บทที่ 709 ซาบซึ้งใจมาก

Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่

วันรุ่งขึ้นเวียร์ก็ได้พาพ่อกับแม่ของเขามา ทั้งสามคนเอาของติดไม้ติดมือมาฝากเยอะมาก แค่ขนเข้ามาก็ใช้เวลาเกือบสิบนาทีแล้ว

“โห คุณแม่เวียร์จะมาก็มาตัวเปล่าสิคะ ขนของมาด้วยเยอะแยะทำไมกัน”

โม่เสี่ยวฮุ่ยรู้ว่าพวกเขาจะเอาของติดไม้ติดมือมาฝาก แต่ไม่นึกเลยว่าจะเอามาฝากเยอะขนาดนี้ ดูเหมือนพวกเขาจะให้ความสำคัญกับครอบครัวเรามากๆเลย

“นิดเดียวน่า ฉันเตรียมมาให้ทุกคนเลย อีกอย่างฉันได้ยินมาว่าครอบครัวของพวกคุณมีเด็กน้อยอีกสองคน ฉันก็เลยเอาของเล่นมาให้พวกเขาเยอะแยะเลย ฉันน่ะชอบเด็กที่สุด”

“ทุกครั้งที่เห็นเสื้อผ้าเด็กหรือของอื่นๆเกี่ยวกับเด็ก ฉันก็อดไม่ได้ที่จะซื้อมาจริงๆ พอถึงตอนนี้มันเลยมีเยอะมาก ฉะนั้นพอได้ยินจุนซินบอกว่าที่บ้านมีเด็กน้อยอยู่สองคนฉันจึงดีใจมาก เพราะงั้นก็เลยขนของทั้งหมดมาด้วย”

“ของที่เตรียมมาให้พวกคุณนั้นมีไม่เยอะหรอก หลักๆจะเป็นของเด็กน้อยทั้งสองคนมากกว่า”

แม่ของเวียร์ชอบเด็กมาก ตอนที่ได้ยินว่าตระกูลลี่มีเด็กน้อยสองคนจึงรู้สึกอิจฉาเป็นพิเศษ และจากนั้นก็เลยเอาเสื้อผ้าหรือของเล่นต่างๆที่ตัวเองซื้อไว้ออกมาบรรจุใส่กล่องแล้วขนมาทั้งหมด

“ตอนนี้ของของพวกเขาก็มีเยอะมากแล้ว คุณพกติดไม้ติดมือมาเล็กน้อยพอเป็นพิธีก็พอ คนกันเองทั้งนั้น แล้วคุณเอามาหมดเลยไม่เก็บไว้เผื่อลูกของจุนซินในอนาคตบ้างเหรอ”

โม่เสี่ยวฮุ่ยมองกองของเล่นและเสื้อผ้า ในใจก็คิดว่าเวลาตัวเองเห็นของใช้ของเด็กก็ซื้อมาไว้เหมือนกัน แต่ว่าไม่เคยซื้อมาเยอะขนาดนี้

“ก็เพราะว่าเป็นคนกันเองไงถึงได้ขนมาหมดเลย ส่วนของจุนซินค่อยซื้อเอาทีหลังก็ได้ เพราะยังไงตอนนี้ก็ยังไม่มีนี่นา”

แม่ของเวียร์ไม่ถือตัวเลย หล่อนนั่งลงบนพื้นในห้องรับแขกของตระกูลลี่แล้วเริ่มจัดเก็บของทีละนิด พอโม่เสี่ยวฮุ่ยเห็นหล่อนทำตัวสบายๆ ตัวเองก็พลอยรู้สึกสบายใจไปด้วยจึงนั่งลงบนพื้นแล้วช่วยกันจัดของ

ถวนจื่อกับลี่จุนซินก็มานั่งช่วยจัดของด้วย

แม่ของเวียร์ตาเป็นประกายขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นถวนจื่อ

“เสี่ยวฮุ่ย นี่ถวนจื่อเหรอ โอ้พระเจ้าเขาน่ารักมากๆเลย”

ทันทีที่ถวนจื่อมาถึง แม่ของเวียร์ก็วางของในมือลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็โน้มตัวไปข้างหน้าถวนจื่อแล้วกอดเขาไม่ยอมปล่อย

พอกุ่นกุ่นเจ้าน้อยตื่น เจียงหยุนเอ๋อก็อุ้มเธอมาวางบนพรหม แล้วเอามือพยุงหลังไว้ให้เธออยู่ในท่านั่งได้อย่างมั่นคง

แม่ของเวียร์รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก“หยุนเอ๋อ ฉันขออุ้มหนูน้อยคนนี้หน่อยได้ไหม?เธอดูนุ่มนิ่มน่ารักจังเลย”

“ได้สิคะ”เจียงหยุนเอ๋ออุ้มกุ่นกุ่นเจ้าน้อยขึ้นมาแล้วส่งให้แม่ของเวียร์

“ได้จริงเหรอ?เธอจะร้องไห้อาละวาดไหมเนี่ย?”

