แต่ว่าทั้งสองคนนั้นไม่ได้สนใจที่พวกเขาพูด“พวกนายสองคนอย่ามาดึงพวกเราเข้าไปเกี่ยวด้วยนะ พวกเราไม่ได้หน้าไม่อายอย่างพวกนาย ถึงแม้ว่าพวกเราจะร่วมงานโปรเจกต์อื่นๆกับลี่จุนถิงอยู่ แต่ว่ามันคนละเรื่องกัน ฉะนั้นเงินที่ควรต้องคืนพวกเราเลยคืนให้เขาไปแล้ว”
“เฮ้ ทำไมพวกนายสองคนถึงคืนเงินโดยไม่บอกพวกเราล่ะ?”
“พวกเราเคยบอกพวกนายไปแล้ว พวกนายนั่นแหละที่มัวแต่ยื้อมาจนถึงตอนนี้ อย่ามาโทษพวกเรานะ”
Almenพูดจบก็เบือนหน้าหนี
สองคนนั้นยังอยากจะเถียงต่อ ทว่าถูกลี่จุนถิงห้ามไว้“พวกนายเบาๆหน่อย กุ่นกุ่นยังนอนหลับอยู่ข้างใน”
หลังจากที่ทั้งสองเห็นสายตาของลี่จุนถิงก็เงียบลงทันทีแล้วหันไปดูถวนจื่อที่ต่อเลโก้อย่างตั้งใจ
กว่ากุ่นกุ่นเจ้าน้อยจะตื่นก็ถึงเวลาเลิกงานพอดี ลี่จุนถิงกับเจียงหยุนเอ๋อพาพวกเขากลับไปตระกูลลี่แทนที่จะพาไปทานข้าวข้างนอก
ลี่จุนถิงได้สั่งให้ครัวที่บ้านเตรียมอาหารที่พวกเขาอยากกินไว้ตั้งแต่เช้าแล้ว พอตกเย็นทุกคนก็มานั่งทานอาหารด้วยกันอย่างมีความสุข
และเนื่องจากมีเจ้าสี่คนนี้เพิ่มเข้ามา พวกเขาต่างก็พูดหยอกเหย้าแหย่ท่านปู่ลี่กับโม่เสี่ยวฮุ่ยเล่นจนยิ้มไม่หุบเลยทีเดียว
เช้าวันรุ่งขึ้น เนื่องจากเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ก็เลยถือโอกาสพาพวกเขาทั้งสี่ไปเที่ยวที่เมืองโบราณหนิงซี ที่ๆเมื่อก่อนเจียงหยุนเอ๋อชอบไป
แสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องลงมาที่เมืองโบราณอันสวยงาม ตรอกซอกซอยคดเคี้ยวไปมา สะพานหินโค้งพาดสองฝั่งและบ้านเรือนที่เก่าแก่ ทุกอย่างล้วนถูกปกคลุมไปด้วยแสงรำไรยามโพล้เพล้
เมื่อมองไปยังอาคารบ้านเรือนสิ่งก่อสร้างต่างๆที่ดูเหมือนจะผ่านลมผ่านฝนมานานนับร้อยปี มันก็ให้ความรู้สึกว่ากาลเวลาได้เปลี่ยนแปลงมันมาอย่างโชกโชน แต่ในขณะเดียวกันก็ให้ความรู้สึกเรียบง่ายและสงบมาก
สิ่งก่อสร้างในนี้ถูกล้อมรอบไปด้วยแม่น้ำและภูเขา ซึ่งการจัดวางผังเมืองนั้นสวยงามมาก มีทั้งภูเขาต้นไม้และกลิ่นอายธรรมชาติ ดูเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของหมู่บ้านริมน้ำแห่งนี้ราวกับที่นี่เป็นสรวงสวรรค์เลยก็ว่าได้ เพราะมันเต็มไปด้วยบรรยากาศที่บริสุทธิ์และความเรียบง่าย ใครที่มาแล้วก็ต้องอยากจะกลับมาอีกแน่นอน
เสียงน้ำไหลจากธรรมชาติถูกกลบด้วยเสียงเพลงที่เริ่มเปิดคลอขึ้นมา เจียงหยุนเอ๋อสวมรองเท้าส้นแบนเดินไปตามทางเท้าที่ปูด้วยหิน เมื่อได้ยินเสียงพื้นรองเท้ากระทบกับพื้นดังขึ้นเบาๆ เธอก็รับรู้ได้ถึงความสงบอย่างแท้จริง
เจียงหยุนเอ๋อชอบหมูบ้านโบราณมาก เธอยืนมองม่านลูกปัดที่ร้อยเป็นเส้นลงมาอยู่ด้านหน้าของหน้าต่าง ถนนข้างนอกก็สะอาดหมดจด มันจึงดูสบายตามาก
พอกลับมาที่นี่ เธอก็รู้สึกว่าจิตใจมันนิ่งสงบลง โดยเฉพาะเมื่อมีลี่จุนถิงกับลูกทั้งสองยืนอยู่ข้างๆ
ส่วนพวกเขาทั้งสี่ก็มีความสุขมากเมื่อเห็นวิวทิวทัศน์ของที่นี่ ถ้าไม่ใช่เพราะเวลามีจำกัด พวกเขาคงจะอยู่เที่ยวชมที่นี่ได้อีกนาน
