บทที่ 726 เจ้ากำลังดูถูกพวกเราหรือไง

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 726 เจ้ากำลังดูถูกพวกเราหรือไง?

บทที่ 726 เจ้ากำลังดูถูกพวกเราหรือไง?

ไม่นานหลังจากที่พวกเขาไปถึง รถม้าอีกคันก็เข้าไปในเมืองอย่างช้า ๆ

“บุตรีสวรรค์ พวกเราหยุดพักผ่อนที่นี่ก่อนเถอะ” สายฟ้าเดียวดายกล่าว

“อืม จัดการเติมเสบียงให้เพียงพอ หลังจากนี้เราจะไม่หยุดพักที่ไหนอีกแล้วและมุ่งหน้าตรงกลับไปที่สำนัก ยิ่งเราพาเขากลับไปเร็วเท่าไหร่ เราก็จะปวดหัวน้อยลงเท่านั้น” ชิวฮัวเล่ยตอบ

“เข้าใจแล้ว!” สมาชิกแปดเดียวดายคนอื่น ๆ ตอบรับอย่างพอใจ พวกเขาดำรงตำแหน่งสูงในสำนักและคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตอย่างหรูหรา ภารกิจนี้ทำให้พวกเขาต้องตรากตรำมาก ดังนั้นทุกคนจึงรอคอยที่จะได้กลับไปพักผ่อน

ชิวฮัวเล่ยหันกลับมายิ้มอย่างขี้เล่นให้ซูอัน “ทำไมเจ้าถึงมองข้า? เจ้าจ้องมองมาที่ข้าตลอดการเดินทาง!”

“ก็เพราะว่าเจ้าสวยยังไงล่ะ”ซูอันถอนหายใจด้วยความพอใจ “ก่อนหน้านี้ข้าเครียดเหลือเกินกับปัญหาร้อยแปดอย่างที่ประดังประเดเข้ามาในช่วงนี้ แต่อารมณ์ของข้าดีขึ้นทันทีเมื่อมีเจ้าอยู่ข้าง ๆ”

ชิวฮัวเล่ยพ่นลมหาย “เจ้าคนปลิ้นปล้อน พูดไปเรื่อยเหมือนเคย!”

แม้ว่านั่นคือสิ่งที่นางพูด แต่รอยยิ้มของนางก็ทรยศต่อความสุขภายในใจ มันค่อนข้างแปลก นางได้รับการยกย่องในทุกที่ที่นางไปโดยหลายคนที่มีความสามารถทางด้านวาทศิลป์มากกว่าซูอัน แต่นางกลับไม่เคยรู้สึกอะไรเลยเมื่อพวกเขาอ้าปากพูด

รถม้าหยุดกะทันหัน เสียงของสายลมเดียวดายมาจากภายนอก “บุตรีสวรรค์ เรามาถึงโรงเตี๊ยมแล้ว”

ชิวฮัวเล่ยกับซูอันออกจากรถม้า ซูอันมองไปที่คำว่า ‘โรงเตี๊ยมสี่สมุทร’ ที่อยู่เหนือเนินเขา ซูอันมองดูอย่างครุ่นคิด เขาจำได้ว่าบ่อนที่ตระกูลซ่างและตระกูลเจิ้งเคยครอบครองอยู่นั้นมีชื่อว่า ‘บ่อนสี่สมุทร’ เขาเคยชนะเงินรางวัลหนึ่งล้านตำลึงจากที่นั่นด้วยซ้ำ

“ชื่อนี้มีอะไรผิดปกติเหรอ?”ชิวฮัวเล่ยเดินไปหาเขาและถามด้วยความสงสัย

“ไม่มีอะไร แค่ชื่อของมันฟังแล้วให้ความรู้สึกคุ้นเคย”

ซูอันหัวเราะและเดินเข้าไปข้างใน “หิวจะตายอยู่แล้ว สั่งอาหารเลยแล้วกัน!”

สายฟ้าเดียวดายและคนอื่น ๆ กลอกตา ชายคนนี้ไม่รู้จักกาลเทศะเอาซะเลย

“มาแล้ว ๆ!” เสี่ยวเอ้อรีบวิ่งมาพร้อมกับผ้าเช็ดโต๊ะ

ซูอันกำลังจะสั่งอาหาร แต่แล้วเขาก็ชะงักก่อนจะมองไปทางชิวฮัวเล่ย “พวกเจ้าเลี้ยงใช่ไหม?”

