บทที่ 740 เซียวซานหลางกลับเมืองหลวง

เมืองหลวง

ไม่กี่วันต่อมา ตอนนี้ย่างเข้าฤดูฝน มีฝนตกเล็กน้อยที่เจียงหนาน แต่ในเมืองหลวงอากาศค่อนข้างเย็นกว่ามาก

ท่ามกลายสายฝนที่ตกโปรยปรายมีเงาร่างสามร่างใส่หมวกไม้ไผ่ปรากฎกายที่หน้าประตูจวน

ชายชราผู้หนึ่งผมขาวไปทั้งศีรษะถือชามปลาและเนื้อแกะร้อนๆในมือ เขากินพลางเอ่ยว่า

“อาหารรสเผ็ดในฉิงโจว รสหวานที่เจียงหนาน และของสดที่เมืองหลวง ข้าคิดว่าอาหารในเมืองหลวงรสชาติแย่ที่สุด หลังจากผ่านไปหลายปีกลับมีรสชาติดีขึ้น”

ในขณะที่พูดเขาก็เดินเข้าไปหาชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆ

“แต่ไม่ว่าอย่างไร ปลาย่างของเจ้ามีรสชาตอร่อยที่สุด ซานหลาง”

เมื่อเซียวซานหลางได้เห็นคราบน้ำมันที่ปากของคนพูด เขาอยากแสร้งว่าไม่รู้จักคนผู้นี้เสียเหลือเกิน แต่นั่นแหละ ไม่ว่าทำอย่างไรก็ไม่อาจสลัดทิ้งไปได้ เพราะเขาคอยตามติดอย่างใกล้ชิด พอเขาพูดว่าจะมาเมืองหลวง คนผู้นี้ก็รีบเก็บข้าวของทันที เขาไล่กินตั้งแต่เมืองฉิงโจว เจียงหนานจนกระทั่งมาถึงเมืองหลวง ใบหน้าของท่านผู้เฒ่ากลมมากขึ้นจนเห็นได้ชัด

ส่วนถุงเงินของเซียวซานหลางกลับแบนแต๋

มีลุงเฮยเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีอายุอยู่ระหว่างท่านผู้เฒ่าสองคนนี้

ลุงเฮยเดินไปเคาะประตูจวนที่หนักอึ้ง ไม่นานนักประตูเปิดออก คนเฝ้าประตูถามว่าพวกเขามาหาใคร

“พวกเรามาจากเมืองฉิงโจว มาหาผู้สำเร็จราชการและพระชายาของเจ้า” ลุงเฮยตอบ

แม้ว่าที่นี่จะเป็นจวนอู่ก็ตาม แต่ทุกคนย่อมรู้ดีว่าผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์และพระชายาพำนักอาศัยอยู่ในที่แห่งนี้

ในเวลานี้ ผู้สำเร็จราชการยุ่งอยู่กับราชกิจ เขาย่อมไม่อยู่จวน บ่าวรับใช้จึงได้ไปรายงานให้ถังหลี่ได้รับทราบ

เมื่อถังหลี่ได้ยินว่ามีแขกมาเยือนจากเมืองฉิงโจว นางรู้ได้ทันทีว่าพวกเขาเป็นใคร ถังหลี่รีบเดินมาต้อนรับที่หน้าประตูด้วยตนเอง เมื่อเดินมาถึงนางจึงเห็นว่าเป็นเซียวซานหลาง อาจารย์จ้านและลุงเฮยจริงๆ

เดิมทีนางต้องการไปรับพวกเขามายังเมืองหลวง แต่ไม่ได้คาดเลยว่าเขาจะพากันเดินทางมาเองเช่นนี้ เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจและน่ายินดียิ่งนัก ครั้งสุดท้ายที่ถังหลี่ได้พบกับท่านลุงสามนั้น เขาป่วยหนักจนดูซีดเซียว หลายปีผ่านไป ตอนนี้ท่านลุงสามกลับดูสุขภาพดี ท่วงท่าสง่าและดูอ่อนกว่าวัยมากนัก

ถังหลี่ดีใจที่ได้เห็นท่านลุงสามเป็นเช่นนี้

“ท่านลุงสาม”

นางมองไปยังอาจารย์จ้าน

“ท่านอาจารย์” แม้กระทั่งลุงเฮย ถังหลี่ก็ยังทักทายเขาอย่างสุภาพ

ท่านผู้เฒ่าทั้งสามอดมองถังหลี่ด้วยความประหลาดใจไม่ได้เช่นกัน นางดูไม่เปลี่ยนไปเลยทั้งยังอ่อนกว่าวัยอีกด้วย

