บทที่ 727 ไม่มีใครรักข้า!
บทที่ 727 ไม่มีใครรักข้า!
“อะไรนะ? เรายังค้างที่นี่อีกคืนหนึ่ง?” เสียงของสายลมเดียวดายเต็มไปด้วยความกังวล “แล้วถ้าศัตรูโจมตีอีกล่ะ?”
ชิวฮัวเล่ยส่ายหัว “ข้าไม่คิดว่าพวกมันจะย้อนมาอีก ข้างนอกมันมืดแล้ว ถ้าเราออกเดินทางอีกครั้งเราจะต้องนอนกันข้างนอก นอนซะที่นี่จะปลอดภัยและสะดวกสบายกว่า”
เมื่อแปดเดียวดายแยกย้ายกันไป ซูอันก็พูดพร้อมกับขมวดคิ้วว่า “เจ้าทราบตัวตนของผู้โจมตีของเราแล้วหรือยัง?”
ชิวฮัวเล่ยยิ้ม “ข้าควรจะถามคำถามนี้กับเจ้ามากกว่า ดูเหมือนว่าพวกนางจะพยายามช่วยเหลือเจ้ามาพอสมควรแล้ว”
“ช่วยข้า?” แม้ว่าซูอันจะสงสัยว่ามันน่าจะเป็นการกระทำของเจิ้งตานและเพ่ยเหมียนหมาน แต่เขาก็ยังไม่แน่ใจ
“แน่นอนว่ามันเป็นการช่วยชีวิตเจ้า! เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สาวงามทั้งสองดูเหมือนจะสนใจเจ้าเป็นอย่างมาก พวกนางไม่ลดราเลย ไม่…พวกนางไม่ควรจะมีเหล่าทหารช่วยขนาดนี้ เป็นไปได้มากว่าลูกสาวของซ่างหงน่าจะเป็นคนวางแผนเรื่องนี้” ชิวฮัวเล่ยพึมพำกับตัวเอง
“เจ้ามั่นใจได้ยังไง?” ซูอันถามด้วยความสงสัย
“เพราะข้าเพิ่งเห็นซ่างเชียน” ชิวฮัวเล่ยยิ้ม ถ้านางไม่สังเกตเห็นเขาเมื่อครู่นี้ พวกนางอาจถูกวางยาพิษไปแล้ว ‘ภักดีแด่องค์ราชัน’ งั้นเหรอ? ดูเหมือนว่าตระกูลซ่างจะแข็งแกร่งทีเดียว ถึงสามารถครอบครองพิษอันล้ำค่านี้ได้
“ซ่างเชียน?” ซูอันขมวดคิ้ว ไอ้หมอนั่นจงใจเผยตัวให้แผนถูกเปิดโปงงั้นเหรอ? เป็นไปได้! มันคงจะเปิดเผยตัวเองเพราะไม่ต้องการให้พวกทหารช่วยข้าออกไปได้
สีหน้าของซูอันมืดหม่นลงอย่างมาก เขาและซ่างเชียนเป็นศัตรูกันตั้งแต่แรก ดังนั้นเขาจึงรู้อยู่แล้วว่าซ่างเชียนต้องการจะฆ่าเขา
แต่ถ้าจะทำก็ควรทำอย่างเปิดเผย! ทำไมเจ้าต้องใช้วิธีที่น่ารังเกียจจนส่งผลให้คนของเจ้าเองต้องมาตายลงแบบนี้? สิ่งนี้ทำให้ซูอันโกรธมาก
ชายหนุ่มมาจากโลกอันมีอารยะ การได้รู้ว่าคนจำนวนมากต้องตายเพราะตัวเองทำให้เขารู้สึกแย่
แม้ว่าคนเหล่านี้จะเสียชีวิตด้วยน้ำมือของแปดเดียวดาย ซูอันก็ไม่ได้ตำหนิพวกเขา ทุกคนมีภารกิจของตัวเองที่ต้องทำ นี่คือโลกที่ผู้แข็งแกร่งไล่ล่าผู้อ่อนแอ ไม่ว่าจะฆ่าหรือถูกฆ่าแต่ละคนต้องพึ่งพาทักษะและความสามารถของตนเอง นั่นเป็นวิถีที่มันเป็น
ทว่าซ่างเชียนเป็นคนที่ควรถูกตำหนิสำหรับความตายที่เกิดขึ้นนี้ ซูอันเต็มไปเจตนาฆ่าอย่างร้ายแรง
