมื่อพระอาทิตย์ลอยขึ้นกลางท้องฟ้า ในที่สุดประตูวังก็เปิดออก ผู้คนเดินออกมามีพร้อมกับเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือด ข้าราชบริพารที่รออยู่ด้านนอกเริ่มตื่นตระหนก

เหตุใดจึงมีเลือดเปื้อนเสื้อผ้าพวกเขา?

เกิดอะไรขึ้น?

“ฝ่าบาท…นั่นฝ่าบาท!” มีบางคนตะโกนมา

พวกเขาเห็นคนสองคนประคองฮ่องเต้โจวออกมา ขุนนางทั้งหมดยกเว้นต้วนโส่วฝู่เคยได้เข้าเฝ้าฮ่องเต้โจวครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ฝ่าบาทออกว่าราชการ ในตอนนั้นฮ่องเต้โจวที่ประทับอยู่บนบัลลังก์มังกรเต็มไปด้วยอำนาจและสง่างาม ตอนนี้ฝ่าบาทดูแก่ชรา พระเกศาขาวโพลน พระวรกายซูบผอม เป็นการเปลี่ยนแปลงที่พวกเขาคาดไม่ถึง

ข้าราชบริพารพากันรีบคุกเข่าลง

ฮ่องเต้โจวประทับนั่ง พระองค์ตรัสถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น

“จ้าวชูเป็นกบฏ เขาวางยาข้า ขังข้าไว้ในตำหนัก ปลอมแปลงราชโองการแต่งตั้งองค์รัชทายาท…เขาทรยศและบิดเบือนคำพูดของข้า!” ฮ่องเต้โจวตรัสออกมาด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่พระองค์มี

ในเวลาเดียวกัน พระองค์ทรงลอบถอนหายพระทัย ตอนที่พระองค์ถูกกักขังคุมตัวอยู่นั้น ความรู้สึกเหมือนผีก็ไม่ใช่คนก็ไม่เชิง จ้าวชูช่างกล้าดี! ศักดิ์ศรีของพระองค์ถูกเหยียบย่ำจนป่นปี้ ฮ่องเต้โจวเต็มไปด้วยโทสะ ทรงอยากจะบดขยี้ไอ้ลูกทรยศอกตัญญูผู้นี้ให้เป็นผุยผง ตอนนั้นทรงถูกวางยาและถูกคุมขังทำให้ไม่สามารถทำอะไรได้

แต่ตอนนี้พระองค์หลุดพ้นออกมาแล้ว แผนการก่อกบฏของจ้าวชูถูกเปิดโปง ไอ้ทรยศผู้นี้จะไม่มีวันทำสำเร็จ!

ต้องขอบคุณ…

“เจ้าคือ…อู่อวี้?” พระสุรเสียงอ่อนแรง

“กระหม่อมเอง” เว่ยฉิงทูลตอบ

“ดี..ดียิ่ง” ฮ่องเต้โจวตรัสด้วยน้ำเสียงพอพระทัย อู่อวี้เป็นขุนนางที่ดีที่เขาไว้วางใจได้ ชายคนนี้ยินดีสละชีวิตเพื่อความภักดีต่อเขา

ดีมาก..

ฮ่องเต้โจวทรงใช้พละกำลังไปมาก ในที่สุดพระองค์จึงหมดพระสติไป

ประตูเป่าฉิง

เหลือเพียงไม่กี่ร่างที่ยังคงยืนอยู่เหนือกองซากศพที่นอนระเกะระกะอยู่บนพื้น จ้าวจิ่งซวนเป็นหนึ่งในนั้น เขาถือดาบที่เปื้อนเลือดไว้ในมือหยาดเลือดหยดลงมาที่ปลายดาบ ดวงตาของเด็กหนุ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง นี่เป็นครั้งแรกที่จ้าวจิ่งซวนได้สังหารคน

เขาเป็นองค์ชายเสเพลในเมืองหลวง ทั้งเกียจคร้านและถูกเลี้ยงดูมาราวกับไข่ในหิน ต่อมาเขาได้ไปปราบโจร เขาถึงได้เห็นความตาย พวกโจรไม่มีมนุษยธรรม พวกเขาฆ่าคนอย่างโหดเหี้ยม

หลังจากออกจากเผ่าอู๋ซานมาแล้ว เขารู้สึกว่าตัวเองมีจิตใจที่เข้มแข็งมากขึ้น

โชคดีที่เขาตั้งสติได้ก่อนจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้น เมื่อถึงคราวคับขันจ้าวจิ่งซวนยังมีความสามารถที่จะหยิบดาบขึ้นมาต่อสู้ได้

“องค์ชายหก มีคนมาสมทบแล้วพะย่ะค่ะ” มีคนวิ่งเข้ามารายงาน หลังจากที่ได้ฟัง เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก ร่างกายของเขาจะโอนเอนล้มลงไปกับพื้น

“องค์ชาย!

…..

ในห้องโถงที่มืดมิด

ถังหลี่ สวี่เจวี๋ยและเว่ยจื่ออั๋งซ่อนอยู่ในตู้ใบใหญ่ ไม่นานนักพวกเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเร่งรีบ

“องค์ชายสามรับสั่งให้พาเด็กสองคนออกไป”

“พวกเขาอยู่ไหน หายไปไหนแล้ว?”

“รีบตามหา เร็วเข้า! ”

เสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จากนั้นก็หยุดอยู่ไม่ไกลจากพวกเขา

“คงปีนหนีไปทางหน้าต่าง”

“จะตามไปหรือไม่?” เสียงด้านนอกหยุดชะงัก

“ไม่ต้องไล่ตาม ออกไปได้แล้ว”

เมื่อเสียงฝีเท้าจางหายไปทั้งสามค่อยๆ ออกมาจากตู้ทีละคนพวกเขาเดินมายังประตูโถงอย่างเงียบเชียบ พบว่าไม่มีใครอยู่ที่ด้านนอกเลย

“พวกเขาหนีไปแล้ว” เว่ยจื่ออั๋งหันมาบอก

“ท่านแม่ ท่านพ่อทำสำเร็จใช่หรือไม่?”

ถังหลี่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทหารของจ้าวชูล่าถอยไปเช่นนี้ ฮ่องเต้คงจะได้รับความช่วยเหลือจากสามีของนางแล้ว นางคิดถึงสามีมาก ทันใดนั้นมีชายร่างสูงเดินเข้ามาหาถังหลี่

ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผล แต่ฝีเท้าเขาก้าวอย่างรวดเร็ว ชายคนนั้นมาหยุดที่หน้าของถังหลี่ ปลายจมูกของนางแสบร้อน นางโถมตัวเข้าไปในอ้อมกอดของเขา