บทที่ 730 ครอบครัวพร้อมหน้าอีกครั้ง

ในช่วงเวลาที่วิกฤติเช่นนี้พวกเขาได้เป็นที่พึ่งให้กันและกัน

ทันทีที่ได้สวมกอดกันแน่น ความหวาดกลัวและความกังวลเหล่านั้นได้มลายหายไปสิ้น แต่กลิ่นคาวเลือดทำให้ถังหลี่ผละออกจากอ้อมแขนของเว่ยฉิง น้ำเสียงของนางกังวล

“สามี เจ้าได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่? บาดเจ็บสาหัสหรือไม่?” เว่ยฉิงกอดนางไม่ยอมปล่อย

“บาดเจ็บที่หลังกับแขนแต่เล็กน้อยเท่านั้น ข้าทำแผลแล้ว” เว่ยฉิงว่า

แม้สามีของนางจะพูดแบบนี้แต่ถังหลี่ยังไม่วายเป็นห่วง ระยะหลังนี้สามีของนางได้รับบาดเจ็บมาตลอดร่างกายของเขามีแต่บาดแผลเต็มตัว

“ฮูหยินเรากลับบ้านกันเถิด” เว่ยฉิงพูดเสียงเบา

“อืม.. กลับบ้านกัน” ถังหลี่พยักหน้า ทั้งสองจับมือกันเดินไปยังประตูพระราชวัง สวี่เจวี๋ยและเว่ยจื่ออั๋งเดินตามหลัง เมื่อพวกเขามองดูมือของบิดามารดาที่จับจูงกัน ทั้งคู่จึงหันมาสบตาคลี่ยิ้มส่งให้กัน

ท่านพ่อกับท่านแม่ปลอดภัยดี

ในที่สุดครอบครัวก็ได้กลับมาพร้อมหน้ากันอีกครั้ง

ระหว่างทางที่กลับไปยังจวนอู่โหว ถังหลี่ได้ฟังเรื่องทุกอย่างจากปากของเว่ยฉิง ตอนที่เว่ยฉิงพาฮ่องเต้ออกมาแต่โดนจ้าวชูขวางไว้แล้วกล่าวหาว่าเขาเป็นกบฏ โชคดีที่ฮ่องเต้โจวฟื้นคืนสติขึ้นมาได้อย่างทันท่วงที ฝ่าบาทกระชากหน้ากากที่แท้จริงของจ้าวชู จากนั้นก็เป็นเรื่องของกองกำลังส่วนตัวของจ้าวชูต่อสู้กับทหารองครักษ์

ในตอนแรกเว่ยฉิงประเมินว่าจ้าวชูมีทหารที่ซ่องสุมไว้ประมาณสองหมื่นนาย แต่ด้วยความที่อยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงต้องใช้เวลาในการเดินทางด้วยม้าไม่ต่ำกว่าสามหรือสี่วัน แต่ทหารม้าในกองกำลังของจ้าวชูมีน้อย ทหารที่มาจึงเป็นเพียงส่วนหนึ่งของสองหมื่นนายเท่านั้น เมื่อพวกของเว่ยฉิงบุกเข้ามาในวังหลวงได้ สุดท้ายแล้วชัยชนะจึงเป็นของกองกำลังรักษาพระองค์ เมื่อเห็นว่าตนเองตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ จ้าวชูจึงพาคนของตัวเองหลบหนีไป

ช่วงที่จ้าวชูควบคุมวังหลวงเอาไว้ได้ เขารู้สึกว่าตัวเองอยู่ห่างจากบัลลังก์เพียงหนึ่งก้าวเท่านั้น แต่ทันใดนั้นเขากลับกลายเป็นกบฏ ชีวิตย่อมมีขึ้นมีลงเช่นนี้ ถังหลี่หวังว่าจ้าวชูจะล้มแล้วไม่มีวันลุกขึ้นได้อีกเลย

“ตอนจ้าวชูหนีเขาตั้งใจจะพาจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยไปด้วย” ถังหลี่กลัวเมื่อคิดถึงเสียงฝีเท้าพวกนั้น

โชคดีที่พวกเขาซ่อนตัวก่อนล่วงหน้า ไม่เช่นนั้นแล้วหากทั้งสองคงตกอยู่ในมือของจ้าวชู ผลที่ตามมาย่อมเป็นหายนะไม่ใช่โชคดี

