บทที่ 725 ภักดีแด่องค์ราชัน

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 725 ภักดีแด่องค์ราชัน

บทที่ 725 ภักดีแด่องค์ราชัน

“ถูกต้องแล้วคุณหนูซ่าง ข้าได้ยินมาว่าเจ้ามีไหวพริบเป็นเลิศ เจ้ามีข้อเสนอแนะอะไรหรือไม่?” พวกนางต่อสู้เคียงข้างกันก่อนหน้านี้ ดังนั้นเพ่ยเหมียนหมานจึงมีทัศนคติที่ดีต่อซ่างเฉี่ยน

“เราสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและแจ้งอ๋องเหลียงได้ พวกเขาจะรีบชิงตัวนายน้อยซูกลับมาอย่างแน่นอน” ซ่างเฉี่ยนกล่าว

เพ่ยเหมียนหมานส่ายหัว “อย่าเลย ไม่ต่างอะไรจากช่วยเขาจากถ้ำหมาป่าแล้วโยนเขาเข้าไปในถ้ำเสือ”

แม้ว่าซูอันจะบอกนางแล้วว่าเขามีแผนจะทำอะไรในเมืองหลวง แต่เป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการถึงสิ่งที่เขาสามารถทำได้กับจักรพรรดิผู้ไร้เทียมทาน

นี่คือเหตุผลที่นางไม่เต็มใจที่จะเห็นเขาตกไปอยู่ในมือของอ๋องเหลียงอีกครั้ง

ซ่างเฉี่ยนเงียบไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “ถ้าเป็นเช่นนั้นเราคงทำได้แค่ช่วยเขาด้วยกำลังของเราเอง ก่อนหน้านี้ข้าได้จัดวางกำลังคนของข้าอยู่ที่โรงเตี๊ยมใกล้เคียง ซึ่งข้าคาดว่าพ่อของข้าน่าจะต้องถูกนำตัวไปพักที่นั่นเป็นสถานที่ต่อไปเพื่อเอาไว้คอยคุ้มกัน แต่ไม่นึกเลยว่าจะมีการซุ่มโจมตีเกิดขึ้นที่นี่ซะก่อน ข้าจึงรีบออกมาเพียงลำพัง แต่ดูเหมือนว่าการเตรียมการก่อนหน้าที่ข้าทำไว้น่าจะไม่สูญเปล่าแล้ว ข้ามั่นใจว่าคนของสำนักมารจะต้องไปพักที่โรงเตี๊ยมแห่งนั้นกันก่อนจะออกเดินทางต่อไปแน่นอน ซึ่งนั่นจะเป็นโอกาสให้เราและเหล่าลูกน้องของข้าอยู่ในจุดที่พร้อมจะเข้าช่วยเหลือซูอัน”

“เฉี่ยนเอ๋อร์!” ซ่างเชียนรู้สึกขัดใจ เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าซูอันจะต้องตาย เขาไม่มีความปรารถนาที่จะช่วยเหลือซูอันอย่างแน่นอน

ซ่างหงพูดขึ้นมา “เชียนเอ๋อร์ พวกเรายังคงเป็นนักโทษ ถ้าเราสามารถช่วยซูอันได้ เราก็จะมีความดีความชอบ จักรพรรดิจะยินดีที่รู้ว่าเราทำอะไรลงไป และเขาอาจจะลบล้างความผิดให้เราด้วยซ้ำ”

ด้วยคำอธิบายนี้ ในที่สุดซ่างเชียนก็เข้าใจ เขาตอบด้วยเสียงคำราม แต่หัวใจยังคงเต็มไปด้วยความรู้สึกอยุติธรรม

เจิ้งตานอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “แต่พวกคนจากสำนักมารนั้นแข็งแกร่งจริง ๆ เราจะเอาชนะพวกเขาได้ไหม?”