ชิวฮัวเล่ยอ้าปากค้างอย่างโง่งม

แต่นางยังคงตอบว่า “แน่นอน นายน้อยเป็นแขกผู้มีเกียรติของเรา ดังนั้นมื้อนี้จึงเป็นหน้าที่ของเรา”

“งั้นก็เยี่ยมเลย ๆ” ซูอันหันไปหาเสี่ยวเอ้อแล้วพูดว่า “ข้าต้องการอุ้งเท้าหมีตุ๋น โคกอูฐตุ๋น หางเสือผัด ซุปหอยเป๋าฮื้อ ครีบฉลาม…”

แปดเดียวดายรู้สึกว่าเปลือกตาของพวกเขากระตุกอย่างแรง ชายคนนี้จงใจสร้างความลำบากให้พวกเขางั้นเหรอ?

เสี่ยวเอ้อมีสีหน้าลำบากใจ “สถานประกอบการที่ต่ำต้อยของเราไม่มีอาหารล้ำค่าเช่นนั้นหรอกขอรับนายท่าน…” เขากล่าว

“พวกเจ้าไม่มีอาหารพวกนี้งั้นเหรอ?” ซูอันดูไม่มีความสุข “แล้วมีอะไรบ้าง?”

เสี่ยวเอ้อเมื่อเห็นท่าทีโผงผางของซูอันก่อนหน้านี้ จึงไม่กล้าแสดงการดูหมิ่นใด ๆ และตอบอย่างรวดเร็วว่า “เรามีเนื้อแกะย่าง หมูย่าง เนื้อวัวนุ่ม ไก่ย่าง ห่านตุ๋น เป็ดซีอิ๊ว…”

หลังจากที่แนะนำเมนูทั้งหมดแล้ว เขาก็ถามด้วยความคาดหวังอย่างมากว่า “แขกผู้มีเกียรติของเราต้องการสั่งอะไร?”

“ข้าต้องการสั่งอะไร? เจ้ากำลังดูถูกเรา? ดูพวกเขาสิ ดูเหมือนคนยากจนไหม?” ซูอันชี้ไปที่แปดเดียวดาย “เอาของที่เจ้าพูดทั้งหมดมา หากเจ้าข้ามไปแม้แต่จานเดียวก็หมายความว่าเจ้ากำลังดูถูกพวกเขาเท่านั้นเอง!”

“อา?” เสี่ยวเอ้อคนนี้ตกตะลึง เขาไม่เคยเห็นวิธีการสั่งแบบนี้มาก่อน

สมาชิกของแปดเดียวดายทุกคนดูราวกับว่ากินอึกันไปคนละก้อน ถ้าพวกเขาหยุดซูอันมันจะทำให้พวกเขาดูขี้เหนียว แต่พวกเขาก็ไม่สามารถระงับความโกรธในใจได้

ท่านยั่วยุแปดเดียวดายสำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 233…233…233…

ในที่สุดชิวฮัวเล่ยก็พูดขึ้นมาอย่างไม่อดทน “อย่าไปฟังเขา เอาแค่อาหารที่ดีที่สุดของเจ้าให้เรา…”

แม้ว่านางบอกว่าจะสั่งอาหารที่ดีที่สุดเพียงบางจาน แต่สุดท้ายนางก็สั่งมาเยอะพอสมควร แต่ก็ไม่ได้มากจนสิ้นเปลือง

เสี่ยวเอ้อมองที่ชิวฮัวเล่ยอย่างว่างเปล่า เห็นได้ชัดว่าหลงใหลในความงามของนาง และคืนสติจากความงุนงงของเขาหลังจากที่นางเรียกเขาไปแล้วถึงสิบสองครั้ง เขาพูดด้วยใบหน้าแดงก่ำ “ผ…ผู้น้อยเข้าใจแล้ว!”

ซูอันหัวเราะคิกคัก “ฮัวเล่ย เสน่ห์ของเจ้าไม่มีที่เปรียบจริง ๆ! อย่าว่าแต่เสี่ยวเอ้อตัวน้อยนั่นเลย ทุกคนในโรงเตี๊ยมนี้ล้วนแอบมองเจ้า”

“หยุดแกล้งข้าได้แล้ว” ชิวฮัวเล่ยกลอกตา นางคุ้นเคยกับสิ่งนี้มากกว่า “รีบกินซะ จะได้รีบไป”

หลังจากนั้นไม่นานอาหารร้อนจัดก็ถูกยกมา ท้องของแปดเดียวดายส่งเสียงร้องด้วยความหิวโหย พวกเขากำลังกินอยู่ แต่เมื่อชิวฮัวเล่ยสังเกตเห็นร่างหนึ่งในระยะไกล นางหยุดสหายของนาง “รอเดี๋ยว!”

“มีอะไรเหรอ?” แปดเดียวดายมองไปที่นาง

ชิวฮัวเล่ยนึกถึงร่างที่เพิ่งแวบเข้ามาในวิสัยทัศน์ของนาง และนางก็เริ่มสงสัย “ทดสอบพิษ!”

