บทที่741 พบกันครั้งใหม่กับคนเก่าที่คุ้นเคย

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

บทที่741 พบกันครั้งใหม่กับคนเก่าที่คุ้นเคย

ถังหลี่ปลุกถังเป่า นางเป็นเด็กหญิงตัวน้อยๆ น่ารักตาโต มีขนตายาวล้อมรอบ นางเรียก “ท่านปู่” ด้วยเสียงอ่อนหวาน

เซียวซานหลางอดไม่ได้ที่จะบีบแก้มของเด็กหญิงตัวน้อย

“ถังเป่าหน้าตาเหมือนถังหลี่ โตขึ้นนางย่อมเป็นสาวงามเหมือนมารดาเป็นแน่” เขาอดชมหลานตัวน้อยไม่ได้

ท่านลุงเฮยก็คิดเช่นนั้น เขาคันไม้คันมืออยากบีบแก้มเด็กหญิงเช่นกัน

“ท่านปู่” แม้ลุงเฮยจะดูดุร้ายไปสักหน่อยแต่ถังเป่าไม่กลัวเขา นางเรียกอย่างออดอ้อน

ลุงเฮยมีสีหน้าโง่เขลาไปในทันที เขาอยู่กับเซียวซานหลางมานานหลายสิบปี ดูแลเซียวซานหลางทุกอย่างด้วยสีหน้าเงียบขรึมอยู่เสมอ นี่เป็นครั้งแรกที่เขามีสีหน้าทำอะไรไม่ถูกและมีความสุข

“เด็กน้อย เจ้าง่วงนอนหรือยังปู่จะไกวเปลให้” ลุงเฮยถาม ในที่สุดถังเป่าก็หาคนไกวเปลให้นางได้สำเร็จ

เซียวซานหลางสร้างรังนกให้มู่เป่า ส่วนลุงเฮยอาสาไกวเปลให้ถังเป่า เหลือแต่ท่านอาจารย์จ้านเท่านั้นที่ยังยืนนิ่ิงอยู่ด้วยความงุนงง เขาแอบมองไทเฮาเป็นบางครั้งด้วยสีหน้าประหลาดใจแต่มีความสุข

ในที่สุดไทเฮาก็ได้ทอดพระเนตรเห็นเขา พระนางรู้สึกถึงท่าทีแปลกๆ ของท่านอาจารย์จ้าน แต่จากสายตาของเขาดูเหมือนว่าพวกเขาเคยรู้จักกันมาก่อน นางสูงวัยมากแล้ว ความจำไม่ค่อยดีนัก หลังจากคิดไปมาสักพักนางก็จำไม่ได้เหมือนเดิม

“ท่าน..ท่านคืออาหมาน คุณหนูจากสกุลเจิ้งใช่หรือไม่?” อาจารย์จ้านเอ่ยถามออกมาอย่างตื่นเต้น น่าจะใช่เพราะเซียวซานหลางเรียกนางว่าไทเฮา

“ท่านคือ…” ไทเฮาตรัสถามอย่างลังเล

“ข้าชื่อจ้าน อู่เยี่ยน” ไทเฮาชะงักนิ่งไป หากแม่นมฉู่กลับร้องขึ้นว่า

“เป็นเจ้า เจ้าคนอันธพาลผู้นั้น!” เสียงของแม่นมฉู่ดังมากจนทำให้คนทั้งหมดหันมามอง

คนอันธพาลหรือ? ไม่คิดเลยว่าอาจารย์จ้านตอนสมัยเป็นหนุ่ม จะเกเรเช่นนี้

ถังหลี่อดอยากรู้อยากเห็นไม่ได้ ใบหน้าของอาจารย์จ้านร้อนวาบ โชคดีที่เขาผิวคล้ำ จึงไม่มีใครเห็นว่าเขาหน้าแดง

“ไม่ใช่ข้า ข้าไม่ได้เป็นคนทำ อย่าพูดไร้สาระ!” อาจารย์จ้านรีบปฏิเสธขึ้นมาอย่างว่องไว

ต่อหน้าลูกศิษย์ของเขา เขาย่อมไม่อาจทำให้ภาพพจน์ของตนเสื่อมเสีย อาจารย์จ้านรีบอธิบายอย่างรวดเร็วว่า เกือบห้าสิบปีที่แล้ว ในตอนนั้นไทเฮายังเป็นแค่อาหมานคุณหนูจากสกุลเจิ้ง นางเป็นสาวน้อยไร้เดียงสา อ่อนไหว ขี้เล่น นางชอบปลอมตัวเป็นเด็กหนุ่มออกไปดูละครบ่อยครั้ง ครั้งหนึ่งมีอันธพาลต้องการทำร้ายนาง แต่กลับถูกจ้านอู่เยี่ยนขัดขวาง ช่วยเอาไว้ได้ เขากลายเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงาม

หลังจากถูกจ้านอู่เยี่ยนทุบตี อันธพาลผู้นั้นวิ่งหนีไป ฉู่เยว่หรือแม่นมฉู่ได้นำคนมาช่วยเหลือ เมื่อเห็นเจ้านายของตนหมดสติอยู่กับจ้านอู่เยว่ นางจึงคิดว่าจ้านอู่เยี่ยนเป็นคนทำร้ายคุณหนูของตน นางไล่ทุบตีเขา ในตอนนั้นอาหมานโดนคนลามก วางยาจนหมดสติ เมื่อนางตื่นขึ้นมาจ้านอู่เยี่ยนก็หายไปแล้ว

หลังจากเรื่องเกิดขึ้น ความเข้าใจผิดนี้ไม่เคยได้รับการแก้ไข ฉู่เยว่จึงถือว่าจ้านอู่เยี่ยนเป็นคนอันธพาลผู้นั้นมาตลอด พอพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ไทเฮาทรงระลึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในปีนั้นได้

พระนางทอดพระเนตรจ้านอู่เยว่ ตรัสว่า

“อาจารย์จ้านเป็นคนช่วยข้าเอาไว้”

ห้าสิบปีผ่านไป อาจารย์จ้านแทบหลั่งน้ำตาออกมาที่เขาได้รับความยุติธรรม แม่นมฉู่จึงได้เอ่ยปากขอโทษอาจารย์จ้านโดยกล่าวว่าเป็นความเข้าใจผิดของนางเอง

อาจารย์จ้านโบกมืออย่างใจกว้าง

“เป็นเรื่องบังเอิญและมีการเข้าใจผิดเกิดขึ้น โชคดีเหลือเกินที่ได้รับการแก้ไข” อาจารย์จ้านมองไทเฮา เขาไม่คาดคิดเลยว่า หลังจากผ่านไปหลายปีแล้ว เขายังได้เห็นนาง พวกเขายังมีชีวิตอยู่จนได้พบกันอีกครั้ง

อาจารย์จ้านรู้ว่านางเป็นไทเฮา แต่เขาไม่อยากเรียกนางว่าไทเฮา เขาต้องการเรียกชื่อของนางเช่นสมัยที่นางยังเป็นสตรีในห้องหอ

“อาหมานสกุลเจิ้ง เรามานั่งคุยรำลึกถึงความหลังกันเถิด” ทั้งไทเฮาและอาจารย์จ้านไม่ได้คุ้นเคยกันดีนัก แต่พวกเขามีอายุไล่เรี่ยกัน แม้จะมากด้วยวัยแล้วแต่ทั้งคู่ก็ยังอยากพูดคุยกันถึงเรื่องเก่าๆที่ผ่านมา

ทั้งสองคนเข้าไปในห้องดื่มชา ถังหลี่ชงชาให้พวกเขาคุยกันถึงเรื่องในอดีต

เซียวซานหลางเหลือบมองไปทางห้องดื่มชาด้วยสีหน้าครุ่นคิด

ไทเฮาและอาจารย์จ้านได้สนทนาติดต่อกันหลายชั่วยาม เมื่อไทเฮาเริ่มมีพระอาการอ่อนล้า อาจารน์จ้านจึงได้หยุดการสนทนาเอาไว้ เขาขอให้พระนางทรงพักผ่อน

ฝนหยุดตกแล้ว ท้องฟ้าภายนอกสดใส

เซียวซานหลางและอาจารย์จ้านนั่งเคียงคู่กันที่เบาะด้านนอก

“ชีวิตข้าปล่อยวางได้แล้ว” อาจารย์จ้านอารมณ์ดี เขาปล่อยลมหายใจออกมาเงียบๆ

เซียวซานหลางหันไปมอง เห็นอาจารย์มีรอยยิ้มจางๆบนริมฝีปาก

“ซานหลาง เจ้ายังอายุไม่ถึงสี่สิบดี ยังไม่ชราเกินไป ไม่คิดแต่งภรรยาสักคนแล้วใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเล่า?” อาจารย์จ้านเอ่ยถาม เซียวซานหลางยิ่งมั่นใจในเรื่องที่เขาคาดคะเนมากขึ้น

“อาจารย์ ข้าเคยได้ยินมาก่อนว่าท่านไม่แต่งงานเพราะผู้หญิงคนนั้น…”

เซียวซานหลางพูดไม่จบประโยคดี แต่ทั้งคู่รู้ดีว่านางเป็นใคร?

