บทที่ 742 ชะตากรรมของจูชุนเจียว

เซียวซานหลางกล่าวว่า

“ท่านอาจารย์ โชคชะตาได้กำหนดท่านกับไทเฮาเอาไว้แล้ว..”

อาจารย์จ้านโบกมือให้เขาหยุดปาก

“แค่ข้าได้เจอนางอีกครั้งหนึ่งในชีวิตนี้ ก็นับว่าเป็นพรจากสวรรค์แล้ว อย่าได้คิดให้มากเกินไปจากนั้นเลย วัยนี้แล้วใครจะมาคิดถึงเรื่องความรักเหมือนคนหนุ่มสาวอีกเล่า ข้าได้เห็นนางอยู่สุขสบาย ข้าก็ยินดีมากแล้ว” น้ำเสียงของเขาปล่อยวางอย่างไม่อนาทรร้อนใจอีกต่อไป

เย็นวันนั้นหลังจากเว่ยฉิงกลับมา เขาก็ได้ยินว่าลุงสามของเขามาถึงเมืองหลวงแล้ว เว่ยฉิงดีใจมาก เขาไม่ได้เจอท่านลุงและอาจารย์หลายปีแล้ว เขาคิดถึงท่านลุงมาก เว่ยฉิงรีบไปหาพวกเขาโดยที่ไม่ได้เปลี่ยนชุดพิธีการเสียด้วยซ้ำ

“ท่านลุง!” เว่ยฉิงมองเซียวซานหลาง เห็นเขาท่าทางสง่างาม ดูสุขภาพดีขึ้นมาก ก็ตื่นเต้นยินดีอย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียว

เซียวซานหลางตบแขนเว่ยฉิง ถ้อยคำนับพันที่เตรียมจะเอ่ยชมเขากลับกลายเป็นแค่ประโยคเดียว

“เว่ยฉิง เจ้าทำได้ดีมาก” เว่ยฉิงเห็นอาจารย์จ้าน เขาร้องเรียก

“ท่านอาจารย์!” หลายปีที่ผ่านมา เขาได้รับประโยชน์จากการเรียนรู้ไม่น้อย ท่านลุงได้สอนศิลปะการต่อสู้ให้เขา ส่วนอาจารย์จ้านก็สอนตำราพิชัยสงครามให้เขา ทั้งคู่คอยชี้แนะให้คำปรึกษาแก่เขาเป็นอย่างดี

อาจารย์จ้านเขย่งเท้าตบบ่าเว่ยฉิง

“พวกเจ้าลุงกับหลานคุยกันไปเถิด ข้าขอตัวไปชมดวงจันทร์สักหน่อย” หลังจากพูดจบเขาก็เดินออกไปจากห้อง

ลุงกับหลานชายไม่ได้เจอกันมานานมากแล้ว เป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะมีเรื่องให้คุยกันมากมาย เว่ยฉิงถามเรื่องสุขภาพของท่านลุงก่อน ส่วนเซียวซานหลางก็ได้ถามถึงเรื่องราวในปีที่ผ่านมาของเว่ยฉิง เขารู้ว่าสิ่งที่เว่ยฉิงทำลงไปเป็นเรื่องไม่ง่าย การที่จะฟื้นคดีของสกุลเซียวขึ้นมาใหม่ทำให้ชีวิตของหลานชายและครอบครัวต้องตกอยู่ในอันตรายบ่อยครั้ง โชคดีเหลือเกินที่หลังจากฝนหยุดตก ฝุ่นก็ได้จางหายไป

“ไปไหว้ท่านปู่ ท่านย่า มารดา และลุงทั้งสองของเจ้า บอกข่าวดีให้พวกเขารับรู้เถิด” เซียวซานหลางเอ่ยขึ้น

เซียวซานหลางได้นำป้ายวิญญาณของบรรพบุรุษของเขาติดตัวมาด้วย นี่เป็นบ้านเกิดของพวกเขา เขาต้องพาคนเหล่านี้กลับมายังบ้านเกิดของตน

