ตอนที่ 551 บางครั้งแผนการของหลี่ฉางโซ่

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

บทที่ 551 บางครั้งแผนการของหลี่ฉางโซ่วมีข้อบกพร่อง ภัยพิบัติของเผ่ามังกรเริ่มต้นขึ้นแล้ว! (2)

เขายังต้องคอยเฝ้าระวัง ปกป้องดวงตาแห่งท้องทะเลประจิม แต่เนื่องจากข้อจำกัดในเรื่องกรรมของดวงตาแห่งท้องทะเล จึงมีโอกาสน้อยมากที่สำนักบำเพ็ญประจิม ซึ่งให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของตนเอง จะใช้มีดฟันตัวเอง

หากสำนักบำเพ็ญประจิมหมายสังหารเขาจริงๆ หลี่ฉางโซ่วก็จะไม่หยุดพวกเขา เขายังจะร้องขอต่อองค์เง็กเซียนอีกด้วย… “เนื่องจากศาลสวรรค์เสื่อมถอยลง เราจึงไม่อาจช่วยวังมังกรแห่งทะเลประจิมป้องกันดวงตาแห่งท้องทะเลที่ถูกปีศาจทำลายลงได้

ดังนั้นจึงหวังว่า ฝ่าบาทจะทรงโปรด ออกพระราชโองการ ขอให้สำนักบำเพ็ญประจิมระงับดวงตาแห่งท้องทะเล หากเหล่าปรมาจารย์ของสำนักบำเพ็ญประจิมสามารถเสียสละตนเองเพื่อเติมเต็มดวงตาแห่งท้องทะเลได้

นั่นย่อมจะเป็นบุญมหาศาลอย่างหาที่สุดมิได้เช่นกัน นอกจากนี้ พวกเขายังสามารถตอบแทนผลประโยชน์เล็กน้อยบางอย่างให้ปรมาจารย์จอมปราชญ์ของพวกเขาได้…

ผู้ที่ไร้เล่ห์เหลี่ยม มิมีใจชั่วร้าย ย่อมไม่สมควรใช้กลอุบาย

จากนั้น ในสถานการณ์ของทั้งสี่คาบสมุทรก็มีการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตามมานั้น ก็เป็นไปตามที่หลี่ฉางโซ่วคาดการณ์ไว้

เหล่าปรมาจารย์กลุ่มแรกที่ไม่รู้ที่มา ได้ปรากฏตัวขึ้นในทะเลบูรพาและบุกโจมตีฉับพลันไปที่ดวงตาแห่งท้องทะเลบูรพาซึ่งอำพรางตัวเป็นภูเขาไฟใต้น้ำ

ชั่วขณะนั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วปรากฏตัวขึ้น “อย่างประจวบเหมาะ” ห่างออกไปนับพันลี้และได้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง

ทว่าเหล่าปรมาจารย์กลุ่มนั้นก็เพียงทำลายค่ายกลใหญ่ในบริเวณใกล้กับดวงตาแห่งท้องทะเลบูรพาและเปิดเผยรูปลักษณ์ที่แท้จริงของดวงตาแห่งท้องทะเลบูรพาให้ปรากฏออกมาเท่านั้น จากนั้นพวกเขาก็เริ่มแหวกว่ายและต่อสู้กันทันที แต่พวกเขาไม่ได้ต่อสู้กันรุนแรง

หากเขาคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน การกระทำของฝ่ายสำนักบำเพ็ญประจิมก็เหมือนกับการปาหินก้อนเดียวฆ่าวิหคได้หลายตัว

พวกเขาไม่เพียงแค่สร้างแรงกดดันให้กับเผ่ามังกรเท่านั้น แต่พวกเขายังได้ค้นพบว่าเผ่ามังกรนั้นเตรียมพร้อมมามากเพียงใดเช่นกัน นอกจากนี้ พวกเขายังบอกเผ่ามังกรด้วยว่า “พวกเราเข้าใจจุดอ่อนของพวกเจ้ามานานแล้ว”

ทว่าดวงตาแห่งท้องทะเลนั้น หาใช่จุดอ่อนของเผ่ามังกรไม่ แต่…

มันคือ เกล็ดย้อนมังกร[1]ของพวกเขา

ทันใดนั้น ลมปราณที่น่าตื่นตกใจนับร้อยก็ระเบิดออกมาจากวังมังกรทะเลบูรพา แล้วเหล่าผู้อาวุโสและแม่ทัพทั้งหมดก็ล้วนรีบพุ่งออกไปช่วย!