ซ่างเฉี่ยนยิ้ม “พี่สะใภ้ มีหลายเรื่องในโลกนี้ที่จัดการได้โดยไม่ต้องใช้กำลัง แค่ใช้ไหวพริบ”

“ไหวพริบ?” เจิ้งตานรู้สึกสับสน

“ไปที่เมืองเล็ก ๆ นั้นก่อน” ซ่างเฉี่ยนกล่าวตอบ “พวกเขาจะต้องผ่านมันไปเช่นกัน ข้าจะอธิบายเรื่องนี้ไปพร้อมกัน”

“แต่พวกสำนักมารมีระดับการบ่มเพาะที่สูงกว่าพวกเราและพวกเขาก็เดินทางไปตั้งนานแล้ว มันจะเป็นไปได้ยังไงที่เราจะไปดักหน้าพวกเขาทัน?” เพ่ยเหมียนหมานสงสัย

ซ่างเฉี่ยนให้ความมั่นใจกับนางอย่างรวดเร็ว “ก่อนหน้านี้ ข้าได้รู้เกี่ยวกับเส้นทางเล็ก ๆ ระหว่างภูเขาจากพวกพรานท้องถิ่น ซึ่งสั้นกว่าเส้นทางหลักมาก นั่นคือเส้นทางที่ข้าใช้มาที่นี่ หากเราเดินตามเส้นทางลัดนี้เราน่าจะไปถึงเมืองก่อนพวกเขา”

ดวงตาของเพ่ยเหมียนหมานเป็นประกาย “ดี! งั้นพวกเรารีบไปกันเถอะ!”

ระหว่างที่พวกเขาเดินผ่านป่า ซ่างเชียนพยายามอย่างหนักที่จะเริ่มต้นการสนทนากับเพ่ยเหมียนหมานตลอดทาง “แม่นางเพ่ย ทำไมเจ้าต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องทั้งหมดนี้ด้วย? เจ้าทำเช่นนี้เพราะมันคือความประสงค์ของตระกูลเพ่ยหรือยังไง?”

เพ่ยเหมียนหมานส่ายหัว “ข้ามาของข้าเอง ตระกูลเพ่ยไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการกระทำของข้าในครั้งนี้”

“ถ้าอย่างนั้นแม่นางเพ่ยก็เป็นเทพธิดาผู้รักความยุติธรรมอย่างแท้จริง!” ซ่างเชียนกล่าวชื่นชม “ข้าได้ยินมาว่าแม่นางเพ่ยและแม่นางฉู่เป็นเพื่อนสนิทกัน ดังนั้นแล้วการที่แม่นางเพ่ยยื่นมือเข้าช่วยเหลือคงเป็นเพราะทนเห็นไม่ได้ที่สามีของเพื่อนสนิทกำลังลำบากใช่หรือไม่”

“ท่านยกยอข้าเกินไปแล้ว!” เพ่ยเหมียนหมานตอบกลับด้วยน้ำเสียงประชด ในใจของนางไม่ค่อยพอใจ เห็นได้ชัดว่าซ่างเชียนพยายามจะบอกว่าซูอันเป็นสามีของฉู่ชูเหยียน และนางไม่ควรคิดเรื่องใด ๆ เกี่ยวกับเขา

สายตาของซ่างเชียนอดไม่ได้ที่จะแวะเวียนไปที่หน้าอกของนาง ซึ่งกระเพื่อมขึ้นลงตามย่างก้าว ผู้หญิงคนนี้เหลือเชื่อจริง ๆ! ขนาดกำลังโกรธนางยังสวยอยู่เลย

“ท่านต้องการอะไรอีกหรือไม่ นายน้อยซ่าง?” เพ่ยเหมียนหมานค่อนข้างรำคาญสายตาของเขา ถ้านางไม่จำเป็นต้องพึ่งพาซ่างเฉี่ยนในการช่วยเหลือซูอัน นางก็คงจะทุบหัวเขาไปแล้ว

“แม่นางเพ่ย เจ้าไม่ต้องกังวล หากเจ้าพบว่าตัวเองตกอยู่ในอันตราย ข้าจะเป็นคนแรกที่รีบช่วยเจ้าอย่างแน่นอน” ซ่างเชียนรู้สึกว่าอาการบาดเจ็บของเขาในตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว ดังนั้นความมั่นใจตามปกติของเขาจึงกลับมา

เพ่ยเหมียนหมานยิ้ม “ขอบคุณ แต่นายน้อยซ่างควรปกป้องคู่หมั้นของท่านมากกว่าข้าไม่ใช่เหรอ?”

เจิ้งตานไม่พอใจ

เห็นได้ชัดว่าชายคนนี้กวนใจเจ้า ทำไมนางต้องมาลากข้าไปเกี่ยวด้วย!

