บทที่ 680 เรื่องนี้เจ้าวางใจได้

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม

บทที่ 680 เรื่องนี้เจ้าวางใจได้

บทที่ 680 เรื่องนี้เจ้าวางใจได้

“เจ้าไม่เข้าใจในสิ่งที่ข้าพูดหรือไร ข้าบอกว่าข้าจะออกไป! ปล่อยข้าออกไปเดี๋ยวนี้!”

เหยาเอ้อหลางทนการถูกกักขังจากตระกูลไม่ไหว คิดจะถลันออกไปข้างนอกแต่กลับถูกบ่าวรับใช้ไล่กลับมาทุกที

เขาไม่สามารถทนความเบื่อหน่ายในจวนได้ ครั้นคิดจะออกไปก็ถูกพ่อบ้านไล่กลับมา

เหยาเฉาและทุกคนในจวนต่างได้รับคำสั่ง ถ้าเหยาเอ้อหลางหนีออกจากจวนไปได้ บ่าวรับใช้ทุกคนในจวนจะต้องได้รับโทษ

บ่าวรับใช้ทุกคนในจวนจึงต้องจับตามองเหยาเอ้อหลางสิบสองชั่วยามไม่ให้คลาดสายตา เขาเชื่อฟังคำแนะนำจากเหยาต้าหลาง หลังจากอยู่อย่างว่าง่ายมาแล้ว ห้าวันสุดท้ายก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป

ตอนนี้เขาอยากออกไปเตร็ดเตร่ข้างนอก แต่พ่อบ้านยอมตายดีกว่าปล่อยคุณชายออกไป

“คุณชาย คุณชายสำนึกผิดบาปอยู่ในจวนอย่างเชื่อฟังดีกว่า นายท่านบอกว่าเมื่อไรที่คุณชายเข้าใจแล้ว คุณชายจะได้ออกไปขอรับ!”

“ข้าจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้า! ข้าจะออกไปตอนนี้!”

เหยาเอ้อหลางแข็งขืนจะถลันออกไปให้จงได้ พ่อบ้านและคนอื่นจึงร่วมแรงร่วมใจไล่เอ้อหลางกลับห้อง

พวกเขาเหล่านั้นลากตัวเหยาเอ้อหลางกลับห้อง โดยที่เหยาเอ้อหลางยังไม่รู้สาเหตุ

“เหตุใดพวกเจ้าถึงต้องเชื่อฟังตาเฒ่านั่นนัก! พวกเจ้ากำลังกักขังข้าอยู่นะ”

“คุณชาย แค่คุณชายยอมออกไปพบแม่สื่อ นายท่านก็ยกเลิกการกักขังคุณชายแล้ว!”

ความจริงแล้วเป็นเจตนารมณ์ของนายหญิง แต่พวกเขาไม่กล้าเอ่ย ทำได้เพียงโยนความผิดให้เจ้านายที่ใจดี

พวกเขาลงกลอนประตูห้องของเหยาเอ้อหลาง ไม่ว่าเหยาเอ้อหลางจะตบประตูอย่างไรก็ไร้ประโยชน์

เหยาเอ้อหลางระเบิดอารมณ์ออกมาทันที ขืนปล่อยไว้แบบนี้ต่อไปไม่ใช่เรื่องดีแน่ เขาถูกขังอยู่ที่นี่ จะต้องคิดหาทางช่วยตัวเองออกไปให้ได้

ในเมื่อตาเฒ่านั่นกังขังเขาไว้ในจวน บังคับให้เขาแต่งงาน ถ้ายังอยู่ในจวนต่อไปต้องไม่มีผลดีแน่

สมองของเหยาเอ้อหลางประมวลผลทันที เขาเงยหน้ามองเพดานห้อง จู่ ๆ ก็บังเกิดความคิดอันยอดเยี่ยมแวบขึ้นมาในสมอง

ยามราตรีอันมืดมิดวนมาบรรจบอีกครา เหยาเอ้อหลางแอบต่อโต๊ะขึ้นสูง เขาพยายามให้สูงเทียบเท่าเพดานห้อง ออกแรงอย่างสุดกำลังเท่าที่จะทำได้จนในที่สุดก็ปีนขึ้นมาถึงเพดานได้

เขายกเอาอิฐข้างบนออก พยุงตัวเองปีนขึ้นไป จนออกมาจากตัวห้องได้ในที่สุด

เหยาเอ้อหลางกระโดดลงจากคานบ้านอย่างระมัดระวัง โชคดีที่ไม่ได้สร้างความเคลื่อนไหวใหญ่โตนัก

เขาวิ่งเหยาะ ๆ ออกจากจวนไป ซึ่งในตอนนั้นบังเอิญเจอกับหลินซือที่เพิ่งกลับมาจากจวนของไป๋หรูปิงพอดี

“ไอหยา! ใครชนข้า!”

