บทที่ 679 เจ้าต้องเหนื่อยมากหน่อย
บทที่ 679 เจ้าต้องเหนื่อยมากหน่อย
หลังจากวันนั้น เจี่ยงเถิงก็หายไปเลยสามวัน
สามวันที่หลินซือไม่ได้เจอกับเจี่ยงเถิง เหมือนห่างกันไปแล้วสามฤดูกาล
ยามเขาเดินทางไปนอกเมือง ทุกครั้งที่ถึงศาลาพักม้าจะเขียนจดหมายฉบับหนึ่งมาให้หลินซือเสมอ ความหวังในทุกวันของหลินซือคือการได้รับจดหมายที่เกี่ยวกับเขา
ไป ๆ มา ๆ ก็กลายเป็นความลับที่รู้กันแค่สองคน หลินซือปักผ้าไปพร้อมกับความหวังที่มีอยู่ไม่น้อย
ครั้นหลินจื้อกลับถึงจวนแล้วเห็นฝีมือการเย็บปักของหลินซือ หัวคิ้วพลันเลิกขึ้น ก่อนจะแอบทอดถอนใจอย่างอดไม่ได้ให้กับพลังแห่งรักที่ทำให้หลินซือเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้
กระทั่งเห็นหลินจื้อกลับจวน หลินซือจึงปรายตาขึ้นมองเขา
“ท่านพี่ พี่อาเถิงหายไปสามวันแล้ว เหตุใดถึงยังไม่กลับมาอีก?”
“เจ้าพูดอะไรของเจ้า ขาไปต้องใช้เวลาสามถึงสี่วัน ไปกลับรวมกันไม่เกินสิบวันเอง อีกอย่างทางนั้นยังมีเรื่องต้องจัดการ ไม่รู้ว่าจะราบรื่นหรือไม่”
หลินซือวางมือจากงานปัก ก่อนจะยกมือขึ้นมาเท้าคางพลางครุ่นคิดบางอย่าง
“เจ้าคิดสิ่งใด?”
“ข้ากำลังคิดว่า ถ้าต่อไปเขาเลื่อนขั้นเป็นขุนนางที่สูงกว่านี้ ข้าไม่ต้องรอเขาอยู่ในจวนอย่างใจจดใจจ่อทุกวันเลยหรือ”
“การงานของบุรุษ เจ้าต้องสนับสนุน นี่เป็นเรื่องที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้”
แม้หลินซือจะรู้ว่านี่เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ในใจก็ยังไม่อยากแยกจากเจี่ยงเถิงนานเกินไปนัก
ตอนนี้ทุกคนต่างยุ่งกันหมด มารดาและบิดาล้วนออกไปท่องเที่ยว หลินจื้อก็วุ่นกับเรื่องของสำนักบัณฑิตฮั่นหลินได้ทุกวัน
มีแค่หลินซือที่ว่างอยู่ในช่วงนี้เพียงลำพัง นางมักจะรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
นางปรายตามองหลินจื้อ “ช่วงนี้ท่านพี่กลับจวนน้อยลงหน่อยได้หรือไม่ ท่านเองก็มีเรื่องต้องทำ เหตุใดต้องกลับมากินข้าวในจวนข้าสามมื้อทุกวันด้วย?”
“เจ้าคงไม่รู้อะไรเสียแล้ว? พี่สะใภ้ของเจ้าและเจี่ยงเถิงกลัวว่าเจ้าจะเบื่อ เลยให้ข้ามาอยู่กับเจ้า”
หลินซือโบกมือไปมา ไม่กล้าให้เขาอยู่กับตนอีก
“ยิ่งท่านมาอยู่กับข้าเช่นนี้ มันทำให้ข้ารู้สึกท่านทิ้งงาน ไม่ก็กิจการของพี่สะใภ้และข้าไม่ดี”
“เจ้า! กิจการของพวกเจ้ากำลังรุ่งเรืองต่างหาก คนที่เหนื่อยก็คือพี่สะใภ้ของเจ้า ถ้าเจ้าว่างก็ไปช่วยนางเสียหน่อยเถอะ”
หลินซือและไป๋หรูปิงร่วมมือกันเปิดกิจการด้วยกัน ช่วงนี้หลินซือวุ่น ๆ อยู่กับเรื่องจิปาถะทั่วไปเกี่ยวกับงานหมั้นและงานแต่ง ไม่มีเวลาไปดูแลกิจการของพวกนาง ไป๋หรูปิงจึงต้องทุ่มแรงกายแรงใจมากขึ้น
ตอนนี้ว่างแล้ว หลินซือต้องกลับไปช่วยพี่สะใภ้
นางตบโต๊ะอย่างแรง “แล้วเหตุใดท่านพี่ถึงไม่รีบบอก ถ้าพี่สะใภ้ของข้าเหนื่อยจนเป็นลมขึ้นมาจะทำอย่างไร!”