ซ่างเชียนเหลือบมองเจิ้งตานและพูดอย่างไม่พอใจ “ข้าว่าแม่นางเจิ้งไม่ต้องการให้ข้ากังวลเกี่ยวกับนางสักเท่าไหร่หรอก”

แน่นอนว่าเขายังโกรธเจิ้งตานที่เป็นห่วงซูอันอย่างออกนอกหน้า

เจิ้งตานยิ้ม แต่นางไม่ได้พูดอะไร ความสัมพันธ์ของนางกับตระกูลซ่างถูกทำลายจนเกินเยียวยาแล้ว แต่นางก็ไม่รู้สึกเสียใจแม้แต่น้อย

ซ่างเชียนวิ่งไปหาเพ่ยเหมียนหมานเพื่อคุยกับนาง ในขณะเดียวกัน ซ่างเฉี่ยนก็พูดไม่ออกเมื่อเห็นสิ่งนี้

พี่ชายของข้าโง่หรือไง? วิธีการจีบผู้หญิงของเขาช่างไร้ยางอายจริง ๆ

ในที่สุดเพ่ยเหมียนหมานก็หมดความอดทน นางเดินมาถามซ่างเฉี่ยนเกี่ยวกับแผนการ “แม่นางซ่าง เจ้าหมายความว่ายังไงที่บอกว่าเราจะเอาชนะพวกเขาได้?”

ซ่างเฉี่ยนรู้สึกขอบคุณที่เพ่ยเหมียนหมานเดินเข้ามาหานางเพราะมันทำให้นางไม่ต้องมองความไร้ยางอายของพี่ชายตัวเอง นางจึงรีบอธิบายสิ่งที่นางคิดในใจ

“ระดับการบ่มเพาะของพวกเขาสูงกว่าเรา ดังนั้นการเผชิญหน้าโดยตรงไม่ใช่เรื่องที่ควร เราจึงต้องใช้วิธีอื่น ยกตัวอย่างเช่น…พิษ”

“พิษ?” เพ่ยเหมียนหมานขมวดคิ้ว “ผู้บ่มเพาะสำนักมารเหล่านั้นล้วนแล้วแต่แข็งแกร่ง ยาพิษธรรมดา ๆ คงใช้กับพวกนั้นไม่ได้ นับประสาอะไรกับความจริงที่ว่าพวกเขาทั้งหมดเป็นเหล่าผู้บ่มเพาะที่มีประสบการณ์มากมายเกี่ยวกับการเล่นนอกกฎ โอกาสที่เราจะทำสำเร็จนั้นน้อยมาก”

มุมริมฝีปากของซ่างเฉี่ยนโค้งขึ้นเผยให้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าได้ใช้ความพยายามอย่างมากในการจัดหา ‘ภักดีแด่องค์ราชัน’”

“’ภักดีแด่องค์ราชัน’?” เจิ้งตานที่ฟังอยู่เงียบ ๆ ตลอดเวลา อุทานด้วยความประหลาดใจ “พิษอัศจรรย์ที่ขึ้นชื่อว่าไร้สีไร้กลิ่นและส่งผลร้ายแรงอย่างยิ่งต่อพลังชี่ของผู้บ่มเพาะ!”

นางเคยเป็นหัวหน้าของกลุ่มวาฬ และมีความรู้ในด้านนี้พอสมควร

“เป็นเช่นนั้น ด้วยพิษนี้ไม่สำคัญว่าผู้บ่มเพาะสำนักมารจะแข็งแกร่งเพียงใด” ซ่างเฉี่ยนกล่าวอย่างภาคภูมิใจ

อารมณ์ของเพ่ยเหมียนหมานดีขึ้นมาก ตอนนี้มีความหวังที่จะช่วยซูอันแล้ว “สติปัญญาของแม่นางซ่างช่างเฉียบแหลมสมคำร่ำลือจริง ๆ”

ใบหน้าของซ่างเฉี่ยนแดงขึ้น “นี่เป็นกลวิธีเล็ก ๆ น้อย ๆ ง่าย ๆ ไม่ได้มีอะไรพิเศษ”

กลุ่มของพวกเขารีบไปที่เมืองเล็ก ๆ ที่วางแผนเอาไว้