ตอนที่ 665 ป้ายหยกของท่านอาสี่

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 665 ป้ายหยกของท่านอาสี่

ไป๋ชิงเหยียนสั่งให้ทุกคนในจวนปิดข่าวเรื่องที่นางเดินทางออกไปพบหวังเจียงไห่ในคุก ห้ามให้ฮูหยินสองและองค์หญิงใหญ่ทราบเรื่องนี้เป็นอันขาด

ชุนเถาประคองไป๋ชิงเหยียนขึ้นรถม้า เดิมทีนางอยากติดตามคุณหนูใหญ่ไปด้วย ทว่า คุณหนูใหญ่สั่งให้นางไปหาไป๋จิ่นจื้อ ชุนเถาจึงได้แต่กำชับให้คุณหนูใหญ่ระวังตัว จากนั้นมองส่งรถม้าของหญิงสาวจากไปทั้งน้ำตา

ไป๋ชิงเหยียนนั่งหลับตาใบหน้าซีดเซียวอยู่ในรถม้า หญิงสาวกำป้ายหยกของท่านอาสี่ไว้ในมือแน่น ขอบตาร้อนผ่าว

นางอยากให้ท่านอาสี่ยังมีชีวิตอยู่ แม้ไปถึงหวังเจียงไห่จะบอกกับนางว่าท่านอาสี่ถูกเสียนอ๋องหรือเขาจับกุมตัวไว้เป็นตัวประกันก็ตาม

นางยอมให้หวังเจียงไห่จับท่านอาสี่เป็นตัวประกันเพื่อข่มขู่ให้นางทำสิ่งใดก็ตาม ไม่ว่าสิ่งใดก็ได้ทั้งสิ้น

ขอเพียง…ท่านอาสี่ยังมีชีวิตอยู่!

ท่านปู่ต้องคุ้มครองให้ท่านอาสี่มีชีวิตรอดแน่นอน!

ขอเพียงท่านอาสี่ยังมีชีวิตอยู่ ขอเพียงท่านได้กลับมาเล่นหมากล้อมกับนางอีกครั้ง นางจะไม่บ่ายเบี่ยงที่จะเล่นหมากล้อมกับท่านอาสี่เพราะเคยไม่ชอบที่ท่านเดินหมากช้าอีก นางจะเล่นหมากล้อมเป็นเพื่อนท่านอย่างใจเย็น นางจะยอมให้ท่านอาสี่ชนะนางอย่างมีความสุขสักครั้ง

รถม้าของไป๋ชิงเหยียนเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ หลูผิงขี่ม้าล่วงหน้าไปยังคุกก่อน เมื่อไป๋ชิงเหยียนมาถึง หลูผิงยืนรออยู่ก่อนแล้ว

หน้าประตูใหญ่ของคุกมีโคมไฟกระดาษแขวนประดับอยู่ทั้งสองข้าง แสงไฟริบหรี่ส่องสะท้อนไปยังประตูกลางเก่ากลางใหม่ของคุกจนดูน่าวังเวงยิ่งกว่าเดิม

หลูผิงประคองไป๋ชิงเหยียนที่สวมชุดคลุมกันลมและหมวกสีดำลงมาจากรถม้า จากนั้นเดินเข้าไปในคุก

ภายในคุกที่มืดมิดและอับชื้น ตะเกียงน้ำมันที่แขวนอยู่บนกำแพงส่องแสงริบหรี่ เสียงร้องไห้คร่ำครวญที่ดังแว่วออกมาเป็นระยะทำให้คุกแห่งนี้ยิ่งน่าสะพรึงมากกว่าเดิม

หวังเจียงไห่นั่งขัดสมาธิอยู่บนกองฟางขึ้นรา เขาเม้มริมฝีปากที่แตกแห้งแน่น รู้ดีว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน

วันที่ไป๋ชิงเหยียนขี่ม้าตรงเข้ามา ม้าของหญิงสาวเหยียบไปบนร่างของเขาจนปอดเขาได้รับความเสียหายอย่างหนัก ผู้ใดจะกล้าตามหมอมารักษาอาการของกบฏอย่างพวกเขากัน

บัดนี้ที่หวังเจียงไห่ยังสามารถนั่งขัดสมาธินิ่งอยู่ตรงนี้ได้เพราะเขาฝืนร่างกายไว้เท่านั้น

ไม่ว่าอย่างไรหวังเจียงไห่ก็จะช่วยชีวิตบุตรชายของตัวเองออกไปให้ได้

แม่ทัพเสี่ยวหวังยื่นชามน้ำเย็นที่อุตส่าห์ขอมาได้จากผู้คุมไปตรงหน้าหวังเจียงไห่ “ท่านพ่อ ดื่มน้ำสักนิดเถิดขอรับ”