หลิยซือเบิกตามองให้ชัด เลยรู้ว่าเป็นเหยาเอ้อหลางที่ช่วงนี้ถูกขังอยู่ในจวนเพราะไม่ยอมไปเจอแม่สื่อพวกนั้น

ตามหลักแล้วตอนนี้เขาต้องถูกขังอยู่ในจวนสิ ทำไมถึงได้มาเจอในช่วงเวลาแบบนี้?

“ชู่ว! เบาเสียงหน่อย!”

เหยาเอ้อหลางร้อนใจจนเกือบจะอุดปากของหลินซือแล้ว เขารีบขอให้หลินซือปิดปากทันที แล้วลากนางมาด้านข้าง

“อย่าส่งเสียงดังสิ ถ้าคนอื่นรู้ว่าข้าอยู่ที่นี่มีหวังถูกจับตัวกลับไปอีกแน่”

“ท่าน ท่าน ท่านแอบหนีออกมาหรือ?”

หลินซือได้ยินมาว่าเหยาเอ้อหลางถูกเหยาเฉาขังไว้ในจวน คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเรื่องร้ายแรงเพียงนี้ เดิมทีนางคิดว่าตระกูลเหยาแค่พูดเล่น ๆ กันเท่านั้น

“ไม่ใช่หรอก ข้าไม่พูดกับเจ้าแล้ว เอาเป็นว่าวันนี้เจ้าไม่เคยเจอข้า เข้าใจไหม?”

หลินซือเข้าใจ นี่เป็นเรื่องของตระกูลพวกเขา ทำเป็นไม่เห็น ใครก็ลงโทษไม่ได้

“รู้แล้ว พี่รองต้องระวังตัวด้วย อย่าให้ท่านลุงรองเป็นห่วง”

เอ้อหลางหายไปในความมืด หลินซือมองแผ่นหลังของเขาอย่างเหม่อลอย จากนั้นก็ละสายตาและเดินกลับจวนตัวเอง

ในจวนมีการจุดตะเกียงสว่างโร่ เห็นแวบเดียวก็รู้ว่าหลินจื้อกลับมาแล้ว

“ข้าบอกพี่ใหญ่แล้วนะ เหตุใดยามว่างพี่ใหญ่ต้องวิ่งมาที่จวนข้าตลอด พี่ใหญ่ไม่กลัวพี่สะใภ้เสียใจบ้างหรือไร!”

สายตาของหลินจื้อแตกต่างไปจากเดิม ใบหน้าในวันนี้ดูเคร่งเครียดเป็นพิเศษ พวกเขาสองพี่น้องสนิทกันดี

ครั้นเห็นแววตาเช่นนี้ของเขา หลินซือก็รู้ทันทีว่าเขาต้องไปเจอเรื่องที่ไม่ดีบางอย่างมาเป็นแน่

“ท่านพี่เป็นอะไรไปเจ้าคะ? เกิดอะไรขึ้น? หรือท่านพี่ถูกปลดออกจากตำแหน่ง?”

หลินจื้อทอดถอนใจ สายตา ‘เย้ยหยัน’ มาตกอยู่บนตัวของหลินซือ

นางไม่ชอบการหยั่งเชิงเช่นนี้ หลินซือไม่ได้มีความอดทนเพียงนั้น นางเร่งเร้าหลินจื้อ

“ตกลงมันเกิดอะไรขึ้น ท่านพี่รีบพูดเสียที คงไม่ได้ทะเลาะกับพี่สะใภ้มาหรอกนะ?”

“ไม่ใช่”

สายตาของหลินจื้อดูเคร่งขรึมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หลินซืออดกลืนน้ำลายไม่ได้ จึงอดคาดเดาไปถึงเรื่องใหญ่ที่อาจจะเกิดขึ้นได้

“หลินจื้อ ข้าไม่มีความอดทนมาเล่นสงครามประสาทกับท่านนะ เกิดอะไรขึ้นก็พูดออกมาตรง ๆ เสียที!”

“เกี่ยวกับเรื่องของเจี่ยงเถิง”

เสียง ‘วิ้ง’ ดังขึ้นในใจของหลินซือ เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเจี่ยงเถิงอย่างที่คาดไว้ สองสามมาวันนี้นางรู้สึกปวดร้าวเลือนรางในใจ

ตอนแรกนางยังคิดว่าที่เจี่ยงเถิงไม่ได้เขียนจดหมายมาให้นางติดต่อกันหลายวัน อาจจะมีความหมายบางอย่าง

จนถึงตอนนี้ หลังจากผ่านการคาดเดาแล้ว หลินจื้อมองหลินซือด้วยสายตาขอโทษ ตอนที่รู้เรื่องนี้ เขาอยากจะพุ่งตัวไปรับเจี่ยงเถิงกลับจากฮว๋ายจงเดี๋ยวนั้นเลย

แต่มันก็ไร้ประโยชน์

“เจี่ยงเถิงไปจัดการเรื่องโรงเกลือ ระหว่างทางเจอกับกับพวกอันธพาลท้องถิ่น เขาถูกลักพาตัวไป ตอนนี้เป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่รู้”

“เป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่รู้?”