“เจ้าหยุดปากอย่างใจอย่างได้แล้ว ถ้าจะไปก็รีบไป ใช้งานฮูหยินของข้าจนหมดแรง คอยดูเถอะข้าจะใช้แรงงานสามีของเจ้าบ้าง!”
“ท่านกล้าหรือ!”
หลินซือออกโรงปกป้องว่าที่สามี หันไปเอ่ย ‘ข่มขู่’ หลินจื้อ
“ถ้าท่านพี่กล้าทำเช่นนี้กับเขา ข้ารังแกพี่สะใภ้แน่!”
สองพี่น้องสาดฝีปากกันและกัน ก่อนที่หลินซือจะวิ่งเหยาะ ๆ ออกจากจวนไป
นานมากแล้วที่ไม่ได้เจอกับไป๋หรูปิง นางมีความคิดแบบเด็กสาวที่อยากจะแบ่งปันให้พี่สะใภ้
“พี่สะใภ้!”
ไป๋หรูปิงกำลังคิดคำนวณด้วยลูกคิดอยู่ในร้าน ครั้นได้ยินเสียงของหลินซือ นางก็เงยหน้าจากสมุดบัญชี แล้วส่งยิ้มให้กับหลินซือ
“อาซือของเรามาแล้ว? ดูจากสีหน้าที่แดงระเรื่อสดใดของเจ้าแล้ว ช่วงนี้คงจะชื่นมื่นน่าดู”
หลินซือเกาศีรษะอย่างเขินอาย เห็นได้ชัดว่านางเมินเฉยกิจการที่ทำร่วมกับไป๋หรูปิงเพราะเรื่องจิปาถะเหล่านั้นไปโดยสิ้นเชิง
แต่พี่สะใภ้กลับไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับนางเพราะเรื่องเหล่านี้ นับว่าวิสัยทัศน์ของหลินจื้อยอดเยี่ยมยิ่งนัก
“พี่สะใภ้ ดูพูดเข้า เห็นได้ชัดว่าช่วงนี้ข้าเมินเฉยต่อกิจการที่เปิดร่วมกับท่าน ท่านยังนึกถึงเรื่องของข้าอีก”
“อาซือของเรามีความสุข ข้าในฐานะพี่สะใภ้ก็ต้องดีใจเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ไหน ๆ เจ้าก็มาแล้วงั้นมาดูบัญชีนี้ แล้วตรวจสอบตัวเลขเสีย ไว้เจ้าเสร็จเรื่องพวกนี้เจ้าต้องกลับมาทำ”
“แน่นอนอยู่แล้ว!”
หลินซืออตอบรับ ช่วงนี้ไป๋หรูปิงไม่ได้พักผ่อนเลย รอหลินซือเสร็จเรื่องยุ่งก่อน นางไม่ให้พี่สะใภ้เหนื่อยไปตลอดหรอก
มิเช่นนั้นหลินจื้อต้องรีบกลับจากสำนักบัณฑิตฮั่นหลินมาเล่นงานหลินซือแน่นอน!
นางเปิดสมุดบัญชีตามใจชอบ ตอนแรกที่เปิดกิจการร่วมกับไป๋หรูปิง นั่นเพราะชอบในคุณสมบัติและความเอาจริงเอาจังของนาง ตอนนี้หลินซือจึงไม่มีกระจิตกระใจจะตรวจสอบอย่างจริงจังสักเท่าไร
นางแบ่งปันความคิดกับไป๋หรูปิงด้วยสีหน้าที่ดูมีลับลมคมใน “พี่สะใภ้ ข้ามีเรื่องอยากจะถามท่าน”
“เรื่องอะไรหรือ ว่ามาสิ”
ไป๋หรูปิงวางหมึกและกระดาษในมือลง แล้วตั้งใจฟังความคิดเห็นของหลินซือ
“ตอนที่ท่านพี่ของข้าต้องเดินทางไกล ท่านอยู่ได้อย่างไร?”
“เจี่ยงเถิงเดินทางไกลแล้วรึ?”
หลินซือพยักหน้า “เพราะต้องออกว่าราชกิจ นี่ก็สามวันแล้ว ข้ากลับรู้สึกว่ามันนานมาก”
“เจ้าคงเป็นเด็กสาวที่กำลังมีควารักสินะ?”