ลุงและหลานชายจุดธูปพร้อมกับโค้งคำนับสามครั้งติดกัน

“ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ใหญ่ พี่รอง น้องเล็ก ข้าจะมาแจ้งข่าวดีให้พวกท่านได้รับรู้ ตอนนี้เรื่องของสกุลเซียวได้รับการแก้ไขแล้ว ทั้งหมดนี้เป็นเพราะอาฉิง เขาเติบโตขึ้นมาก เขาดูแลตนเองได้เป็นอย่างดี ดีกว่าเด็กบ้านอื่นมากนัก …ข้าเคยพูดให้พวกท่านฟังแล้วว่า อาฉิงแต่งงานและมีภรรยาแล้ว ตอนนี้พวกเขามีบุตรฝาแฝดหญิงหนึ่งชายหนึ่ง ทั้งสองคนเป็นเด็กน่ารักมาก”

เซียวซานหลางกล่าวกับป้ายวิญญาณ ในขณะที่พูดดวงตาของเขาแดงก่ำ เขาทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ เปิดขวดสุราแล้วดื่มตามลำพัง เขาเมาและเริ่มเลอะเลือน เหมือนได้กลับไปยังสกุลเซียวในอดีตอีกครั้ง

คืนเทศกาลโคมไฟ ทุกคนได้มารวมตัวกัน นั่งกินอาหารเย็นพร้อมกับเสียงหัวเราะ ข้างนอกมีดอกไม้ไฟถูกจุดขึ้นมา ทุกหนทุกแห่งเต็มไปด้วยความรื่นเริง หลานชายตัวน้อยน่ารักกระทืบเท้าร้องให้คนอุ้มเขา พี่สะใภ้รองวิ่งไปอุ้มหลานชายตัวน้อยขึ้นมา พร้อมกับต่อว่านิสัยที่เอาแต่ใจของเขา

ท่านพ่อและพี่รองเป็นนักดื่มตัวฉกาจ พวกเขาดื่มเหล้าด้วยกัน พี่สะใภ้ถามว่าชอบผู้หญิงแบบไหน? มารดาของเขานั่งรอฟังคำตอบจากเขาด้วยรอยยิ้ม เซียวซานหลางให้คำตอบที่คลุมเครืออย่างเขินอาย พี่สะใภ้กับมารดาแอบสบตากันอย่างจนใจ

เซียวซานหลางดื่มเหล้ามากจนในที่สุดจึงได้เผลอคว่ำหน้าหลับไปที่โต๊ะนั่นเอง

เว่ยฉิงมองลุงสามของตนที่หลับคาโต๊ะพร้อมกับมีรอยยิ้มที่มุมปากของเขา ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรถึงได้มีความสุขมากขนาดนั้น

ลุงเฮยเข้ามาช่วยพยุงเซียวซานหลางออกไป เหลือเพียงเว่ยฉิงอยู่ตามลำพังในห้อง

เขามองดูป้ายวิญญาณอย่างงุนงง พยายามจินตนาการถึงรูปร่างของคนเหล่านั้น แต่ความจำของเขาไม่สู้ดีนัก เขาจำแทบไม่ได้ จำได้แค่ไม่กี่อย่างเท่านั้น มีสองมือที่คอยกุมมือเขาเอาไว้อย่างอบอุ่น…

ตอนที่เขายังเป็นเด็ก เขาจำได้แต่ว่ามารดาค่อนข้างเย็นชาและเข้มงวดกับเขาราวกับว่านางไม่ค่อยชอบเขา แต่ต่อมาเขาจึงได้รับรู้ว่าแท้จริงแล้วนางรักเขามาก เขาจำได้ถึงแววตาที่อ่อนโยนของมารดายามทอดสายตามองเขา แต่ตอนนี้ก็ไม่มีมือที่อบอุ่นคู่นั้นอีกแล้ว

ในขณะที่เขากำลังตกอยู่ในภวังค์ มือของเขาก็ถูกใครบางคนเอื้อมมากุมไว้ให้ความรู้สึกที่อบอุ่นทว่าแตกต่างจากในความทรงจำของเขา

