บทที่ 660 ช่วยจัดพิธีส่งตัวเจ้าสาว

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 660 ช่วยจัดพิธีส่งตัวเจ้าสาว

บทที่ 660 ช่วยจัดพิธีส่งตัวเจ้าสาว

เสี่ยวเถียนคิดว่าไม่ใช่แค่อาใหญ่ที่อยู่อย่างสุขสบาย แต่เมื่อเทียบกับชีวิตในครั้งก่อนแล้วทุกคนต่างมีชีวิตที่ดีขึ้น การได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งก็มากพอให้เปลี่ยนชะตากรรมของครอบครัวเราแล้ว

เหนือสิ่งอื่นใดคือ พี่สะใภ้ใหญ่ไม่ใช่พวกน่าหนวกหูและพูดจาไร้เหตุผลด้วย

หลี่หลินหลินเป็นหญิงสาวที่อ่อนโยน ปฏิบัติต่อทุกคนในครอบครัวเป็นอย่างดี แถมหลี่มู่มู่เองก็ยังเป็นคนดีมากอีกด้วย

“คุณย่า อาใหญ่ อาเขย งานเลี้ยงจะเริ่มแล้วค่ะ” เสี่ยวเถียนยกแขนขึ้นดูเวลา

ตอนมู่มู่เดินทางมาถึง เราไม่ได้จัดงานเลี้ยงแยกของฝั่งผู้หญิงด้วยเพราะพวกเขามีกันเพียงสองพี่น้อง จากที่คุยมา คุณย่าคิดว่าถ้าไม่จัดงานก่อนวันแต่งงานจะผิดใจกับหลานสะใภ้คนใหม่เอา

เพราะงั้นเราจึงเชิญเครือญาติในเมืองมาให้หมด และงานเลี้ยงนี้ก็ถือว่าจัดสำหรับหลี่หลินหลินด้วย

มู่มู่ประทับใจมาก การที่ทำแบบนี้นั้นหมายความว่า ตระกูลซูปฏิบัติต่อน้องสาวของเขาอย่างดีไงล่ะ!

ยามที่ทุกคนกำลังมีความสุข เราไม่สามารถห้ามเหล้าเข้าปากได้เลย

มู่มู่ดื่มอย่างรวดเร็ว และเขาก็ไม่สามารถหยุดปากได้แล้วในตอนนี้

“คุณลุงคุณป้า และทุกคนจริงใจมากเลยครับ ผมรู้ว่าชีวิตน้องสาวลำบากลำเข็ญตั้งแต่เด็ก และผมก็หวังว่าทุกท่านจะปฏิบัติต่อเธออย่างดี เมื่อเธอกลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวครับ!”

ถึงคำพูดคำจาจะไม่ได้คมคายนัก แต่ถ้อยคำของเขาล้วนเต็มไปด้วยความจริงใจมากตอนเอ่ยให้เหล่าต้าและหวังเซียงฮวาฟัง

ในตอนนั้นนัยน์ตาเขาเป็นสีแดงก่ำ

เขามีน้องอยู่คนเดียวและเราต้องพึ่งพากันและกัน เห็นน้องสาวได้แต่งงานออกเรือนแบบนี้ก็รู้สึกเหมือนลูกสาวโตแล้ว แต่อันที่จริงก็ทนไม่ได้หรอก

แต่เขาเคยบอกพ่อกับแม่ตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ว่า น้องจะแต่งงานมีลูกและมีชีวิตสุขสบายในอนาคต

โส่วเวินเป็นคนที่ดี ไม่มีทางไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานในครั้งนี้หรอก

หลินหลินอดหลั่งน้ำตาไม่ได้

“พี่คะ อย่าพูดแบบนี้สิ หนูมีพี่อยู่นะ ไม่ลำบากอยู่แล้ว!”