ยามอยู่ในจวน ไป๋หรูปิงมักได้ยินหลินจื้อเอ่ยถึงการเปลี่ยนไปของน้องสาวอยู่บ่อยครั้ง
หลินซือเอาแต่เย็บปักอยู่ในจวนทุกวัน ทั้งยังเหม่อมองไปยังที่ห่างไกลพลางไถ่ถามเป็นระยะว่าเจี่ยงเถิงจะกลับมาเมื่อไร
นี่คืออาการของคนเป็นภรรยา ไป๋หรูปิงจึงตระหนักได้ว่าน้องสาวตัวน้อยของตัวเองโตเป็นสาวแล้ว เลยให้อภัยนางได้
“พี่สะใภ้ ทุกครั้งที่ท่านพี่ต้องเดินทางไกลท่านจัดการกับชีวิตที่แสนเบื่อหน่ายเหล่านี้ได้อย่างไร?”
“แน่นอนว่าต้องหาอะไรทำเพื่อรอเขากลับมาอย่างเงียบ ๆ นี่ของเจ้าเพิ่งจะสามวันเอง มีครั้งหนึ่งหลินจื้อถูกส่งตัวไปฮว๋ายจงเป็นเวลาสองเดือนเศษ ข้าก็ใช่ว่าจะอยู่คนเดียวเสียหน่อย”
หลินซือพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ “พี่สะใภ้ เช่นนั้นข้าจะกลับไปปักผ้าของข้าให้เสร็จ เรื่องกิจการช่วงนี้ต้องเหนื่อยพี่แล้วล่ะ”
“เจ้านะเจ้า ครานี้ช่างยากเย็น รีบกลับเถอะ ที่นี่มีข้าทั้งคน”
“ขอบคุณพี่สะใภ้มากเจ้าค่ะ!”
ครั้นกลับถึงจวน หลินซือก็ตั้งใจปักผ้าอย่างบรรจง แม้แต่เจี่ยงฉีมาเยือนนางก็ไม่ทันสังเกตเห็น
“ดูท่าลูกสะใภ้ของข้าจะเพียบพร้อมแล้ว!”
เจี่ยงฉีมองหลินซือ ทันทีที่เข้ามาในจวนแล้วเห็นหลินซือกำลังตั้งใจปักผ้าที่อยู่ในมืออย่างบรรจง
นางรู้สึกพอใจกับลูกสะใภ้คนนี้มาก
“ท่านป้าเจี่ยง ท่านมาได้อย่างไร ข้าตั้งใจว่าจะไปอยู่กับท่านอีกสองสามวันนี้”
“แม่ดรุณีน้อย จะไปหาข้าไปเมื่อไรก็ได้ ทำไมต้องรอสองสามวัน?”
“ข้าก็ต้องเกรงใจไหมล่ะเจ้าคะ?”
ถึงอย่างไรเจี่ยงฉีก็ต้องกลายเป็นแม่สามีของนาง การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เด็กสาวอย่างหลินซือสู้หน้าเจี่ยงฉีไม่ได้
เจี่ยงฉีเข้าใจความคิดของหลินซืออย่างแจ่มแจ้ง นางเห็นผ้าปักในมือของสาวน้อยก็ยิ่งพอใจ
“เจ้าคอยนึกถึงลูกชายของข้าทุกอย่างจริง ๆ ลูกชายของข้าช่างโชคดียิ่งนัก”
เจี่ยงฉีเห็นหลินซือเติบโตมาตั้งแต่เด็ก จึงรู้ว่าหลินซือเป็นผู้หญิงที่ดี
“ท่านป้าเจี่ยง ท่านอย่าพูดเช่นนี้ พี่อาเถิงก็ดีกับข้าเช่นกัน ในใจก็เฝ้าคะนึงหาแต่ข้า”
“งานของเขาค่อนข้างยุ่ง ต่อไปพวกเจ้าต้องกลายเป็นสามีภรรยากัน เรื่องเล็กน้อยในจวนเจ้าต้องเหนื่อยมากขึ้น”
“ท่านป้าเจี่ยงวางใจเถิด ท่านช่วยข้าดูหน่อยว่างานปักนี้ต้องแก้ไขตรงไหนบ้าง”
เจี่ยงฉีรับผ้าปักจากในมือของหลินซือ กระทั้งเห็นวิธีการปักที่ดูยุ่งเหยิง พลางเก็บคำชื่นชมว่า ‘เพียบพร้อม’ ไว้ในใจอย่างเงียบ ๆ
เด็กคนนี้ยังไม่เข้าใจการปักผ้าแม้แต่น้อย…