ชายหนุ่มได้ตัดสินใจแล้ว เขาจะปลิดชีพชายผู้นั้นในครั้งหน้าที่พวกเขาพบกัน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาจะไม่แสดงความเห็นใจต่อซ่างหงอีกต่อไป
เขาใช้เวลาครู่หนึ่งเพื่อสงบสติอารมณ์ในที่สุด เมื่อเขาทำเช่นนั้น เขาพูดด้วยเสียงต่ำว่า “ข้าต้องการขอความช่วยเหลือจากเจ้า”
“ตราบใดที่มันอยู่ในความสามารถของข้าก็ย่อมได้” แม้ว่าชิวฮัวเล่ยจะสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของเขา แต่นางก็ไม่รู้ว่าอะไรกระตุ้นให้เขาแสดงพฤติกรรมนี้ออกมา
“ข้าต้องการฝังคนเหล่านี้และให้พวกเขาได้พักผ่อนอย่างสงบสุข” เขามองซากศพที่เกลื่อนไปทั่ว น้ำเสียงของเขาโศกเศร้า
ชิวฮัวเล่ยรู้สึกลำบากใจ “ข้าไม่ได้พาคนรับใช้มาด้วย และข้าไม่คิดว่าแปดเดียวดายจะเต็มใจทำอย่างนั้น”
ซูอันส่ายหัว “ไม่เป็นไร ข้าจะทำเอง”
“ทำไม?” ชิวฮัวเล่ยค่อนข้างประหลาดใจ นางไม่เข้าใจว่าทำไมซูอันถึงทำเช่นนี้
“แม้ว่าข้าจะไม่รู้จักพวกเขาเป็นการส่วนตัว แต่พวกเขาก็ตายเพื่อพยายามช่วยข้า นี่คือทั้งหมดที่ข้าสามารถทำเพื่อตอบแทนพวกเขาได้” ซูอันพูดอย่างเบา ๆ
ชิวฮัวเล่ยเงียบไป
นางเป็นบุตรีสวรรค์ของสำนักมาร และเป็นคนที่มีความสุขกับสถานะที่สูงส่ง เท่าที่นางจำได้ แม้แต่ในสองปีที่นางใช้เวลาอยู่ในหอสุขนิรันดร์นางก็มีคนคอยรับใช้ไม่ขาด นี่คือสิ่งที่นางไม่เคยต้องกังวล
นางไม่ใช่คนเดียวในโลกที่เป็นแบบนี้ ชนชั้นสูงผู้สูงศักดิ์ของโลกนี้และผู้บ่มเพาะที่มีอำนาจอื่น ๆ ไม่เข้าใจแนวคิดเรื่องความเท่าเทียมกันของมนุษย์ หลายคนถูกมองราวกับไม่ใช่มนุษย์ในสายตาของพวกเขา เป็นแค่ทาส คนรับใช้ หรือเบี้ยตัวหนึ่งบนกระดาน
นี่คือเหตุผลที่นางไม่เข้าใจปฏิกิริยาของซูอันในตอนแรก ทว่า ขณะที่นางมองดูเขาขุดหลุมศพทีละหลุมที่ลานด้านหลังแล้วฝังร่างเหล่าทหารอย่างระมัดระวัง บางอย่างในใจนางก็เปลี่ยนไป นางรู้สึกสะเทือนใจอย่างมาก
“ข้าขอโทษ…” ชิวฮัวเล่ยขอโทษ จะมากหรือน้อยคนเหล่านี้ก็เสียชีวิตเพราะนางเช่นกัน
ซูอันส่ายหัว “พวกเขาต้องการวางยาพิษพวกเจ้าทุกคน มันเลี่ยงไม่ได้ที่เจ้าจะต้องฆ่าพวกเขา นี่คือเหตุผลที่ข้าไม่โทษเจ้า แต่มีเพียงคนเดียวที่ต้องถูกตำหนิ”
ชิวฮัวเล่ยเป็นผู้หญิงที่ฉลาด และนางก็เข้าใจในทันทีว่าเขาหมายถึงอะไร “เจ้ากำลังพูดถึงซ่างเชียนใช่ไหม?”