หลายปีที่ผ่านมาเธอได้พี่ชายดูแลมาตลอด มีเขาปกป้องแบบนี้จะลำบากได้ยังไง? กลับกันแล้วพี่ต่างหากที่ลำบากมาตลอด เพราะต้องแบกความรับผิดชอบของทั้งครอบครัวไว้คนเดียว

ทุกคนในตระกูลซูมองสองพี่น้อง ไม่รู้จะปลอบอย่างไรดี

ส่วนหลี่จู้จื่อเข้าใจตรงจุดนี้ดี

แต่วันนี้เป็นวันแห่งความปีติยินดีอย่างยิ่ง ไม่ใช่เวลาพูดเรื่องน่าเศร้าเสียหน่อย เขายิ้ม “มู่มู่ ยังไม่ตัดสินใจซื้อบ้านในเมืองอีกหรือ? ในอนาคตพวกเธอสองพี่น้องจะได้เจอกันบ่อยขึ้นนะ”

เพราะไม่คิดว่าเขาจะเดินทางมาส่งน้องยันเมืองหลวง เราเลยบอกว่าเมืองหลวงก็ดีนะ ทุกคนสามารถไปมาหาสู่ดูแลกันและกันได้

“แบบนี้ก็ได้หลานชายเพิ่มอีกคนแล้วสิ!” คุณย่าซูยิ้มกว้างจนตาปิด

“…” พวกหลานชายในบ้าน

เหมือนหลานชายบ้านเราจะไม่ค่อยมีค่าเท่าไรเลยนะ!

มีเพิ่มอีกคนจะคุ้มหรือ?

ทั้งคุณย่าและมู่มู่ไม่รู้เรื่องนี้

แต่ชายหนุ่มประทับใจในความเป็นกันเองของคุณย่าซู

เป็นครอบครัวที่ดีจังเลย ขอบคุณนายกฯ เฉิน ถ้าไม่ใช่เพราะเขา เราสองคนพี่น้องคงไม่ได้เจอครอบครัวดี ๆ แบบนี้หรอก

“หลินหลิน คนบ้านซูเป็นคนดี หลังจากเข้าเป็นส่วนหนึ่งกับพวกเขาแล้วต้องมีความเคารพนอบน้อม รักพี่รักน้องด้วยนะ!”มู่มู่ยังคงสติไว้แล้วเอ่ยบอกน้อง

ทุกคนเป็นคนดีทั้งนั้น ขอแค่น้องได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสงบ วันดี ๆ ในภายภาคหน้าจะตามมา

“พี่ ฉันรู้แล้วน่า!”

“แล้วก็พี่เตรียมสินสอดไว้ให้แล้วนะ เตรียมทุกอย่างไว้ครบครันเลย”

คนบ้านซูตกใจ เราเตรียมบ้านหลังใหม่ไว้ให้เรียบร้อยแล้ว และเตรียมจัดงานแต่งเพื่อให้พวกเขาย้ายเข้าไป แต่ในเมื่อมู่มู่พูดถึงสินสอดขึ้นแล้ว เราก็ต้องแสดงตัวบ้าง

“มู่มู่ไม่ต้องห่วงนะ เราจะปฏิบัติต่อหลินหลินเป็นอย่างดี วิทยุ จักรยาน จักรเย็บผ้า นาฬิกา ของพวกนี้ในบ้านใหม่ก็เตรียมไว้ครบหมดแล้ว…”

คุณย่าซูถอนหายใจ มู่มู่เป็นเด็กที่ซื่อสัตย์และจริงใจมาก ทำไมถึงไม่ถามสถานการณ์มาก่อนนะ?

“คุณย่าครับ ผมรู้ว่าพวกท่านทั้งสองไม่ได้ซื้อให้ตัวเองแต่เตรียมเพื่อบ้านใหม่ของหลินหลิน งั้นของที่ท่านเตรียมย้ายไปบ้านใหญ่ดีไหมครับ?”

คุณย่าซูจะพูดอะไรได้อีกล่ะ?

หวังเซียงฮวาเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว แต่ยังประหลาดใจมากกว่าเพราะคิดว่าครอบครัวสะใภ้มีสมาชิกน้อย มีแค่พี่ชายคนเดียวแล้วไม่มีญาติคนอื่นอีก เธอจึงไม่เคยคิดเรื่องสินสอดของพวกเขาเลย

ก่อนหน้านี้เธอเองก็เตรียมสินสอดไว้ 88 หยวน แต่คาดคะเนดูแล้วเหมือนจะไม่พอนะ จากนั้นก็โน้มตัวไปใกล้สามี

“พ่อคุณ สินสอดเจ้าสาวที่เราเตรียมน้อยไปหรือเปล่าเนี่ย?”

เหล้าต้าเองก็ดื่มเหมือนกันแต่ตอนนี้สร่างแล้ว พี่ชายสะใภ้เตรียมสินสอดไว้มากกมาย สินสอด 88 หยวนของเราดูน้อยไปเลยจริง ๆ

“งั้นคุณก็เพิ่มอีกสามร้อยสิ รวมเป็น 388 ไง!”

เหล่าต้าคิดครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยออกมา “แต่ความจริงยังมากได้กว่านี้อีกนะ เพราะหลี่หลินหลินเป็นผู้หญิงที่ดีจริง ๆ แต่เรายังมีลูกคนอื่นอยู่อีก ถ้าให้สินสอด 388 หยวนแล้วคนอื่นจะทำยังไงล่ะ?”

ถึงตอนนี้บ้านเราจะมีเงินอยู่บ้าง แต่ถ้าลูกทุกคนต้องได้เท่านี้เหมือนกัน เราคงสิ้นเนื้อประดาตัวแน่ ๆ

“ฉันเข้าใจแล้ว!”

หวังเซียงฮวาทำทีหาข้ออ้างขึ้นไปชั้นบน ก่อนจะนำห่อกระดาษสีแดงลงมา

“มู่มู่ ครอบครัวเราเตรียมของหมั้นไว้เหมือนกันจ้ะ เมื่อครู่เลยไปหยิบเอามาให้ เพราะวันนี้เป็นงานเลี้ยงพิธีส่งตัวเจ้าสาว ตามกฎแล้วต้องเอาของหมั้นให้เธอนะ”

เธอว่าก่อนจะวางมันบนมือชายหนุ่ม

ทุกคนอยากรู้มากว่าในนั้นมีเงินเท่าไร?

มู่มู่รับมันมา บนมือเขาเป็นเงินปึกหนึ่ง จึงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนบ้านตระกูลซูจิตใจดีจริง ๆ เตรียมเงินสินสอดไว้เยอะมากเลยนะ แต่เขาไม่คิดจะรับเงินสินสอดของน้องมาเป็นของตัวเองหรอกนะ และการที่เราได้รับมาก็เป็นเพราะอีกฝ่ายเห็นคุณค่าของน้องสาวเรา

“คุณป้าครับ ของหมั้นก็มีความหมายในตัว ทำไมต้องเตรียมมาขนาดนี้ด้วยครับ?” แต่เขาไม่ได้เปิดแล้วยัดใส่มือน้องโดยตรง “ของหมั้นนี้ครอบครัวสามีเธอให้มา พี่ไม่เก็บมันไว้หรอกนะ เธอเก็บไว้เถอะ!”

“พี่สะใภ้ใหญ่ พี่เตรียมเงินไว้ให้เจ้าสาวเท่าไรกันเนี่ย?” เถาฮวายิ้ม

ทุกคนไม่อยากเชื่อเลยว่าทั้งสองครอบครัวจะใจกว้างเช่นนี้

แต่ละคนทำด้วยความเต็มใจทั้งนั้น ถ้ามีเงินอุดหนุนก้อนนี้ สองสามีภรรยาจะใช้ชีวิตได้อย่างแน่นอน

“พี่ ฉันไม่เอาหรอกค่ะ!” หลินหลินรีบผลักคืน

“เชื่อพี่เถอะน่า พี่ให้เธอนะ ไม่ต้องห่วงพี่หรอก พี่หาเงินเองได้ มีพอแต่งพี่สะใภ้ด้วยนะ!” มู่มู่เอ่ยขัด