เมื่อแม่ของเวียร์เห็นหนูน้อยตรงหน้าก็รู้สึกทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะวางมือยังไงดี เพราะกลัวว่าถ้าอุ้มปุ๊บเธอก็จะร้องไห้งอแงกลับไปทันที

“ไม่หรอกค่ะ เธอกล้าหาญมาก ไม่ว่าใครจะอุ้ม เธอก็ไม่เคยร้องเลย”

หลังจากรับหนูน้อยมาหล่อนก็กลัวมากว่าตัวเองจะอุ้มผิดท่า ทว่ากุ่นกุ่นเจ้าน้อยกลับไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย เอาแต่ทำตาโตมองจ้องไปที่แม่ของเวียร์ ส่วนปากก็พูดงึมงำๆ

“กุ่นกุ่นเจ้าน้อย นี่หนูกำลังทักทายคุณย่าคนสวยอยู่ใช่ไหมคะ?”

“กุ่นกุ่นลองพูดสิคะ คุณย่าคนสวยสวัสดีค่ะ หนูชื่อกุ่นกุ่น ชื่อจริงชื่อลี่อานซู”

พวกผู้หญิงต่างก็นั่งล้อมเป็นวงกลมเล่นกับเด็กน้อยทั้งสองอย่างสนุกสนาน

แม่ของเวียร์คุยกับโม่เสี่ยวฮุ่ยอย่างถูกคอ อันที่จริงแม่ของเวียร์เป็นคนที่ร่าเริงมากคนหนึ่ง แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงกิริยามารยาทของตัวเองไว้ได้อย่างสง่างาม

ลี่จุนถิงนั่งอยู่กับเวียร์และพ่อของเวียร์ พวกเขานั่งคุยกันเรื่องแนวทางในอนาคตของบริษัทและปรึกษาปัญหาเกี่ยวกับธุรกิจอยู่ที่โซฟา ทว่าทั้งสามก็ไม่วายเหลือบมองไปทางพวกผู้หญิงที่นั่งล้อมวงกันอยู่

พ่อกับแม่ของเวียร์อยู่ที่นี่ได้ไม่นานก็จะออกไปเที่ยวแล้ว แต่พวกเขาไม่ได้บอกให้ลี่จุนซินกับเวียร์ไปด้วย

“พวกลูกอยู่บ้านพักผ่อนเถอะ แม่ชอบออกไปเที่ยวเองกับพ่อสองต่อสองมากกว่า ถ้าพาพวกหนูไปด้วยพวกหนูคงจะทำให้พวกเราเสียเรื่องแน่”

ที่จริงโม่เสี่ยวฮุ่ยยังอยากให้พวกเขาอยู่ต่ออีกสองสามวัน แต่ว่าแม่ของเวียร์เป็นคนที่อยู่นิ่งกับที่ไม่ได้ หล่อนชอบออกไปเที่ยว

“เดี๋ยวฉันออกไปเดินเที่ยวสักรอบก็กลับมาแล้ว ส่วนเรื่องวันหมั้นถ้าพวกคุณหาวันได้แล้วก็บอกพวกเราได้เลย และเรื่องงานเลี้ยงวันหมั้นถ้าพวกคุณเห็นว่าต้องจัดการยังไงก็ทำได้เลย ลำบากพวกคุณด้วยนะคะที่มีครอบครัวทางฝั่งสามีขี้เกียจอย่างพวกเรา”

“ลำบากอะไรกัน คนกันเองทั้งนั้น เรื่องวันหมั้นที่กำหนดไว้ก่อนหน้านี่เห็นทีคงจะไม่ทันแล้ว มันเร็วเกินไป ทว่ายังไงงานเลี้ยงวันหมั้นก็จะเชิญแต่คนในครอบครัวของตัวเองอยู่แล้ว เพราะงั้นจัดช้าหน่อยคงไม่เป็นไรหรอก”

“ได้ พวกคุณว่ายังไงก็เอาอย่างนั้น ฝากพวกคุณด้วยแล้วกัน พวกเราขอตัวไปก่อนล่ะ ถ้ามีเรื่องอะไรคุยกับเวียร์ได้เลยนะคะ”

หลังจากพ่อกับแม่เวียร์บินกลับ เวียร์ก็กลับไปเคลียร์งานที่อังกฤษด้วย ส่วนลี่จุนซินก็กลับมาทำงานเหมือนเดิม

ส่วนเจียงหยุนเอ๋อกับโม่เสี่ยวฮุ่ยนั้นอยู่ที่บ้านคอยจัดการเรื่องงานหมั้นของลี่จุนซิน