“พี่สามของเจ้ามาช่วยด้วยเหมือนกัน” เว่ยฉิงพูดต่อ ถังหลี่ไม่ได้แปลกใจ แม้ว่าพี่สามของนางจะเป็นสามีที่อ่อนโยน แต่เขาก็เคยอยู่ในกองกำลังรักษาพระองค์ ไม่น่าแปลกใจที่เขาบุกเข้ามาช่วยเหลือเช่นกัน

“พี่สามไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”

“ไม่เป็นอะไร”

“สามี ท่านคิดว่าจ้าวชูจะหนีไปหรือจะรวบรวมกองกำลังของตัวเองขึ้นมาต่อสู้อีกครั้ง” ถังหลี่ถาม หากเป็นอย่างหลังวิกฤตในเมืองหลวงคงไม่มีวันคลี่คลาย

“มีกฎหมายของต้าโจวว่าห้ามซ่องสุมกำลังส่วนตัว ก่อนหน้าที่ฮ่องเต้จะฟื้นคืนสตินั้น จ้าวชูได้เปรียบมาก แต่ตอนนี้เขาเป็นเพียงกบฏ แม่ทัพกู้และแม่ทัพเหลียงประจำการณ์ที่ชายแดน คงอีกนานกว่าจะกลับมา แต่ว่าแม่ทัพโจกำลังมาถึงเมืองหลวงในไม่ช้า แม้ว่ากองกำลังส่วนตัวของจ้าวชูจะยังมีอยู่ แต่พวกเขาไม่อาจสร้างปัญหาได้แน่นอน” เว่ยฉิงสรุป

เมื่อได้ยินว่าจ้าวชูไม่สามารถสร้างปัญหาได้แล้ว ถังหลี่ก็โล่งอก

ในขณะที่เดินไปยังประตูวังหลวงนางเห็นศพนอนกลาดเกลื่อนอยู่ทุกหนแห่ง กองกำลังรักษาพระองค์ยังคงทำความสะอาด พากันเก็บศพคนเหล่านั้น เห็นแล้วก็ให้สะเทือนใจ ครั้งนี้จ้าวชูสังเวยผู้คนไปมากเพราะความทะเยอทะยานของตน ถังหลี่ไม่อยากให้ใครต้องมาจบชีวิตลงเช่นนี้อีก

“สามี! จับเขาให้ได้อย่าให้คนผู้นั้นได้มีโอกาสลุกขึ้นมาอีก” ถังหลี่ว่า

“ใช่ เราต้องจับเขาให้ได้”

“ใครเป็นคนตามล่าเขาหรือ?”

“จ้าวต้วน” เว่ยฉิงกล่าว

ในยามนี้ทั้งวังหลวงและเมืองหลวงมีความสับสนอลหม่าน เว่ยฉิงจำเป็นต้องอยู่ที่เมืองหลวง หน้าที่นี้จึงตกเป็นของจ้าวต้วน เขาอาจจะได้รับโทษสถานเบาอย่างเช่นจำคุก หากกลับตัวเป็นคนดี

ทั้งสี่คนเดินมาถึงประตูวังแล้ว พวกเขาขึ้นรถม้ากลับไปยังจวนสกุลอู่ ระหว่างทางถังหลี่เห็นคราบเลือดมากมายทั้งของกองกำลังรักษาพระองค์หรือแม้แต่ชาวบ้านทั่วไป ถังหลี่มองแล้วขมวดคิ้ว เว่ยฉิงดึงม่านหน้าต่างรถม้าลงกอดนางไว้ในอ้อมแขน

“อย่ามอง” เขาพูดเบาๆ

“อืม… ”

การเปลี่ยนแแปลงอย่างใหญ่หลวงเช่นนี้ นางคงไม่อาจทำอะไรได้มากนอกจากพยายามปกป้องคนที่นางรักเอาไว้ให้ดีที่สุด

พวกเขาไปถึงจวนอู่โหวด้วยรถม้า ที่หน้าประตูจวนมีบ่าวรับใช้หลายคนกำลังทำความสะอาดคราบเลือด ท่าทีของเว่ยฉิงและถังหลีเปลี่ยนไปทันที

“เกิดอะไรขึ้น?”