แปดเดียวดายไม่ใช่ทารกแรกเกิดที่ไร้เดียงสา พวกเขาเข้าใจอย่างรวดเร็ว หนึ่งในนั้นหยิบเข็มเงินออกมาทดสอบอาหาร แต่เข็มไม่เปลี่ยนสี ตรวจไม่พบพิษใด ๆ

ซูอันพูดไม่ออกเพราะในโลกใบนี้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับแร่ธาตุล้าหลังจนน่าใจหาย เข็มเงินตรวจพบเฉพาะซัลไฟด์ แต่สารพิษหลายชนิดไม่มีแม้แต่ซัลไฟด์! แค่ใช้เข็มเงินตรวจไม่เจอไม่ได้หมายความว่าไม่มีพิษ!

“มีบางอย่างไม่ถูกต้อง มีบางอย่างผิดปกติกับอาหารนี้” ชิวฮัวเล่ยกล่าวอย่างหนักแน่น

คนอื่น ๆ หันไปมองที่ไม้เดียวดาย ซูอันอยากรู้อยากเห็น ทำไมถึงมองเขา?

ชายผมเขียว ‘ไม้เดียวดาย’ จุ่มนิ้วก้อยของเขาลงไปในซุปแล้วเลียมัน เขาหลับตาราวกับว่าจมดิ่งเข้าสู่ภวังค์ความคิด ครู่ต่อมา เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “’ภักดีแด่องค์ราชัน’! ข้าอาจตรวจไม่พบหากปราศจากคำเตือนของบุตรีสวรรค์!”

ซูอันตกตะลึง ที่แท้ผู้บ่มเพาะธาตุไม้ก็มีความสามารถที่ตรวจจับพิษได้! ขอบคุณพระเจ้าที่เสวี่ยเอ๋อร์ไม่ได้พยายามวางยาพิษข้าในตอนนั้น…

“อะไรนะ!?” การแสดงออกของคนอื่นเริ่มมืดมน สายฟ้าเดียวดายยิ่งโกรธจัด ในพริบตานางก็จับเสี่ยวเอ้อได้ทันท่วงที

เสี่ยวเอ้อดึงมีดออกมาจากแขนเสื้อเมื่อรู้ว่าเขาถูกเปิดโปง น่าเสียดายที่เขาไม่ใช่คู่มือของแปดเดียวดายแห่งสำนักมาร สายฟ้าเดียวดายคว้าคอของเขาได้อย่างง่ายดาย “พูดมา! ใครสั่งให้เจ้าทำเช่นนี้!”

น่าเสียดายที่นางใช้พละกำลังมากเกินไปจนเขาขาดอากาศหายใจตาย

“ขยะ!” สายฟ้าเดียวดายโยนศพของเขาทิ้งและเดินตามหาเสี่ยวเอ้อคนอื่น ๆ ในโรงเตี๊ยม

พวกเขาเริ่มหนีเมื่อรู้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง น่าเสียดายที่พวกเขาไม่มีทางเอาชนะแปดเดียวดายได้

การต่อสู้ในโรงเตี๊ยมจบลงภายในพริบตา เสี่ยวเอ้อส่วนใหญ่ตายคาที่ และไม่กี่คนที่ถูกจับได้ก็จบชีวิตตัวเองด้วยการเคี้ยวเม็ดยาพิษที่เก็บไว้ในซอกฟัน

“พวกเขาทั้งหมดเป็นทหาร!” แปดเดียวดายตกตะลึง ใครก็ตามที่สั่งทหารให้ฆ่าตัวตายเช่นนี้ได้หลังจากภารกิจล้มเหลวย่อมไม่ใช่ผู้มีอำนาจธรรมดา!”

“ใครที่มันกล้าโจมตีเรา!?”

ชิวฮัวเล่ยออกคำสั่งอย่างเย็นชา “ค้นหาบริเวณโดยรอบ!”

สายลมเดียวดาย ไฟเดียวดาย และโลหะเดียวดายออกไปตรวจค้นรอบโรงเตี๊ยม พวกเขากลับมาในครู่หนึ่ง ส่ายศีรษะว่าไม่พบอะไรเลย

ชิวฮัวเล่ยสำรวจสภาพแวดล้อมรอบตัวนาง แขกคนอื่น ๆ ของโรงเตี๊ยมหนีไปแล้ว โต๊ะเก้าอี้กระจัดจายระเกะระกะ นางขมวดคิ้ว

“ช่างเถอะ ไล่ตามพวกมันไปก็ไม่มีประโยชน์ ออกไปซื้อของกิน เราจะเตรียมอาหารเองและพักผ่อนที่นี่ในคืนนี้ แล้วออกเดินทางพรุ่งนี้เช้า