ก่อนหน้านี้แม่ทัพเสี่ยวหวังถูกธนูยิงที่ไหปลาร้า บัดนี้บาดแผลของเขาเน่าเฟะจนแทบทนไม่ไหว ทว่า เขาไม่อยากแสดงอาการให้ท่านพ่อเป็นห่วง พยายามฝืนยิ้มให้ท่านพ่อของตัวเอง

หวังเจียงไห่กวาดสายตาแดงฉานของตัวเองมองไปทางบุตรชายแวบหนึ่ง ดื่มน้ำที่บุตรชายยื่นมาให้ จากนั้นกล่าวขึ้น “เมื่อองค์หญิงเจิ้นกั๋วมาถึง ไม่ว่าพ่อจะกล่าวสิ่งใดเจ้าก็ห้ามคัดค้านเด็ดขาด พ่อจะปกป้องเจ้าให้ได้!”

เมื่อหวังเจียงไห่กล่าวจบ เขาได้ยินเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาจึงเงยหน้ามองไปทางต้นเสียง ไม่นานร่างผอมเพรียวในชุดเสื้อคลุมตัวยาวพร้อมหมวกคลุมสีดำก็ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าห้องขัง

แม่ทัพเสี่ยวหวังหยัดกายแสดงท่าทีปกป้องบิดาของตัวเองทันที ทว่า หวังเจียงไห่ตบแขนของบุตรชายเบาๆ สื่อให้บุตรชายช่วยพยุงเขาให้ลุกขึ้น

แม่ทัพเสี่ยวหวังวางชามน้ำในมือลง จากนั้นเข้าไปประคองบิดา

หวังเจียงไห่ขบกรามแน่น สูดหายใจเข้าปอดพยายามฝืนกายลุกขึ้นด้วยความยากลำบาก จากนั้นคุกเข่าก้มศีรษะคำนับไป๋ชิงเหยียน น้ำเสียงสั่นเทาอย่างห้ามไม่อยู่ “คารวะองค์หญิงเจิ้นกั๋ว”

ไป๋ชิงเหยียนเปิดหมวกคลุมศีรษะออกเผยให้เห็นใบหน้าขาวซีดอ่อนแอ

ไม่พบหน้ากันหลายวัน สีหน้าของไป๋ชิงเหยียนย่ำแย่กว่าเมื่อก่อนมากนัก ใบหน้าขาวซีดไร้สีเลือด เรือนร่างผอมซูบลงกว่าเดิมเกือบครึ่ง ใบหน้างดงามดูดุดันยิ่งกว่าเดิม ดวงตาลึกล้ำคมกริบและเยือกเย็นคู่นั้นจ้องไปทางหวังเจียงไห่นิ่ง

“เจ้าได้ป้ายหยกของท่านอาสี่ของข้ามาจากที่ใด” ไป๋ชิงเหยียนถาม

“ทูลองค์หญิงเจิ้นกั๋ว กระหม่อมเคยช่วยชีวิตของคุณชายสี่แห่งตระกูลไป๋ไว้ครั้งหนึ่งในสงครามเป่ยเจียงเมื่อหลายปีที่แล้ว คุณชายสี่ไป๋จึงมอบป้ายหยกแผ่นนี้ให้ข้า กล่าวว่าหากวันหนึ่งข้ามีเรื่องต้องการให้เขาช่วยเหลือสามารถนำป้ายหยกไปที่จวนไป๋ เขาจะยื่นมือช่วยเหลือพ่ะย่ะค่ะ” หวังเจียงไห่ตอบโดยที่ศีรษะยังแนบอยู่กับพื้น “วันนี้กระหม่อมบังอาจเชิญองค์หญิงเจิ้นกั๋วมาพบเพราะรู้ดีว่าคนตระกูลไป๋ล้วนยึดมั่นในคำสัญญา ถึงแม้คุณชายสี่จะไม่อยู่แล้ว ทว่า หากตระกูลไป๋เห็นป้ายหยก ย่อมทำตามสัญญาแทนคุณชายสี่ไป๋แน่นอน”

ไป๋ชิงเหยียนกำป้ายหยกแน่น ท่านอาสี่ไม่ได้ยังมีชีวิตอยู่ ทว่า เคยมอบป้ายหยกนี้ให้แก่หวังเจียงไห่อย่างนั้นหรือ

หัวใจของไป๋ชิงเหยียนหนักอึ้ง

แววตาของไป๋ชิงเหยียนเยือกเย็นขึ้นกว่าเดิม “เจ้าช่างรู้จักคนตระกูลไป๋ดีเสียจริง”

หวังเจียงไห่เงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาแดงฉาน ลำคอร้อนผ่าว กล่าวออกมาด้วยท่าทีนอบน้อมอย่างที่สุด “หวังเจียงไห่ทราบดีว่าโทษของกบฏสมควรตาย กระหม่อมหวังเพียงให้องค์หญิงเจิ้นกั๋วเมตตาปล่อยบุตรชายของกระหม่อมไป เมื่อกระหม่อมตายไปพบหน้าคุณชายสี่แห่งตระกูลไป๋ กระหม่อมจะบอกให้เขารับรู้ว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วตอบแทนบุญคุณที่กระหม่อมเคยช่วยชีวิตเขาแทนเขาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