เนื่องจากเร็วๆนี้ลี่จุนซินจะต้องกลับประเทศอังกฤษพร้อมกับเวียร์เพื่อไปเจอพ่อกับแม่ของเขาอย่างเป็นทางการ ฉะนั้นหลายวันมานี้เธอจึงทำงานอย่างหนัก หนักมากจนลี่จุนถิงทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว
“พี่ไม่ต้องรีบเคลียร์งานหนักขนาดนี้ก็ได้ ผมไหวน่า พี่ทำใจให้สบายแล้วกลับไปกับเวียร์เถอะ หลังจากนั้นพอเจอผู้ใหญ่อะไรเสร็จ พ่อกับแม่ของทั้งสองฝ่ายจะได้เจอกันอย่างเป็นทางการสักที”
เหลืออีกสองวันลี่จุนซินจะต้องกลับประเทศอังกฤษกับเวียร์แล้ว ดังนั้นเพื่อที่จะได้จัดของและเก็บกระเป๋าได้อย่างสะดวก เธอจึงกลับไปอยู่ที่อพาร์ตเมนต์ของเวียร์
พอลี่จุนซินเลิกงานกลับมาถึงบ้านก็ได้ยินเสียงดังออกมาจากในครัว เธอถอดรองเท้าส้นสูงออกแล้วเดินเท้าเปล่าเข้าไปในห้องครัว
เวียร์ที่สวมเสื้อกันเปื้อนกำลังวุ่นอยู่กับการทำกับข้าว ลี่จุนซินเบ้ปากออกมา“นี่นายว่างมากเหรอ วันนี้ก็ไม่ทำงาน บริษัทนายเจ๊งไปแล้วรึเปล่าเนี่ย?”
เวียร์วางน้ำสลัดในมือลงแล้วหันมา วันนี้ลี่จุนซินสวมสูทสีน้ำเงินไพลินเต็มตัว ถ้าถอดเสื้อคลุมออก ด้านในก็เป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวเรียบๆ ด้านล่างใส่เป็นกระโปรงทรงเอ ส่วนผมก็ถูกม้วนเก็บไปด้านหลังอย่างเรียบร้อย เธอยังคงดูมีเสน่ห์ขณะที่แต่งตัวอยู่ในชุดทำงาน เธอเป็นคนสวยมีเสน่ห์มาตั้งแต่ไหนแต่ไร เรื่องนี้เวียร์รู้มาตั้งนานแล้ว ทว่าวันนี้ดูเหมือนว่าเธอจะสวยเป็นพิเศษ
เขายื่นมือออกไปคว้าเธอมากอด จากนั้นก็ก้มลงประทับรอยจูบ มีกลิ่นกาแฟจางๆ……เวียร์ผลักออกพลางขมวดคิ้วขึ้น
“ดื่มกาแฟอีกแล้วเหรอ?”
ผู้หญิงคนนี้ท้องไส้ไม่ค่อยดี แถมยังติดกาแฟ แล้วเธอก็มักจะชอบบ่นปวดท้องตอนดึกๆ ฉะนั้นตอนอยู่ที่บ้านเวียร์เลยพยายามไม่ให้เธอดื่มกาแฟ ถ้าจะให้ดื่มก็จะให้เธอเลือกอยู่สองอย่างคือนมกับน้ำผลไม้
ลี่จุนซินผลักเขาออก“ดื่มแค่สองแก้วเอง”
เธอพูดพลางเดินออกไปจากอ้อมกอดเขาแล้วตรงไปหยิบเสื้อผ้าที่ห้องนอน จากนั้นก็เข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ เวียร์หัวเราะออกมาเบาๆ
เมื่อลี่จุนซินอาบน้ำเสร็จ เธอก็ใช้ผ้าเช็ดตัวห่อตัวเดินออกมา ทั่วทั้งห้องนั่งเล่นมืดสนิท ไฟทุกดวงถูกปิด ทว่าเชิงเทียนบนโต๊ะทานอาหารข้างๆหน้าต่างกลับถูกจุดไฟไว้ มันเกิดเป็นแสงสลัวๆ
เวียร์เปลี่ยนเป็นชุดที่ค่อนข้างเป็นทางการแล้วยืนอยู่ข้างๆพร้อมกับส่งยิ้มให้เธอ
เวียร์เป็นคนที่เข้าใจใช้ชีวิต ลี่จุนซินชอบเขาตรงนี้แหละ อีกอย่างยังไงผู้หญิงส่วนมากก็ต้องชอบความโร
จำได้ว่าเมื่อก่อนเคยอ่านหนังสือเล่นหนึ่ง ข้างในมันบอกว่าการที่ผู้ชายสร้างสีสันให้กับชีวิตคู่เป็นครั้งคราวจะสามารถรักษาความสัมพันธ์ให้อยู่ได้นานขึ้น ดูเหมือนจะจริงแฮะ
สลัด สเต๊กและไวน์แดง ดูเป็นอาหารตะวันตกแบบเบสิค ส่วนรูปลักษณ์หน้าตาของอาหารก็ถือว่าเหมือนต้นฉบับมาก เวียร์หยิบไวน์แดงในตู้เย็นออกมาเปิดแล้วรินลงไปในแก้วที่อยู่ตรงหน้าของทั้งสอง
ลี่จุนซินเอามือพัดเบาๆเพื่อให้กลิ่นมันโชยขึ้นมา
“ดูจะเป็นไวน์รสชาติเยี่ยม ถือว่าคุ้มค่าที่ซื้อมา แต่ทำไมฉันถึงรู้สึกคล้ายกับว่านี่เป็นงานเลี้ยงที่หงเหมินเลยนะ?”