ใบหน้าของอาจารย์จ้านร้อนวาบ เขาประหม่า

“เหตุใดบิดาเจ้าถึงได้เล่าทุกอย่างให้เจ้าฟังเลยหรือ?”

“แล้วท่าน..” เซียวซานหลางยังคงเฝ้ารอคำตอบจากเขา

อาจารย์จ้านไม่มีทางเลือก เขาต้องยอมรับว่า

“เป็นอาหมานแห่งสกุลเจิ้งจริงๆ…”

“โอ้…ฮ่าๆๆ” เซียวซานหลางอยากรู้ว่าผู้หญิงที่ทำให้อาจารย์ของเขาไม่ยอมแต่งงานทั้งชีวิตผู้นั้นคือใคร บัดนี้เขาได้รับคำตอบแล้ว

“เด็กน้อย เจ้าวอนหาเรื่องโดนทุบตีหรือ?” อาจารย์จ้านโกรธ เขาลงจากตั่งทำท่าจะเข้ามาทุบตีลูกศิษย์ของตน

“ท่านอาจารย์ ช้าก่อนๆ หากคนผู้นั้นเห็นท่านโหดร้ายกับข้า…” เซียวซานหลางยกขึ้นมาขู่

เมื่อได้ยินลูกศิษย์พูดขึ้น อาจารย์จ้านจึงได้สงบท่าทีดุร้ายลงได้

“ข้าไม่ได้โหดร้าย ข้าเป็นคนเงียบๆ” อาจารย์จ้านตะคอกใส่เซียวซานหลาง

“ใช่ๆ ท่านเป็นคนเงียบๆ เรียบร้อย” เซียวซานหลางทำท่าเออออเห็นด้วย แต่ก็อดสงสัยไม่ได้

“อาจารย์แล้วเกิดอะไรขึ้นระหว่างท่านกับสตรีผู้นั้น?”

มีเรื่องราวบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในใจของจ้านอู่เยี่ยนมานาน นานจนเขาอยากหาใครมาคุยด้วยจริงๆ อย่างน้อยก็ไม่ต้องเอาเรื่องนี้ใส่โลงศพแล้วฝังไปพร้อมกับตัวเอง

อาจารย์จ้านจึงได้เอ่ยปากเล่าออกมา

“ที่จริงก็ไม่มีอะไรมาก สตรีผู้หนึ่งเป็นที่รักใคร่โปรดปรานของสกุลชั้นสูงในเมืองหลวง ส่วนอีกคนเป็นบุตรชายที่เกิดจากอนุภรรยาไม่เป็นที่โปรดปรานของตระกูลร่ำรวย พวกเขาเคยพบในช่วงเทศกลาโคมไฟ ชายหนุ่มตกหลุมรักหญิงสาวตั้งแต่แรกเห็น เขาให้ความสนใจนางอยู่เงียบๆ ครั้งหนึ่งจึงได้ช่วยเหลือนางเอาไว้ แต่กลับไม่มีความกล้าที่จะให้นางรู้ ต่อมาสตรีผู้นั้นได้แต่งเข้าไปในตำหนักองค์รัชทายาท นางกลายเป็นองค์หญิง ชายคนนั้นจึงได้ออกไปร่วมกับกองทัพ เขาไต่เต้าจากทหารชั้นผู้น้อย ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่ได้พบกันอีกเลย”

ในที่สุดเซียวซานหลางก็เข้าใจ

อาจารย์ของเขาแอบหลงรักไทเฮาโดยที่นางไม่ได้ล่วงรู้ด้วยเลย

มีหญิงผู้หนึ่งแอบซ่อนอยู่ในใจของเขา สตรีผู้นั้นไม่ได้รับรู้เกี่ยวกับตัวตนของเขา แต่เขายังเลือกที่จะอยู่คนเดียว เฮ้อ…อาจารย์ของเขาช่างเป็นคนอ่อนไหวจริงๆ ต่อมาอาจารย์ได้ประสบความสำเร็จในเรื่องศิลปะการต่อสู้ กลายเป็นปรมาจารย์ที่ผู้คนพากันนับถือ แต่สตรีผู้นั้นได้กลายเป็นภรรยาและมารดาของคนอื่นไปแล้ว ทั้งยังมีช่องว่างระหว่างสถานะของคนทั้งคู่คอยขวางกั้นเอาไว้

แต่จ้านอู่เยี่ยนไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากห้าสิบปีล่วงผ่านไป พวกเขากลับได้มาเจอกันอีกครั้ง

มันคือโชคชะตาหรือ?