หลินซือคาดเดาผลลัพธ์ไว้มากมาย แต่คาดไม่ถึงว่าคนที่เกิดเรื่องจะเป็นเจี่ยงเถิง!

นางไม่อยากเชื่อผลลัพธ์นี้ เจี่ยงเถิงมักชอบล้อนางเล่นอยู่เรื่อย บางทีนี่อาจเป็นข่าวลวงที่แกล้งส่งมาก็ได้

“เป็นไปไม่ได้! เมื่อสองสามวันก่อนเขายังเขียนจดหมายมาให้ข้าอยู่เลย ทำไมอยู่ ๆ ถึงเจอพวกอันธพาลเหล่านั้นจนตอนนี้ไม่รู้เป็นตายร้ายดีได้อย่างไร”

หลินจื้อทอดถอนใจหนึ่งเสียง เดิมทีเขาก็ไม่เชื่อ คนที่เขาส่งไปตรวจสอบกลับมารายงาน ว่าเจี่ยงเถิงถูกโจรท้องถิ่นลักพาตัวไประหว่างทาง สาเหตุเป็นเพราะเจี่ยงเถิงไปขัดผลประโยชน์ของคนพวกนี้เข้า

“มันคือเรื่องจริง ทันทีที่เจี่ยงเถิงถึงที่นั่นก็ถูกคนลักพาตัวไป ตอนนี้เราสงสัยว่าขุนนางของที่นั่นอาจจะสมรู้ร่วมคิดกัน และไม่ได้ทำเพื่อราษฎรโดยแท้จริง”

“ทำไมเจี่ยงเถิงถึงเป็นเช่นนี้”

นางยังคงรอเจี่ยงเถิงที่จวนด้วยใจหวาดหวั่น โดยไม่รู้ที่อยู่ของเจี่ยงเถิง ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร

หลินซือยังคงไม่กล้าเชื่อ หลินจื้อหยิบคำสั่งการที่ได้รับอนุญาตออกมา จึงได้เห็นตัวอักษรบนนั้นล้วนเป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเจี่ยงเถิงทั้งสิ้น

นางถึงจะเชื่อจริง ๆ ว่าเจี่ยงเถิงหายตัวไป

นางยืนตกใจอยู่ที่เดิม ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร แล้วนางจะอธิบายกับป้าเจี่ยงอย่างไร?

“อาซือ ตอนนี้เรื่องยังไม่ได้ข้อสรุป เจ้าอย่าเพิ่งโศกเศร้าไปก่อน ข้ามาบอกเจ้าก็เพื่อไม่ให้เจ้ารอโดยเปล่าประโยชน์ ถ้าเจ้าเชื่อใจเจี่ยงเถิง เขารับปากเจ้าแล้วเจ้าก็ต้องรอเขา”

หลินซือพยักหน้า เจี่ยงเถิงเคยบอกให้นางรอเขา

ทั้งยังบอกให้นางปักผ้าให้เสร็จ นัดหมายที่เจี่ยงเถิงบอกเหลือเวลาอีกไม่ถึงเจ็ดวันแล้ว หลินซือต้องเร่งมือ พยายยามปักผ้าในมือให้เสร็จ

น้ำตาของนางหลั่งรินออกมาอย่างไม่อาจควบคุมได้ หลินซือรีบเช็ดน้ำตา พี่เจี่ยงเถิงยังไม่เป็นอะไร นางต้องไม่ร้องไห้ ไม่ควรเสียด้วยซ้ำ

หลินจื้อตบไหล่ของหลินซือ “อาซือ อยากร้องก็ร้องออกมา ข้าอยู่ตรงนี้”

น้ำตาของหลินซือหลั่งรินออกมาอย่างอดไม่ได้ “ทำอย่างไรดี ข้าเป็นกังวลจะแย่แล้ว”

“ตอนนี้เจ้าอย่าเพิ่งกังวลไปก่อน ข้าจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เจ้าต้องดูแลตัวเองให้ดี”

“ท่านพี่ ช่วยส่งจดหมายยืนยันให้ข้าด้วยได้ไหมว่าเจี่ยงเถิงเป็นหรือตาย”

“เจ้าเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของข้า เรื่องนี้เจ้าวางใจได้!”