หญิงสาวต้อนรับพวกเขาเข้าสู่จวนสกุลอู่

ฝนยังตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย ผู้เฒ่าทั้งสามคนต่างพากันตัวเปียกปอน ถังหลี่จัดเรือนให้พวกเขาพำนัก อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สะอาด นางให้บ่าวรับใช้ตระเตรียมอาหาร

หลังจากพวกเขาชำระล้างร่างกายและสวมใส่เสื้อผ้าใหม่แล้วอาหารก็พร้อมตั้งโต๊ะ ทั้งสามคนเดินไปที่โต๊ะอาหาร

ท้องของอาจารย์จ้านราวกับเป็นหลุมลึกไร้ก้น เขากินอาหารไม่หยุดปาก ระหว่างกินก็ติชมไปว่า ร้อนไปเย็นไปบ้าง แต่ที่ชื่นชมเห็นจะเป็นปลาย่างที่ถังหลี่ทำด้วยตัวเอง เขาดึงจานมาไว้ตรงหน้า และเล็มชิมอย่างเอ้อระเหยไม่ยอมให้นายท่านสามและลุงเฮยมีโอกาสได้ชิมบ้าง

โดยปกติเซียวซานหลางไม่จู้จี้เรื่องอาหาร แต่นี่เป็นอาหารในเมืองหลวง เขาห่างหายจากเมืองหลวงไปนานนับสิบปี ไม่ได้ลิ้มรสชาติเช่นนี้มานานแล้ว เขาย่อมคิดถึงเป็นธรรมดา

“ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า วันหนึ่งจะได้กลับมาชิมรสชาติอาหารที่คุ้นเคยในเมืองหลวงอีกครั้ง” เซียวซานหลางพูดขึ้น เขาไม่คิดว่าตนเองจะมีวันที่ได้เห็นสกุลเซียวพ้นผิดเช่นวันนี้เสียด้วยซ้ำ เขาไม่คิดว่าตนเองจะได้เดินกลางถนนอย่างสง่าผ่าเผย ไม่ต้องหลบซ่อนตัวตนอีกต่อไป เขาเข้ามาในเมืองหลวงได้อีกครั้งราวกับเป็นความฝัน

อาจารย์จ้านเห็นท่าทางที่น่าสงสารของเซียวซานหลาง จึงผลักปลาย่างตรงหน้าตนให้เป็นการปลอบใจ

“กินให้มากขึ้น จะได้มีสุขภาพดี อายุยืนยาวพอจนได้เห็นโลกมากขึ้น” เซียวซานหลางขบขันในคำพูดของอาจาร์จ้าน ทุกอย่างดูจะเกี่ยวข้องไปกับเรื่องกินไปเสียหมด

“นี่เป็นเพราะข้าได้เจอท่านจึงได้มีอายุยืนนานมาจนป่านใช่หรือไม่? แต่ก็นับว่าเป็นความสามารถของหลานชายและหลานสะใภ้เช่นกัน”

“อืม” อาจารย์จ้านเห็นด้วยกับเรื่องนี้

นอกจากอาหารอร่อยแล้วอาจารย์จ้านยังมีความลำเอียงอยู่ในใจ เว่ยฉิงเป็นลูกศิษย์ของเขา ย่อมเก่งเหนือใครอยู่แล้ว ถังหลี่ผู้ย่างปลาได้เป็นเลิศก็เป็นลูกศิษย์เขาเช่นกัน ตัวเขาย่อมดีที่สุดที่มีลูกศิษย์ที่เก่งกาจเช่นนี้

ทั้งสามลุกจากโต๊ะหลังจากกินอาหารเสร็จแล้ว

“ไปดูบุตรฝาแฝดของอาฉิงกับเสี่ยวถังกันเถิด” เซียวซานหลางพูดขึ้น

เมื่ออายุมากขึ้นเขากลับชอบเด็กๆเป็นพิเศษ เซียวซานหลางพูดโอ้อวดเกี่ยวกับเด็กสองคนมานานแล้ว

