ตอนที่ 1361 เผ่าวิญญาณ (3) ตอนที่ 1362 เผ่าวิญญาณ (4)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 1361 เผ่าวิญญาณ (3) / ตอนที่ 1362 เผ่าวิญญาณ (4)
ตอนที่ 1361 เผ่าวิญญาณ (3)

เยี่ยกูมองฟ่านจัว แล้วเงียบกริบ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย

ฟ่านจัวยังคงมองไปที่เยี่ยกูอย่างสอบถาม

ทันใดนั้น ปากของเยี่ยกูก็โค้งงอ เขาตะโกนออกมา “อ๊าก! โอ๊ย! เจ็บๆๆ!!!”

เสียงร้องโหยหวนดังออกมาจากปากของเยี่ยกู เขากุมท้องด้วยสีหน้าบิดเบี้ยวเจ็บปวด ขณะที่นอนกลิ้งไปมาบนพื้น

ฟ่านจัวตกตะลึง เขาเงยหน้าขึ้นไปมองเยี่ยเม่ย

เยี่ยเม่ยก็นิ่งงันไปด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าทำไมเยี่ยกูจึงมีปฏิกิริยาเช่นนี้

เจ้าตัวร้ายแสดงละครอีกแล้ว!

แต่คำพูดของฟ่านจัวเมื่อครู่ก็ทำให้เยี่ยเม่ยตกใจเช่นกัน เป็นความจริงที่เยี่ยกูเป็นคนเผ่าวิญญาณ และบนใบหน้าของเขาก็สวมหน้ากากผูกวิญญาณเอาไว้จริงๆ แต่เยี่ยเม่ยไม่คิดว่าหรงรั่วจะสามารถบอกได้ว่าเยี่ยกูเป็นคนเผ่าอะไรจากการมองแค่แวบแรก และไม่คิดว่าฟ่านจัวจะรู้เรื่องของเผ่าวิญญาณมากขนาดนี้

เพื่อช่วยเยี่ยกูปกปิด เยี่ยเม่ยกับเยี่ยซาสบตากันทันที และหิ้วปีกเยี่ยกูที่แกล้งทำเป็นเจ็บปวดขึ้นมา ก่อนจะพูดอย่างแข็งกร้าวว่า “เราไม่รู้ว่าในสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิจะมีอันตรายอะไรบ้าง เอาเจ้านี่ไปด้วยจะได้เข้าใจสถานที่นี้ได้ดีขึ้น”

คำพูดของเยี่ยเม่ยขัดจังหวะและทำลายความอยากรู้อยากเห็นของหรงรั่วและฟ่านจัว อย่างไรเสีย เป้าหมายหลักของพวกเขาในการเดินทางครั้งนี้ ก็คือการค้นหาสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ ไม่ใช่หาคนเผ่าวิญญาณ

“เอาล่ะ ถ้าเสี่ยวรั่วสนใจเผ่าวิญญาณ หลังจากเราทำความคุ้นเคยกับที่นี่มากขึ้นแล้ว ค่อยถามเขาเพิ่มเติมทีหลังก็ได้” ฟ่านจัวพูดพร้อมหัวเราะ

หรงรั่วพยักหน้า ดูเหมือนนางยังใจลอยอยู่นิดหน่อย

เฟยเยียนเฝ้ามองสีหน้าของหรงรั่ว แล้วอดรู้สึกกังวลไม่ได้ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี

จวินอู๋เย่าอุ้มจวินอู๋เสียเดินไปข้างหน้า ขณะที่จวินอู๋เสียยื่นหัวออกไปมองด้านหลังเพื่อดูพวกเขา

เยี่ยกูดูซึมเศร้าอย่างมากขณะที่ถูกเยี่ยเม่ยกับเยี่ยซาขนาบข้าง แต่เขายังสังเกตเห็นแมวดำตัวน้อยที่ยื่นหัวออกมาจากอ้อมแขนของจวินอู๋เย่า นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นนายท่านปฏิบัติกับสิ่งมีชีวิตอย่างเอาอกเอาใจขนาดนี้ หรือว่าเจ้าแมวดำนั่นจะเป็นภูติวิญญาณของเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ

แต่ไม่น่าจะเป็นไปได้เลยนี่…

พอความคิดแปลกๆ นั้นผุดขึ้นมาในหัว สีหน้าเศร้าซึมของเยี่ยกูก็จางหายไปเล็กน้อย เยี่ยเม่ยเองก็สังเกตเห็นว่าจวินอู๋เสียกำลังจ้องมองมาทางพวกเขา

นั่นเป็นคนที่ฉลาดสุดๆ เลยนะ!