“สามี…” ถังหลี่เรียกเขาเบาๆ เว่ยฉิงหันไปมองเห็นถังหลี่ยืนอยู่ข้างๆ

ประตูห้องเปิดอยู่ นางเห็นท่าทางที่เศร้า เหงาของเขา ถังหลี่ทุกข์ใจ นางเรียกเขาถึงสองครั้งกว่าเว่ยฉิงจะรู้สึกตัว นางดึงเขาให้กลับมาสู่ความอบอุ่นและความสุขอีกครั้ง

“ภรรยา…ท่านลุงพาท่านแม่และญาติคนอื่นๆ ของข้ามาด้วย” ถังหลี่มองป้ายวิญญาณ เมื่อก่อนพวกเขาต้องตั้งป้ายแล้วแอบไหว้อย่างลับๆ แต่ตอนนี้พวกเขาทำได้อย่างเปิดเผยแล้ว

ช่างดีเหลือเกิน!

ในฐานะลูกสะใภ้สกุลเซียว ถังหลี่ได้จุดธูปแสดงความเคารพต่อบรรดาญาติของสามี จากนั้นทั้งคู่จึงกลับไปที่ห้องของตน

หลังจากอาบน้ำแล้วเว่ยฉิงสวมกอดถังหลี่ นางตัวเล็กมากเมื่ออยู่ในอ้อมกอดของเขา เว่ยฉิงเกยคางของตนบนไหล่ของภรรยา ทั้งคู่ดูสนิทชิดเชื้อกันอย่างแยกไม่ออก

“ภรรยา มีข่าวมาจากจ้าวต้วน” เขาเอ่ยปาก

ข่าวจากจ้าวต้วน …น่าจะเกี่ยวข้องกับจ้าวชูสินะ

ถังหลี่เป็นกังวลขึ้นมา

“ข่าวว่าอย่างไร?”

“จ้าวชูถูกยิงเสียชีวิต หวังกุ้ยเฟยถูกจับเป็น ตอนนี้จ้าวต้วนกำลังเดินทางกลับมาเมืองหลวงพร้อมกับศพของจ้าวชูและหวังกุ้ยเฟย”

ถังหลี่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

เดิมทีจ้าวชูคือตัวเอกของนวนิยายเรื่องนี้ ตราบใดที่เขายังมีชีวิตอยู่ถังหลี่กังวลว่าเขาจะกลายเป็นสัตว์ร้าย ตอนนี้เมื่อเขาเสียชีวิตแล้วนางรู้สึกโล่งใจมาก

“ลูกชายของจ้าวต้วนเป็นอย่างไรบ้าง”

“เริ่มดีขึ้นแล้วแต่คงใช้เวลา” เว่ยฉิงว่า

“มีข่าวเกี่ยวกับจูชุนเจียวหรือไม่บ้าง? นางเป็นอย่างไรบ้าง?” ถังหลี่ถาม

“จูชุนเจียวอยู่ในเมือง ค่อนข้างจะพูดยาก พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไปหานาง” ถังหลี่พยักหน้ารับ คำว่า “ค่อนข้างจะพูดยาก” ของเว่ยฉิงน่าจะหมายถึงน่าสังเวชมากกว่า นางก็อยากเห็นสภาพของจูชุนเจียวเช่นกัน

เว่ยฉิงกระพริบตา เขาเลื่อนหน้าไปใกล้ใบหูของนางและพูดจาหยอกเย้าว่า

“ฮูหยิน เราเข้านอนกันเถิด” ในแสงเงาจากตะเกียงคืนนั้นมีเงาร่างทั้งสองแนบชิดกันอยู่ ท่ามกลางแสงสลัวในคืนที่พระจันทร์ลอยเด่นในท้องนภาราตรีนี้ยังอีกยาวไกล