“ฮูหยิน พวกกบฏเหล่านั้นพยายามบุกเข้ามาในจวนโหวเพื่อขโมยของ แต่องครักษ์ได้ต่อสู้กับพวกเขาขอรับ” บ่าวรับใช้รายงาน

“ผู้คนในจวนเป็นอย่างไรบ้าง?” ถังหลี่รีบถาม

“พวกเขาต่อสู้เต็มกำลังจนกลุ่มกบฏล่าถอยไป องครักษ์บาดเจ็บไม่กี่นาย ส่วนคนในจวนสบายดีขอรับ”

เว่ยฉิงและถังหลี่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก หญิงสาวคิดว่าการที่พวกเขาตั้งใจจะบุกมาที่จวนอู่โหวนั้นไม่ได้ทำเพื่อปล้นชิง แต่เป็นการจับตัวใครไปสองสามคนเพื่อแก้แค้นมากกว่า โชคดีที่ไม่มีใครเป็นอะไร

ทันทีที่นางเข้าไปในประตูจวนก็เห็นว่าร่างหนึ่งกำลังยืนอยู่ คอยสั่งให้บ่าวรับใช้ทำความสะอาด เขาคือเว่ยจื่ออี้นั่นเอง ใบหน้าของเขาซีดเซียว

ก่อนหน้านี้ไม่นานพวกกบฏพยายามอย่างยิ่งที่จะบุกเข้ามา เขามององครักษ์กับกบฏต่อสู้กัน มือที่เคยถือตำราและพู่กันเสมอขอเว่ยงจื่ออี้เปลี่ยนมาจับดาบ โชคดีที่มีประตูขวางกั้นไว้

หลังจากที่กลุ่มกบฏจากไปแต่เขายังหวาดกลัวว่าคนพวกนั้นจะกลับมาอีก

“จื่ออี้” ถังหลี่เรียก

เมื่อได้ยินเสียง เว่ยจื่ออี้ก็รีบเงยหน้าขึ้น เขามองชายหญิงสองคนตรงหน้า มนต์พรางตาได้ถูกปลดออกแล้วทำให้เห็นเว่ยฉิงและถังหลี่ ทันทีที่เด็กหนุ่มเห็นทั้งสองคน หัวใจของเขาก็ลิงโลดขึ้น

“ท่านพ่อท่านแม่!” เขาร้องเรียกอย่างมีความสุข

ถังหลี่และเว่ยฉิงลูบหัวเว่ยจื่ออี้เพื่อปลอบใจเขา ทั้งสองกลับไปยังเรือนนอนของตัวเอง สิ่งแรกที่ถังหลี่ทำคือการสำรวจบาดแผลของเว่ยฉิง

“ฮูหยิน ข้าจัดการเองได้ เจ้าไปหามู่เป่าและถังเป่าเถิด” ถังหลี่ยืนรีรออยู่ที่ประตู ใบหน้าของนางดื้อรั้น แม้ว่านางจะคิดถึงลูกแฝดทั้งสองแต่ใจยังอดเป็นห่วงสามีไม่ได้

เว่ยฉิงไม่มีทางเลือกนอกจากถอดเสื้อผ้าออก เขาบอกว่าตัวเองบาดเจ็บแค่ที่หลังและแขนแต่เมื่อถอดเสื้อแล้วกลับพบว่าเขามีอาการบาดเจ็บทั้งตัว บาดแผลขนาดใหญ่มีผ้าพันแผลพันเอาไว้ เลือดที่ซึมออกมาดูสาหัสกว่าที่เว่ยฉิงพูด ถังหลี่ลูบไล้ด้วยความอ่อนโยน

“ฮูหยิน ถึงจะดูร้ายแรงสักหน่อยแต่ข้าไม่ได้เจ็บมากขนาดนั้น ”

“ข้าไม่ได้โง่นะ เป็นไปได้อย่างไรจะที่จะไม่เจ็บ?” ถังหลี่หดหู่

“ไม่เจ็บจริงๆ ไม่เชื่อเจ้าลองชกข้าก็ได้” เว่ยฉิงว่า แต่เมื่อเห็นว่าดวงตาของภรรยาแดงก่ำเขาก็ตื่นตระหนกขึ้นมา