โม่เสี่ยวฮุ่ยเอาแต่วุ่นอยู่กับเรื่องเตรียมสินสอดทองหมั้นให้ลี่จุนซิน ที่จริงในทุกๆปีโม่เสี่ยวฮุ่ยมักจะซื้อทองคำแท่งให้ลี่จุนซินอยู่แล้ว เนื่องจากทองคำแท่งเป็นสิ่งที่มีค่ามีราคามากที่สุด ทว่ามีแค่ทองคำแท่งมันจะไปพอได้ยังไง

เจียงหยุนเอ๋อเคยถามลี่จุนซินแล้วว่าในอนาคตอยากจัดงานแต่งงานแบบไหน

“ฉันชอบงานแต่งงานแบบโบราณที่ส่วนมากจะมีการจัดตกแต่งงานด้วยสีแดง ฉันรู้สึกว่าการจัดงานแบบนั้นมันถึงจะเรียกได้ว่าการแต่งงานจริงๆ แบบดั้งเดิมนั้นดีที่สุด”

ดังนั้นเจียงหยุนเอ๋อเลยเสนอขึ้นมาว่าให้เตรียมสินสอดทองหมั้นเหมือนกับในอดีตที่พวกขุนนางเตรียมให้ลูกสาว

“เอางี้ไหมคะพวกเราเตรียมโรงแรมไว้สักที่หนึ่งเพื่อจัดงานให้พี่สาว แล้วก็เตรียมชุดผ้าไหมหลากชนิด ซึ่งถ้าเป็นตอนนี้ล่ะก็คงเป็นเนื้อผ้าวัสดุชั้นนำของโลก ส่วนพวกเครื่องประดับต่างๆ พวกเราก็หามาปรับแต่งให้เหมือนกับสมัยก่อน”

“แต่ว่าเราก็ไม่ควรที่จะเอาตามแบบโบราณเป๊ะๆ เพราะเครื่องประดับพวกนั้นไม่สามารถใส่ออกไปเดินข้างนอกได้อย่างปกติ อย่างเช่นพวกปิ่นปักผมหรือเครื่องประดับศีรษะอะไรพวกนี้ พวกเราไม่ใช้ดีกว่า หนูว่าพวกเราเปลี่ยนมาใช้เป็นพวกที่เสียบผมอันเล็กๆน่าจะเหมาะสมกว่า”

“ผมของพี่ค่อนข้างยาว ถ้าพี่มีที่เสียบผม พี่ก็จะไม่ต้องมัดผมไปทำงานทุกวัน อีกอย่างใส่เครื่องประดับศีรษะแบบนี้มันก็ดูดีและใช้งานได้จริงด้วย”

“ถ้าเอาตามนี้ล่ะก็พวกเราก็แค่ต้องเตรียมชุดเครื่องแต่งหน้าให้เข้ากับธีมงานสีแดงของพี่สาว แต่ว่าของพวกนี้ใช้ได้เพียงแค่ในวันแต่งงาน ฉะนั้นในส่วนของพิธีหมั้นพวกเราควรเตรียมเครื่องประดับที่ค่อนข้างทันสมัยอะไรพวกนั้นจะดีกว่า จะได้ไม่ดูยุ่งยากซับซ้อน”

“แต่ว่ามันจำเป็นต้องมีอะไรสักอย่างที่โดดเด่นออกมา ซึ่งตอนนี้หนูยังคิดไม่ออก”

โม่เสี่ยวฮุ่ยไม่นึกเลยว่าเจียงหยุนเอ๋อจะเสนอความคิดออกมาได้อย่างมืออาชีพ เธอรู้สึกดีใจมาก

“หยุนเอ๋อนี่ยอดเยี่ยมไปเลย หนูใส่ใจทุกอย่างมากจริงๆ ถ้าเกิดจุนซินรู้ว่าหนูเป็นคนวางแผนทั้งหมดล่ะก็ หล่อนจะต้องซาบซึ้งใจมากแน่ๆ”

“ขอบคุณสำหรับคำชมมากค่ะคุณแม่ ก่อนหน้านี้พี่เขาช่วยหนูไว้ตั้งเยอะ ฉะนั้นถือว่านี่เป็นการตอบแทนของหนูแล้วกัน อีกอย่างหนูก็แค่หวังว่าพี่สาวจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข”

หลังจากเจียงหยุนเอ๋อเสนอความคิดเห็นออกมา โม่เสี่ยวฮุ่ยก็พาเธอไปยังร้านขายของเก่าแก่และร้านจัดงานแต่งหลายแห่งเพื่อไปหาของดีๆมาให้ลี่จุนซิน

แถมยังบอกลี่จุนถิงอีกว่าให้เขาช่วยหาของที่ค่อนข้างมีคุณค่ามา เพราะยังไงซะลี่จุนซินก็เป็นพี่สาวแท้ๆของเขา

เมื่อลี่จุนซินรู้เรื่องนี้จากลี่จุนถิงก็รู้สึกซาบซึ้งใจมาก