พลาดนิดเดียวถูกจับได้แน่นอน!

เยี่ยเม่ยแอบหยิกเยี่ยกูทันที และพูดเสียงเบาว่า “อย่าให้ใครจับได้สิ”

“ใครจะจับได้ คนที่มองข้าอยู่ตอนนี้ นอกจากเจ้าสองคน ก็มีแค่แมวตัวนั้นตัวเดียว” เยี่ยกูพึมพำตอบกลับเบาๆ

เยี่ยซาถอนหายใจอย่างจนปัญญา เยี่ยเม่ยกัดฟันและพูดว่า “มีวิญญาณที่น่าทึ่งอยู่ในแมวตัวนั้น วิญญาณนั่นเป็นยอดดวงใจของนายท่านของพวกเรา ถ้าเจ้าถูกจับได้ขึ้นมา เจ้าคิดถึงผลลัพธ์เอาเองแล้วกัน”

หลังจากโดนเยี่ยเม่ยเตือน เยี่ยกูก็ควบคุมตัวเองมากขึ้น และแสร้งทำท่าทางไม่พอใจต่อไป แต่ในใจของเขายิ่งเกิดคำถามมากขึ้นเรื่อยๆ

จวินอู๋เสียใช้อุ้งเท้าชี้ทาง นำจวินอู๋เย่าไปยังจุดที่พวกบัวหิมะมัวเมาอยู่

นางสลับวิญญาณกับเจ้าแมวดำภายใต้การปกป้องของจวินอู๋เย่า

ทันทีที่อิงซู่กับบัวหิมะมัวเมาเห็นจวินอู๋เย่าปรากฏตัว ทั้งสองก็พากันเงียบกริบเหมือนก้อนหิน ไม่ขยับเขยื้อนจากจุดที่ยืนอยู่เลยแม้แต่นิ้วเดียว

หลังจากจวินอู๋เสียสลับวิญญาณกับแมวดำเสร็จ เยี่ยกูที่เห็นกระบวนการทั้งหมดก็ตกตะลึง

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นคนที่สามารถสลับวิญญาณกับภูติวิญญาณของตัวเองได้ เขาก็รู้สึกอยู่ว่าวิญญาณของเจ้าแมวดำค่อนข้างแปลก แต่ไม่คิดว่ามันจะแปลกขนาดนี้

การที่วิญญาณของมนุษย์สามารถสลับที่กับภูติวิญญาณได้ เป็นเรื่องที่เกินความรู้ของเขาจริงๆ

ตอนที่ 1362 เผ่าวิญญาณ (4)

จวินอู๋เสียกลับคืนสู่ร่างของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องมองทุกอย่างภายในสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิผ่านสายตาของแมวดำอีกต่อไป

จวินอู๋เย่ายกมือขึ้นลูบหัวจวินอู๋เสีย แววตาเต็มไปด้วยรอยยิ้มเอาอกเอาใจ เขากวาดสายตามองจวินอู๋เสียทั่วทั้งร่างเพื่อให้แน่ใจว่านางปลอดภัยดี

สำหรับท่าทางเอาอกเอาใจของจวินอู๋เย่านั้น เยี่ยซากับเยี่ยเม่ยเห็นจนชินแล้ว แต่เยี่ยกูนั้น

แน่นอนว่า…

อึ้งจนพูดไม่ออกเลย

บัดซบ!

นายท่านของพวกเขาเป็นอะไรไปแล้ว!

เยี่ยกูเริ่มสงสัยว่าความทรงจำของเขาสับสนหรือเปล่า ทำไมนายท่านในความทรงจำของเขาถึงแตกต่างกับนายท่านที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้

บนหน้าของนายท่าน เริ่มมีรอยยิ้มอ่อนโยนแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไรกัน

“เดี๋ยวเจ้าก็ชิน” เสียงของเยี่ยเม่ยดังขึ้นที่ข้างหูของเยี่ยกู

“พอชินแล้ว ก็จะรู้สึกอบอุ่นใจที่ได้เห็น” เยี่ยซาพยักหน้าเห็นด้วย

เยี่ยกูมองคนทั้งสองที่เคยเป็นสหายสนิทที่สุดของเขาด้วยสายตาสยดสยอง เหมือนทั้งสองคนเป็นคนทรยศขายชาติ

นี่เขาตัดขาดจากโลกนานเกินไป หรือว่าเขายังไม่ตื่นกันแน่

จวินอู๋เสียพูดคุยกับจวินอู๋เย่าสักพัก แล้วก็มองมาที่เยี่ยกู นางเดินมายืนตรงหน้าเยี่ยกูและจ้องมองใบหน้าที่ดูซีดและอ่อนแอเล็กน้อยนั่น