ถังหลี่พาพวกเขาไปยังเรือนหลัง เมื่อเปิดลานเข้าไป สิ่งแรกที่ทุกคนเห็นคือลานกว้างขนาดใหญ่ มีของเล่นสำหรับเด็กๆ มากมาย ถังหลี่เป็นคนปัจจุบันนางย่อมเคยเห็นสวนสนุกมาก่อน ถังหลี่เล่าให้เว่ยฉิงฟัง เขาจึงหาคนมาสร้างของเล่นเหล่านี้ให้บุตรชายและบุตรสาวของเขา

มู่เป่าชอบของเล่นเหล่านี้มาก เขาเล่นจนหน้าหน้าแดงก่ำเหงื่อไหลท่วมตัว ไม่นานนักก็เบื่อแล้วเลิก

เมื่อพวกเขาเดินเข้าไปในสนามเห็นเด็กตัวน้อยถือร่มยืนอยู่หน้าต้นไม้แหงนมองราวกับกำลังคุยกับนก

“ท่านย่าทวด เจ้านกน้อยบอกว่ารังเขาเปียกฝน พวกเราสร้างรังให้เขาในบ้านได้หรือไม่?”มู่เป่าพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน

หญิงชราที่นั่งอยู่ได้ยินคำร้องขอของเขา แต่แขนขาที่แก่ชราของนางย่อมไม่อาจทำตามที่เด็กน้อยวอนขอได้ นางจึงต้องไหว้วานให้เป็นหน้าที่ของแม่นมฉู่แทน

ข้างๆ หญิงชรามีเปล หัวน้อยๆ โผล่ออกจากในเปล นางไกวเปลเบาๆ เป็นครั้งคราว เด็กตัวน้อยที่อยู่ด้านในหลับตาลงอย่างเกียจคร้าน เจ้าเกี๊ยวน้อยเป็นเด็กชอบกินชอบดื่มตามปกติเหมือนเด็กทั่วไป แต่งานอดิเรกของนางคือการนอน ทำให้ถังหลี่เป็นกังวลมาก นางเชิญหมอซูมาตรวจดูเจ้าตัวน้อย หลังจากหมอซูดูแล้วก็ไม่เห็นว่านางจะผิดปกติที่ตรงไหน นางเป็นเด็กฉลาดมาก เรียนรู้ได้มากกว่ามู่เป่าในขณะที่ใช้เวลาน้อยกว่า นางเป็นเด็กอัจฉริยะตัวน้อย นิสัยการนอนของนางไม่ได้ผิดปกติเกินไป ถังหลี่จึงตามใจบุตรสาว

ไม่ช้าหญิงชราก็สังเกตเห็นผู้ชายสามคนที่ถังหลี่พาเข้ามา นางมองเซียวซานหลาง รู้สึกว่าเขาดูคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูกเพียงแต่จำชื่อเขาไม่ได้

“ไทเฮา” เซียวซานหลางจำนางได้ เขายิ้มแนะนำตัวเอง

“ข้าชื่อซานหลาง เซียวซานหลาง”

“เซียวซานหลาง …พี่ชายของฮองเฮา!” ไทเฮาทรงดีพระทัย นางสงสารสกุลเซียวที่ถูกโค่นล้มลงในครั้งนั้น เมื่อได้เห็นผู้ที่ยังเหลืออยู่ นางจึงรู้สึกยินดีเป็นธรรมดา

เซียวซานหลางมีหน้าตาคล้ายกับอดีตฮองเฮา เมื่อได้เห็นเขาชัดๆ จึงนำมาซึ่งความโทมนัสและเศร้าพระทัยคละเคล้ากัน

หลังจากนั้นเซียวซานหลางจึงหันไปทักทายเด็กน้อย

มู่เป่าเรียกเขา

“ท่านปู่” น้ำเสียงของเด็กน้อยทำให้หัวใจของเซียวซานหลางแทบละลาย

“มู่เป่าเหมือนอาฉิงตอนเป็นเด็กไม่มีผิด ทั้งท่าทางและหน้าตาคล้ายกันไม่ผิด”

เซียวซานหลางพูดอย่างอาวรณ์ พลางอุ้มเด็กน้อยน่ารักขึ้นมาอย่างทะนุถนอม หากเว่ยฉิงอยู่ที่นี่ด้วย เขาย่อมไม่พอใจ เพราะตอนที่เขายังเล็ก ท่านลุงสามลากเขาไปโน่นมานี่อย่างไม่ปราณี

ถ้าพวกเขาดูเหมือนกันแล้วเหตุใดท่านลุงจึงปฏิบัติกับเขาต่างกันนักเล่า!