ดวงตาแห่งท้องทะเลบูรพาเป็นหลุมขนาดมหึมา น้ำทะเลใสยังหลั่งไหลออกมาจากขอบหลุมนั้นอย่างต่อเนื่อง

ในหลุมนั้น เหล่ามังกรโบราณลืมตาขึ้นทีละตัว ร่างของพวกเขาขดพันกันเป็นชั้นๆ อยู่ที่ก้นหลุม

ภายใต้ร่างของมังกรโบราณเหล่านั้น มีซากมังกรที่น่าสะพรึงกลัวจำนวนมากที่สูญเสียวิญญาณมังกรไปแต่ยังคงแผ่พุ่งพลังแรงกดดันที่รุนแรงออกมา มันเป็นทั้งดวงตาแห่งท้องทะเลและที่พำนักของเหล่ามังกร!

ในขณะนั้น มังกรสงครามโบราณที่เฝ้าสถานที่นั้นยืนขึ้นจากขอบดวงตาแห่งท้องทะเลและเผยเจตนาสังหารที่รุนแรงออกมา…

ในขณะนั้น เจ้าเหนือหัวโบราณแห่งเผ่ามังกรได้ถูกยั่วยุกระตุ้นขึ้นมาโดยตรงแล้ว

เวลาเดียวกัน หลี่ฉางโซ่วก็เคลื่อนไหวในทะเลทักษิณทันที! และปลาตัวเล็กๆ ที่เขาปล่อยออกไปเงียบๆ ก่อนหน้านี้ บัดนี้ มันได้มาถึงทิศทางที่เหล่าปรมาจารย์แห่งสำนักบำเพ็ญประจิมกำลังเผชิญอยู่ มันกลายร่างเป็นปีศาจใหญ่ของเผ่าทะเลด้วยความแข็งแกร่งระดับเซียนเทียน มีหัวเป็นปลาหมึกยักษ์และร้องตะโกนออกมา

“โว้ว! เพื่อศักดิ์ศรีของเทพแห่งประจิม!”

ทันใดนั้น ร่างของเขาที่ถูกพลังลมปราณปีศาจห่อหุ้มเอาไว้ ก็ขยายพองตัวขึ้นก่อนจะเกิดเสียงโครมคราม แล้วระเบิดออกเป็นชิ้นๆ กะทันหัน!

น้ำทะเลพลุ่งพล่านปั่นป่วน แล้วพลังปีศาจที่เลียนแบบก็พุ่งเข้ามาทั่วทุกทิศทาง!

จากนั้นกำแพงโปร่งใสที่ดูเหมือนผลึกน้ำแข็งก็ปรากฏขึ้นในพื้นที่ทะเลเดิมที่ว่างเปล่าเบื้องหน้าทันที

หลี่ฉางโซ่วเพ่งพิศให้ดี และจู่ๆ ก็ค้นพบว่า…

มันไม่ใช่กำแพงแต่เป็นร่างมังกรที่ใหญ่โตมากอย่างหาที่เปรียบมิได้!

เกล็ดมังกรที่เหมือนผลึกน้ำแข็ง มีขนาดสูงและกว้างหลายสิบฉื่อ ทันใดนั้น ก็สั่นไหวเบาๆ เป็นมังกรครามปักหลักมั่นอยู่ที่นั่น และร่างของมันก็ดูราวกับเมืองใหญ่หลายเมืองที่เรียงซ้อนทับกัน!