ลี่จุนซินพูดเป็นเชิงหยอกเล่น
เวียร์เลิกคิ้วขึ้นแล้วคลี่ยิ้มออกมา
“จะเป็นงานเลี้ยงที่หงเหมินได้ยังไง คุณเป็นคนของผมแล้ว ผมแค่อยากจะช่วยให้คุณคลายเครียดก่อนที่จะไปพบผู้ใหญ่เท่านั้นเอง”
“ฉันเคยเจอพวกท่านแล้วนี่นา มีอะไรให้ต้องเครียดอีก อีกอย่างถ้านี่จะนับว่าเป็นงานเลี้ยงที่หงเหมิน ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร”
เธอพูดพลางมองออกไปนอกหน้าต่าง ต้นไม้ที่อยู่ข้างนอกโอนเอนไปมา เวียร์อาศัยอยู่ชั้นสาม และห้องนั่งเล่นห้องนี้ก็มาจากการเอาไปเชื่อมกับห้องนอนเดิม มันดูสวยงามและประณีตมาก ถึงแม้จะมองผ่านออกไปจากหน้าต่างขนาดเดียวกันแต่วิวก็ยังดูสวยมาก
จู่ๆเสียงเพลงก็ดังขึ้นช้าๆ ลี่จุนซินมุมปากยกขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว อยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้แล้ว ผู้ชายคนนี้ยังชอบทำเรื่องแบบนี้อยู่อีกเหรอเนี่ย
ร่างกายของทั้งคู่ค่อยๆแนบเข้ามาใกล้กัน ลี่จุนซินขึ้นไปเหยียบอยู่บนเท้าของเวียร์ ทั้งสองเริ่มขยับตัวไปตามเสียงเพลงอย่างช้าๆ ลี่จุนซินเงยหน้าขึ้นสบตากับเวียร์ เปลวไฟจากเทียนสะท้อนอยู่ในดวงตาของเขา มันสว่างวูบวาบไปมาราวกับว่ามีเปลวไฟอยู่ด้านใน เธอเห็นเงาของตัวเองในลูกตาดำของเขาอย่างชัดเจน
เธอรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมาก พึ่งรู้จักกับเวียร์ได้ไม่ถึงครึ่งปี แต่ตอนนี้ทั้งสองกลับได้หมั้นหมายกันแล้ว และอีกไม่นานก็จะแต่งงานกันแล้วด้วย
อีกอย่างเวียร์ก็ดีกับเธอมาก เธอรู้ว่าในบางครั้งตัวเองเป็นคนโผงผาง บางครั้งก็ดื้นรั้นหัวแข็ง แต่เวียร์กลับยอมรับและให้อภัยเธอทุกอย่าง และบางครั้งโม่เสี่ยวฮุ่ยก็ถึงกับทนดูไม่ได้จึงบอกเวียร์ว่าอย่าไปยอมตามใจเธอมากขนาดนั้น
แต่ตอนนั้นเวียร์กลับพูดออกมาว่า“จุนซินเป็นคนที่จะอยู่กับผมไปตลอดชีวิต และในอนาคตก็จะเป็นแม่ของลูก เป็นคุณย่าของหลานๆ และยิ่งไปกว่านั้นเธอจะเป็นภรรยาของผม ฉะนั้นการที่ผมรักเธอยอมตามใจเธอนั้นมันก็สมควรแล้ว และไม่ว่าเธอจะเป็นยังไงผมก็ยังจะรักเธอครับ”
ณ ตอนนั้นประโยคนี้ทำเอาโม่เสี่ยวฮุ่ยและลี่จุนซินเองร้องไห้กันเป็นระนาว
ถึงแม้ว่าโม่เสี่ยวฮุ่ยจะดุด่าว่าเธอให้รู้จักควบคุมอารมณ์ของตัวเอง แต่หล่อนก็ดุเวียร์ไปเหมือนกัน เพียงแต่หล่อนไม่นึกเลยว่าเวียร์จะพูดประโยคนี้ออกมาแค่นั้นเอง