สิ่งที่หรงรั่วและฟ่านจัวพูดเมื่อครู่ นางได้ยินทั้งหมด จาก ‘เด็กหญิง’ ที่นางเจอก่อนหน้านี้และชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านางตอนนี้ นางคิดว่าหรงรั่วกับฟ่านจัวน่าจะเดาบางอย่างได้ถูกต้อง คนตรงหน้านางคือคนเผ่าวิญญาณ ลักษณะพิเศษของเผ่านี้ทำให้จวินอู๋เสียรู้สึกสนใจมาก

จากภาพรวม จวินอู๋เสียกับแมวดำก็เป็นสองวิญญาณในร่างเดียว แต่ต่างจากเผ่าวิญญาณตรงที่พวกเขาจะไม่ทำให้วิญญาณอีกดวงหายไปเมื่ออายุมากขึ้น

สายตาของจวินอู๋เสียทำให้เยี่ยซากับเยี่ยเม่ยกระวนกระวายใจขึ้นมา

ทั้งสองคนเข้าใจคุณหนูใหญ่คนนี้พอสมควร พวกเขารู้ว่าจวินอู๋เสียเป็นคนที่ตัดสินใจฆ่าได้อย่างเด็ดขาด จากสถานการณ์ปัจจุบัน เยี่ยกูที่เป็นผู้พิทักษ์สุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิคือศัตรูที่ขวางทางพวกเขา

พวกเขากังวลมากว่าจวินอู๋เสียจะอยากกำจัดเยี่ยกู

“คุณหนูใหญ่ เรายังไม่คุ้นเคยกับสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ ควรเก็บคนคนนี้เอาไว้เพื่อสอบถามข้อมูลก่อนดีหรือไม่ขอรับ” เยี่ยเม่ยเอ่ยถามขึ้นอย่างระมัดระวัง

จวินอู๋เสียยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ ก็มีร่างสีทองพุ่งเข้ามาขวางระหว่างนางกับเยี่ยกู

พยัคฆ์เขี้ยวดาบที่แปลงร่างมาจากหนูนรกยืนอยู่ตรงหน้าเยี่ยกูเหมือนเป็นผู้พิทักษ์ปกป้องเขา ท่าทางเหมือนกลัวว่าจะมีคนทำร้ายเจ้านายของมัน

เด็กหญิงเปลี่ยนเป็นเยี่ยกู หนูนรกเปลี่ยนเป็นพยัคฆ์เขี้ยวดาบที่ดุร้าย ดวงตาของพยัคฆ์เขี้ยวดาบนั้นตื่นตัวระวังภัย แตกต่างกับหนูนรกที่ใสซื่อน่ารักตัวนั้นอย่างสิ้นเชิง

มันกำลังปกป้องเจ้านายของมัน

“ข้าไม่ได้พูดว่าจะฆ่าเขาสักคำ” จวินอู๋เสียพูดพร้อมกับเงยหน้ามองเยี่ยซากับเยี่ยเม่ย

เยี่ยซากับเยี่ยเม่ยชะงักไปเล็กน้อย

จวินอู๋เสียไม่เคยคิดจะฆ่าเยี่ยกูเลย ในฐานะที่เป็นผู้พิทักษ์สุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ มันเป็นหน้าที่ของเยี่ยกูที่ต้องป้องกันผู้บุกรุกไม่ให้เข้ามาได้อยู่แล้ว เขาไม่ใช่คนชั่วร้ายอย่างที่ไม่อาจให้อภัยได้ อย่างน้อยตอนที่จวินอู๋เสียอยู่ในร่างของแมวดำ ไม่ว่าจะเป็นเด็กหญิงคนนั้นหรือเยี่ยกู ทั้งคู่ไม่ได้ทำร้ายนางเลย

นอกจากนั้น เยี่ยกูก็ถูกเยี่ยซากับเยี่ยเม่ยกำราบได้แล้ว ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะเด็กหญิงที่ถูกปิดผนึกอยู่ที่นี่มานาน หรืออาจจะเป็นเพราะหนูนรกที่ใสซื่อไร้เดียงสา จวินอู๋เสียจึงไม่รู้สึกเป็นศัตรูกับเยี่ยกู

“เก็บเขาไว้” จวินอู๋เสียทิ้งคำพูดประโยคนั้นไว้ แล้วหันหลังจากไป นางไม่อยากทำร้ายวิญญาณอีกดวงที่อยู่ในร่างของเยี่ยกู

เด็กน้อยโง่เขลาที่พูดไม่ค่อยรู้เรื่องคนนั้น