กล่าวจบ หวังเจียงไห่ก้มศีรษะคำนับแนบพื้นอีกครั้ง เสียงศีรษะกระทบพื้นดังกังวาน น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความอ้อนวอน เอ่ยขอร้องด้วยดวงตาที่แดงก่ำ “ขอเพียงองค์หญิงเจิ้นกั๋วช่วยชีวิตบุตรชายของกระหม่อม ต่อจากนี้เขาจะติดตามรับใช้องค์หญิงเจิ้นกั๋วจนวันตายพ่ะย่ะค่ะ”

“ท่านพ่อ” แม่ทัพเสี่ยวหวังสะอื้น

ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางแม่ทัพเสี่ยวหวัง

สองสายตาประสานกัน แม่ทัพเสี่ยวหวังรู้สึกว่าแววตาของหญิงสาวเยือกเย็นจับหัวใจ

ชายหนุ่มขบกรามแน่นทั้งน้ำตา ไม่อาจทนดูบิดาของตัวเองลดศักดิ์ศรีเช่นนี้ได้อีกต่อไปจึงตะโกนเสียงดังลั่น “ท่านพ่อลุกขึ้นเถิดขอรับ ข้ายินดีตายไปพร้อมกับท่านพ่อ ข้ายินดีตาย ทว่า ไม่มีทางคุกเข่าขอร้องเพื่อให้มีชีวิตรอดขอรับ!”

“แม่ทัพเสี่ยวหวังดูไม่เหมือนคนที่จะยินดีติดตามรับใช้ข้า” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวเสียงเยือกเย็น

หวังเจียงไห่รีบกดศีรษะของบุตรชายให้ก้มศีรษะคำนับไป๋ชิงเหยียน “บุตรชายของข้าปากไม่มีหูรูด องค์หญิงเจิ้นกั๋วได้โปรดอย่าถือสาเลยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมยินดีให้บุตรชายของกระหม่อมสาบานว่าหากเขาไม่จงรักภักดีต่อองค์หญิง ดวงวิญญาณของตระกูลหวังจะไม่มีวันอยู่อย่างสงบสุข เมื่อตายไปดวงวิญญาณจะถูกทรมาน ไม่อาจพ้นทุกข์ได้พ่ะย่ะค่ะ”

“ท่านพ่อ!” เสียงของแม่ทัพเสี่ยวหวังเต็มไปด้วยเสียงสะอื้น เขากำหมัดที่แนบอยู่ข้างลำตัวแน่น “เหตุใดต้องทำถึงเพียงนี้ขอรับ!”

หวังเจียงไห่เงยหน้ามองบุตรชายของตัวเองด้วยดวงตาที่แดงฉานนิ่ง จากนั้นมองไปทางไป๋ชิงเหยียน “องค์หญิงเจิ้นกั๋ว กระหม่อมเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งที่มีความโลภ กระหม่อมร่วมกบฏในครั้งนี้เพราะอยากมีส่วนร่วมสร้างผลงานสนับสนุนให้จักรพรรดิองค์ใหม่ได้ขึ้นครองราชย์ กระหม่อมไม่ใช่คนดี ยิ่งไม่ใช่ลูกและสามีที่ดี สิ่งเดียวที่กระหม่อมทำได้คือการเป็นพ่อที่ดี อย่างน้อยกระหม่อมก็ต้องปกป้องบุตรชายของกระหม่อมให้ได้พ่ะย่ะค่ะ!”

หวังเจียงไห่กล่าวประโยคนี้ออกมาจากใจจริง เขาอยากแสดงความจริงใจของตัวเองให้ไป๋ชิงเหยียนรู้สึกหวั่นไหว

นอกจากป้ายหยกแผ่นนั้นแล้ว เขาไม่มีเครื่องต่อรองใดในการบีบบังคับให้ไป๋ชิงเหยียนยอมช่วยบุตรชายของเขาได้อีก

นี่คือเหตุผลที่เขาขอร้องให้ผู้คุมคุกนำป้ายหยกแผ่นนี้ไปขอพบไป๋ชิงเหยียนที่จวนไป๋ ทว่า ไม่กล้าบอกตั้งแต่แรกว่านี่คือของที่คุณชายสี่แห่งตระกูลไป๋มอบให้เขาในสงครามเป่ยเจียงเมื่อหลายปีที่ผ่านมา

ศพของคุณชายสี่แห่งตระกูลไป๋ไม่ได้ถูกส่งกลับมาเมืองหลวง ตระกูลไป๋ย่อมมีความหวังอยู่ ไป๋ชิงเหยียนต้องมาสอบถามจากปากเขาให้ชัดเจนแน่นอน