“ฮูหยิน เจ้าอย่าร้องไห้เลย” เว่ยฉิงเช็ดน้ำตาให้นาง

“อย่าขยับนะ” ถังหลี่ดุเขา เว่ยฉิงไม่กล้าขยับตัว นางเม้มริมฝีปาก ถังหลี่ใส่ยาที่แผลให้เขาจากนั้นจึงได้เปลี่ยนผ้าพันแผลให้ใหม่ นางทายาที่บาดแผลขนาดเล็กให้เขา

“ยาตัวนี้ดีมาก หลังจากทาจะไม่เจ็บเลย” เว่ยฉิงเห็นดวงตาที่แดงก่ำของถังหลี่ เขาแทบอยากจะออกไปวิ่งเพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าเขาไม่เจ็บเลย

“ไม่เจ็บก็ดี ท่านพักผ่อนสักหน่อย อย่าดื้อ” ถังหลี่บังคับให้เขานั่งลง

“ฮูหยินข้าไม่เป็นอะไรจริงๆ เจ้าไปหามู่เป่าและถังเป่าเถิด”

หญิงสาวจูบที่ใบหน้าของสามี จากนั้นจึงหันหลังเดินไปที่ห้องของเด็กน้อยทั้งสองคน

หลังจากที่ถังหลี่จากไป องครักษ์หลวงได้มาหาเว่ยฉิง ตอนนี้ฮ่องเต้โจวมอบหมายให้อู่อวี้คุมกองกำลังรักษาพระองค์ อู่อวี้จึงกลายเป็นผู้บัญชาการของทหารองครักษ์ พวกเขารายงานสถานการณ์ให้เว่ยฉิงทราบ

“ใต้เท้าอู่ขอรับ ตอนที่กลุ่มกบฏหนีไปพวกเขาขโมยทรัพย์สินไปเป็นจำนวนมาก และสังหารเจ้าหน้าที่ทางการไปหลายราย นี่คือรายชื่อเหยื่อขอรับ”

พวกเขายื่นรายชื่อให้แก่เว่ยฉิง เขามองดูรายชื่อมีผู้เสียชีวิตถึงสิบกว่าคน หลายคนเป็นเพื่อนร่วมงานของเขาเอง นับเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่

“จ้าวชูได้พาใครหนีไปกับเขาหรือไม่?” เว่ยฉิงถาม

“นางสนมของเขาถูกพาตัวไปรวมถึงหมอเทวดาก็ถูกจับ เขาไม่ได้พาใครหนีไปกับเขาเลย”

“แล้วพระชายาจินเซ่อล่ะ?ยังอยู่หรือไม่?” เว่ยฉิงถาม องครักษ์หลวงคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรายงาน

“ต้องไปสืบดูอีกครั้งขอรับ”

“ถ้านางยังอยู่จับนางขังไว้ แต่ถ้าไม่อยู่ก็ตามล่าหานางเสีย” เว่ยฉิงกล่าว

ผู้หญิงคนนี้คือคนที่ลิขิตสวรรค์เลือก นางทำร้ายภรรยาของเว่ยฉิงหลายครั้งจนเขาไม่อยากปล่อยนางไป

“ขอรับใต้เท้า” พวกเขารับคำสั่งแล้วล่าถอยไป ไม่นานหลังจากที่พวกเขาจากไปองครักษ์เงาก็ปรากฏตัวขึ้น แล้วรายงานบางอย่างที่องครักษ์หลวงไม่ได้รายงาน

“ใต้เท้าขอรับ ฮ่องเต้โจวเรียกตัวหมอเทวดากลับมา”

หลังจากที่องครักษ์เงาจากไปเว่ยฉิงนั่งอยู่ตรงนั้นสีหน้าเขากระด้าง

ฮ่องเต้โจวรู้ว่าชายคนนี้คือคนที่วางยาพิษตัวเองแต่ก็ยังเรียกเขากลับมาเพราะเสพติด ในเมื่อเขารนหาที่ตายก็ให้เขาได้ทำตามใจเถิดเพราะอย่างไรเว่ยฉิงดีใจที่จะได้เห็นผลลัพธ์ของมัน

สกุลเซียวกำลังจะได้เห็นแสงสว่างในไม่ช้าแล้ว