ซูอันไม่ตอบ แต่หันกลับไปทำงานในมือ สีหน้าของเขาจริงจังมากจนน่าขนลุก จากนั้นเขาก็หาแผ่นไม้กระดานมาอันหนึ่งและเริ่มแกะสลัก ‘หลุมศพสำหรับบุรุษชาติทหาร ก่อตั้งโดยซูอัน’
ชิวฮัวเล่ยเฝ้าดูร่างที่โดดเดี่ยวของซูอัน จู่ ๆ นางก็บังเกิดความคิดขึ้นว่านางไม่เข้าใจชายคนนี้เลยจริง ๆ
…
ทางด้านของครอบครัวซ่าง เพ่ยเหมียนหมานและเจิ้งตานต่างหนีเอาชีวิตรอด พวกนางรู้ว่าไม่มีทางที่จะเอาชนะสำนักมารได้หากปะทะกันอย่างตรง ๆ
ในที่สุดเมื่อพวกเขาอยู่ในที่โล่ง ซ่างเฉี่ยนมองซ่างเชียนด้วยความโกรธ “ทำไม!?”
“หมายความว่ายังไง ทำไม? อะไร?” ซ่างเชียนดูเหมือนจะพยายามมากเกินไปที่จะทำให้ดูเป็นธรรมชาติ
ซ่างเฉี่ยนกล่าวว่า “ถ้าเจ้าไม่ได้แสดงตัวเองต่อหน้าชิวฮัวเล่ย พวกนางคงไม่มีทางรู้ว่ากำลังถูกวางยาพิษ และพวกทหารเหล่านั้นก็คงไม่ตาย! ท่านรู้หรือไม่ว่าตระกูลซ่างของเราลงทุนชุบเลี้ยงพวกเขาไปมากแค่ไหน!?”
ซ่างหงขมวดคิ้วจนเกิดร่องลึก ตระกูลซ่างไม่ได้มีรากฐานที่หยั่งลึกเหมือนตระกูลอื่น ๆ ทหารเดนตายเหล่านั้นคือทั้งหมดที่พวกเขามี
ซ่างเชียนพูดอย่างไม่พอใจว่า “ข้าก็ไม่คิดมาก่อนเหมือนกันว่ามันจะเป็นอย่างนี้! ข้าจะรู้ได้ยังไงว่าชิวฮัวเล่ยจะตาดีพอที่จะสังเกตเห็นข้า”
เพ่ยเหมียนหมานโกรธมาก “เจ้าตั้งใจ! เจ้าต้องการฆ่าซูอันตั้งแต่แรก!”
ดวงตาของเจิ้งตานเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง เผยให้เห็นเจตนาฆ่า
เสียงของซ่างหงก็เคร่งขรึมเช่นกัน “เชียนเอ๋อร์ เจ้าทำให้ข้าผิดหวังจริง ๆ”
ข้าไม่ได้ใส่ใจเลยเรื่องที่เจ้าจะฆ่าซูอัน แต่ตอนนี้มันใช่เวลาที่เจ้าต้องทำหรือไง?
เจ้าทำให้ตระกูลของเราต้องเสียทหารชั้นยอดทั้งหมดอย่างเปล่าประโยชน์!
การเป็นคนเด็ดขาดและไร้ความปรานีนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่การกระทำเมื่อครู่นี้มันคือความโง่เขลาจนไม่อาจจะรับได้
ซ่างเชียนปะทุขึ้นด้วยความโกรธ “ก็ได้ ๆๆ! มันเป็นความผิดของข้าทั้งหมด! ในเมื่อทุกคนคิดว่าซูอันดีขนาดนั้น ก็ยกให้มันเป็นพี่ชายของเจ้า แล้วทำให้เขาเป็นลูกชายของท่าน! ข้าพอแล้ว!”
ซ่างเชียนหันหลังและวิ่งออกไป ซ่างหงก้าวตามไปอย่างไม่รู้ตัว แต่เขาก็ล้มเลิกความที่จะตาม เขาหยุดเพ่ยเหมียนหมานและเจิ้งตานไม่ให้ไล่ตามไปเช่นกัน
ร่างของซ่างเชียนลับหายไปจากสายตาอย่างรวดเร็ว
เขาวิ่งด้วยความเร็วเต็มที่ ยิ่งวิ่งก็ยิ่งโกรธ เขาหยุดที่ขอบหน้าผาและตะโกนด่าซูอันระบายความโกรธและความคับข้องใจทั้งหมดของเขา
—
ท่านยั่วยุซ่างเชียนสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +999…999…999…
—
ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเสียงยั่วยวนจากหญิงสาว “พ่อหนุ่มรูปงาม เจ้ารู้จักซูอันด้วยงั้นเหรอ?”