เมื่อตรวจสอบอย่างใกล้ชิดแล้ว ร่างมังกรนี้น่าจะถูกสร้างขึ้นจากค่ายกลหนึ่ง หัวมังกรของมันมองลงมาและไม่มีกลิ่นอายของสิ่งมีชีวิตใดๆ มันไม่ใช่ซากของมังกรแท้

ในขณะนั้น มีเสียงคำรามยาวของมังกรดังมาจากวังมังกรทะเลทักษิณ และปรมาจารย์มังกรจำนวนมากก็รีบพุ่งเข้ามา

จากนั้นร่างมังกรครามหลายสิบตัวก็ปรากฏขึ้นในดวงตาแห่งท้องทะเล และที่หลบซ่อนของกองกำลังแห่งสำนักบำเพ็ญประจิมก็ถูกค้นพบอย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้นศึกรบครั้งใหญ่ก็ปะทุขึ้นรอบๆ ดวงตาแห่งท้องทะเล!

ทะเลบูรพาและทะเลทักษิณล้วนกำลังตกอยู่ในความโกลาหล…

หลี่ฉางโซ่วไม่ได้เข้าร่วมศึกสู้โดยตรง เขาเพียงส่งหุ่นจำลองกระดาษไปให้การสนับสนุนเท่านั้น

ในขณะนี้ กลุ่มมังกรกบฏและสัตว์ร้ายที่พุ่งเข้ามาจากทะเลประจิมไปยังทะเลทักษิณ ก็ได้รับคำสั่งเช่นกัน และกำลังพุ่งเข้าไปหาดวงตาแห่งท้องทะเลทักษิณ

จะมีแผนการกี่ระดับในทะเลทักษิณ?

หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและสังเกตสภาพแวดล้อมของเขาต่อไป

หลังจากที่จินฉานจื่อถูกส่งกลับไปที่เปลือกทองคำเพื่อสร้างขึ้นใหม่ เห็นได้ชัดว่า สำนักบำเพ็ญประจิมก็ได้แทนที่เขาด้วย “ผู้วางแผน” ที่ยากขึ้นกว่าเดิม

แม้สถานการณ์ในทะเลบูรพาและทะเลทักษิณ จะวุ่นวายโกลาหลอยู่ในขณะนี้ แต่ก็มีรายละเอียดในความโกลาหลวุ่นวายนั้น สำนักบำเพ็ญประจิมมีความรู้สึกที่เหมาะสมในการรุกและล่าถอยระดับหนึ่ง

ในอีกด้านหนึ่งนั้น ดวงตาแห่งท้องทะเลทั้งสองได้ค้นพบเผ่ามังกร ในขณะนั้นพวกเขาใจไม่สงบเล็กน้อยและต้องการทำลายศัตรูที่ทรงพลังให้เร็วที่สุด

เดิมทีหลี่ฉางโซ่วได้วางแผนกลยุทธ์ “การจำแนกประเภทของไพ่ไม้ตาย” เพื่อให้เผ่ามังกรเผยความแข็งแกร่งของเผ่ามังกรออกมาทีละน้อยเพื่อรักษาขวัญกำลังใจของกองทัพตนเองให้มั่นคงและสร้างแรงกดดันต่อฝ่ายตรงข้าม

ทว่าในขณะนั้น ก็ดูเหมือนว่า เผ่ามังกรจะลืมเรื่องนั้นไปแล้ว วังมังกรทั้งสองได้แสดงความสามารถของพวกเขาในคราวเดียวโดยหวังว่าจะเอาชนะศัตรูที่ทรงพลังได้อย่างรวดเร็วและทำให้ดวงตาแห่งท้องทะเลมั่นคง

แม้ลมปราณของพวกเขาจะแข็งแกร่ง แต่ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ยังไม่เพียงพอ

หากอีกฝ่ายใช้กลยุทธ์เข้าปะทะ มันก็ย่อมเป็นเรื่องง่ายมากที่เผ่ามังกรจะพลาดพลั้งได้ โชคยังดีที่ในเวลานี้ ทหารสวรรค์ยังไม่จากไป ดังนั้นพวกเขาจึงเหลือกำลังเสริมสำรองไว้

หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจและครุ่นคิด…

หากเขายุติมันไม่ได้ ไม่ว่าจะใช้กลยุทธ์มากเท่าใด เขาก็ไม่อาจประสบความสำเร็จได้

ครั้งนี้เผ่ามังกรคงจะประสบความยากลำบากแล้วจริงๆ และต้องมีผู้บาดเจ็บล้มตายมากกว่านี้

เช่นเดียวกับสงครามใหญ่ที่เกิดขึ้นของทะเลทักษิณและทะเลบูรพา ภายใต้แผ่นน้ำแข็งไร้ที่สิ้นสุดในทะเลอุดร…

ในขณะนั้น มีกระแสน้ำวนหลายสิบแห่งปรากฏขึ้นเงียบๆ และมีร่างต่างๆ พุ่งออกมาจากพวกมัน แล้วเข้ารวมตัวกันที่ด้านหลังของสตรีผู้หนึ่งที่อยู่ในชุดสีโลหิต จากนั้นพวกมันก็พุ่งไปยังส่วนลึกของทะเลอุดร

เทพวารีจะให้ข้าออกจากสำนักบำเพ็ญประจิมแล้วไปรับใช้สำนักบำเพ็ญเต๋าหยินเมื่อใดกัน?

ในน้ำทะเลที่หนาวเย็น ขณะที่ผู้บำเพ็ญเหวินจิงนำเหล่าปรมาจารย์จากสำนักบำเพ็ญประจิมจำนวนมากรีบพุ่งไปที่ดวงตาแห่งท้องทะเลอุดร นางก็อดจะพึมพำในใจไม่ได้

หากนางไม่ไป นางก็จะกลายเป็นผู้บัญชาการสูงสุดของสัตว์ร้ายบรรพกาลแห่งสำนักบำเพ็ญประจิม!

เมื่อไม่นานมานี้ ผู้บำเพ็ญเหวินจิงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งศึกรบในทะเลอุดร และนางยังได้รับตำแหน่งที่ตั้งที่แน่นอนของดวงตาแห่งท้องทะเลอีกด้วย

ในขณะนี้ นางและเหล่าปรมาจารย์จำนวนมากได้ถูกส่งไปโจมตีดวงตาแห่งท้องทะเลอุดร

เฮ้อ เหล่ามังกรช่างน่ารักจริงๆ เลือดมีรสชาติไม่เลวเลย

น่าเสียดายที่นางไม่อาจเริ่มการสังหารหมู่ได้ นางทำได้เพียงดูดซับเล็กน้อยพอเป็นตัวอย่างให้รู้รสและเปรียบเทียบได้เท่านั้น …

เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ ศิษย์เอกของจอมปราชญ์นาม ตี้จั้ง[2] ซึ่งเพิ่งออกมาจากการปิดด่านเมื่อไม่นานมานี้ มีแผนการกลยุทธ์ที่ดี

นี่นับเป็นครั้งแรกที่รองปรมาจารย์เจ้าสำนักบำเพ็ญประจิมไม่เปิดเผยอะไรให้แก่ผู้ใต้บังคับบัญชาหลังจากคิดวางแผนรอบด้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังได้ออกคำสั่งก่อนล่วงหน้าเพียงในเวลาสั้นๆ ว่าให้ผู้ใด ทำอะไร และไปที่ใดเท่านั้น

ตี้จั้งเป็นผู้ให้คำชี้แนะเช่นนั้น

………………………………………………………………..

[1] เป็นเกล็ดใต้คอมังกร ซึ่งจะหันย้อนไปในทางตรงข้ามกับเกล็ดอื่นๆ ว่ากันว่า หากใครขืนไปแตะเกล็ดนี้ จะทำให้มังกรโกรธจัด

[2] เป็นที่รู้จักกันในนามเทพตี้จั้งหวาง หรือพระกษิติครรภ์มหาโพธิสัตว์ ผู้ทรงมีปณิธานสำคัญในการช่วยสรรพชีวิตให้พ้นจากนรกภูมิ หากนรกยังไม่ว่างจากสัตว์นรก พระองค์ก็จะยังไม่ขอตรัสรู้ ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงถือว่าเป็นพระโพธิสัตว์แห่งสัตว์ผู้ทุกข์ยาก