การมาถึงของเซียวซานหลางและคนอื่นๆ ทำให้จวนสกุลอู่มีชีวิตชีวามากขึ้น ไทเฮาประทับอยู่ที่สนามหญ้าในเรือนพำนักพร้อมมู่เป่าและถังเป่า อาจารย์จ้านเดินเข้าไปหามู่เป่า เด็กน้อยทั้งสองไม่มีปัญหาในการสื่อสารกับคนสูงอายุ ไม่นานนัก อาจารย์จ้านก็กลายเป็นสหายกับมู่เป่า เด็กชายมอบของเล่นชิ้นโปรดให้กับเขา

ส่วนเซียวซานหลางพาลุงเฮยไปชมสถานที่คุ้นเคย

……

เว่ยฉิงพาถังหลี่ไปในหอนางโลมที่ตั้งอยู่ในเขตชานเมืองตะวันตก สาวๆ ในหอไม่ได้งดงามเหมือนหอนางโลมในย่านใจกลางเมืองหลวง ส่วนมากมีอายุและแต่งกายด้วยชุดธรรมดา ลูกค้าส่วนใหญ่ล้วนเป็นพ่อค้าและคนใช้แรงงานทั่วไป

เว่ยฉิงให้เงินแก่แม่เล้าพร้อมกับพาถังหลี่ไปที่สวนด้านหลัง ที่นั่นสกปรกมาก บันไดปกคลุมไปด้วยตะไคร่และแอ่งน้ำเล็กๆ ที่เหม็นสกปรก

“ขโมยของกินหรือ!” ในมุมหนึ่งมีคนกำลังโดนทุบตีอยู่ หญิงดุร้ายทุบตีอีกฝ่ายด้วยไม้ก่อนจะจากไป คนที่โดนตีมีรอยช้ำ ทั้งสกปรกและเหม็นสาบเหมือนขอทาน ถังหลี่มองนางแล้วอดไม่ได้ที่จะหันไปสบตากับเว่ยฉิง

นั่นคือจูชุนเจียวหรือ?

ชายหนุ่มพยักหน้า ถังหลี่ประหลาดใจมาก เหตุใดนางจึงเป็นแบบนี้ไปได้

“จูชุนเจียวแอบหนีไปในตอนที่นางรู้ว่าจ้าวชูพ่ายแพ้ นางนำเงินหนีออกจากเมืองหลวงแต่เพราะโดนปล้นนางจึงตกหน้าผา กลายเป็นคนปัญญาอ่อนไป คนที่ช่วยชีวิตนางเอาไว้ เห็นนางหน้าตาสะสวย จึงได้จับมาขายในซ่อง ใบหน้าที่ยังมีเค้าความงามของนางทำให้แม่เล้าพอใจ แต่เมื่อแม่เล้าบังคับให้นางไปรับแขก แม้นางจะปัญญาอ่อนไปแล้ว แต่ความเย่อหยิ่งยังคงมีอยู่ นางไม่ยอมรับแขก จึงโดนกรีดใบหน้าให้เสียโฉมกลายเป็นเช่นนี้ไป”

ถังหลี่ตกตะลึงพรึงเพริด ภายในเวลาไม่กี่สิบวันจูชุนเจียวได้พบการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ นางสูญเสียโชคที่ได้มาจากลิขิตสวรรค์ไปจนหมด แต่ถังหลี่ไม่เห็นใจนางเลยสักนิด สมควรแล้วที่จะต้องเป็นแบบนี้ นี่คือผลกรรมที่นางทำร้ายผู้อื่น จูชุนเจียวทำร้ายผู้คนมามากมาย หากพูดเช่นนี้แล้วถือว่าการกลับชาติมาเกิดย่อมเป็นผลที่ไม่น่าพอใจ ในนวนิยายต้นฉบับจูชุนเจียวหรือที่รู้จักกันในชื่อของกู้อิ๋นได้ขายเจ้าของร่างเดิมของถังหลี่ให้กับซ่อง นางถูกทรมานจนตาย ผลกรรมได้วนกลับมาหาจูชุนเจียวแล้วในวันนี้

“สามี กลับกันเถิด” เว่ยฉิงพยักหน้าเขาดึงมือถังหลี่กลับไป