บทที่ 668 นอนรอความสำเร็จ

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 668 นอนรอความสำเร็จ

บทที่ 668 นอนรอความสำเร็จ

คุณปู่ซูกระแอมคราหนึ่งก่อนจะเปิดปากพูด

“ในห้องใต้ดินของบ้านพวกเรามีกล่องสมบัติอยู่กล่องหนึ่ง พวกแกพี่น้องก็รู้อยู่แล้ว สองปีมานี้ฉันเห็นว่าสถานการณ์ดีขึ้นแล้ว จึงคิดว่าจะขุดกล่องนี้ขึ้นมาพวกแกเห็นด้วยไหม?”

เรื่องที่จะขุดกล่องนี้ขึ้นมาคุณปู่ซู และคุณย่าซูไม่ได้คิดจะปิดเป็นความลับจากลูกชายกับลูกสะใภ้ เพียงแต่กำชับพวกเขาไว้ว่าอย่าพูดถึงเด็ดขาด

หลังจากนั้นกล่องนั้นก็ถูกซ่อนไว้ในห้องใต้ดิน เพียงชั่วพริบตาไม่กี่ปีผ่านไปชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องซูเหล่าต้าก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ จึงลืมไปแล้วว่าในบ้านมีเรื่องสมบัตินี้อยู่ด้วย

“พ่อครับชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเราก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ไม่อย่างนั้นกล่องนั่นก็ช่างมันเถอะครับ!”

แม้ว่าหากเอากล่องนั้นออกมาชีวิตความเป็นอยู่ในครอบครัวจะง่ายขึ้นมากในทันที แต่ก็มีความเสี่ยงสูง สองปีมานี้อาจเห็นว่าดีขึ้นแล้ว แต่เรื่องนโยบายก็บอกไม่ได้ว่าจะเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนเลย หากเกิดอะไรขึ้นจะทำอย่างไร?

ส่วนพวกคนรุ่นหลังของตระกูลซู แม้จะอยากพูดแต่ก็ไม่มีใครเปิดปาก

เรื่องนี้ควรให้พวกผู้อาวุโสในบ้านหารือกันจะดีกว่า

“ฉันกับแม่ของพวกแกก็ยิ่งแก่ขึ้นทุกวัน ก่อนหน้านี้พวกเราแยกบ้านกัน ตอนนี้รายได้แต่ละบ้านก็แบ่งแยกกันง่ายแล้ว มีบางเรื่องที่ควรจะยกขึ้นมาพูดให้ชัดเจนก่อนเป็นดี” คุณปู่ซูพูด

ในใจคุณปู่ซูชัดแจ้งว่าบ้านเก่าคงไม่มีใครยอมกลับไปอยู่แล้ว บ้านที่ตัวเมืองอำเภอยังว่างอยู่ ซึ่งซูเสี่ยวเถียนบอกแล้วว่าจะไม่ขาย

นอกจากหออีหมิงในเมืองหลวง ทรัพย์สินอื่น ๆ ล้วนเป็นของพวกเด็ก ๆ เอง คนแก่อย่างพวกเขาสองคนไม่เกี่ยวข้อง ที่พอจะสามารถแบ่งได้ก็มีเพียงสมบัติที่เหนือความคาดหมายในบ้านเก่าเท่านั้น

พวกพี่สะใภ้น้องสะใภ้ตระกูลซูล้วนไม่เปิดปาก ทำเพียงมองคุณปู่ซูเงียบ ๆ

คุณปู่ซูพูด “กล่องสมบัติในบ้านเก่านั้นเสี่ยวเถียนเป็นคนหาเจอ แต่เสี่ยวเถียนบอกว่าเธอไม่อาจรับมันไว้คนเดียวได้ ฉันกับแม่พวกแกเลยคิดว่าหนึ่งในสามจะยกให้เสี่ยวเถียน ที่เหลือจะแบ่งเป็นสี่ส่วนเท่า ๆ กันให้พวกแกสามพี่น้องและคนอื่น ๆ”

หลังจากเขาพูดจบก็มองตรงไปยังลูกชายของตัวเอง และพวกลูกสะใภ้

พวกเขาพี่น้องล้วนไม่ได้มีนิสัยคิดเล็กคิดน้อย แต่หากต้องแบ่งทรัพย์สมบัติให้หลานสาว ก็ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจมีความขุ่นเคืองอยู่ในใจก็เป็นได้

“พ่อครับแม่ครับ พวกพ่อแม่ก็ควรเหลือไว้ส่วนหนึ่งนะครับ” ซูเหล่าต้าพูด

จะแบ่งให้พวกเขาหมดจนไม่เหลือให้คนเฒ่าคนแก่ได้อย่างไร?

“ฉันกับแม่แกตอนที่มาถึงเมืองหลวงก็เอาเงินมาด้วยสองหยวน เดิมทีคิดว่าจะเอาเงินมาเปลี่ยนชีวิตที่ยากลำบากในเมืองหลวง ใครจะรู้ว่าพอมาถึงเมืองหลวงแล้วนับวันชีวิตจะยิ่งดีขึ้นแบบนี้”

ซูเหล่าต้าได้ยินพ่อตัวเองพูดก็ไม่โน้มน้าวอีก

“เจ้าสาม กล่องใบนี้ถ้าจะให้พูดก็ควรเป็นของบ้านเจ้าสาม แต่ในตอนนั้นไม่ได้แยกบ้านแกเลยเสียเปรียบหน่อยแล้ว!” คุณปู่ซูพูดกับซูเหล่าซานและภรรยาของเขา

ซูเหล่าซานรีบพูด “พ่อครับเป็นแบบนั้นที่ไหนกันครับ ตอนนี้ในครอบครัวชีวิตความเป็นอยู่ก็นับว่าดีแล้ว ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารและเสื้อผ้า ทั้งได้เปิดร้านทั้งได้ซื้อบ้านผมจะไปคิดว่าเสียเปรียบได้อย่างไรครับ?”

เมื่อได้ยินซูเหล่าซานตอบแบบนี้ คุณปู่ซูก็สบายใจยิ่งทั้งยังถามซูเสี่ยวเถียน

“หลานรักคิดว่ายังไง? เรื่องนี้หลานมีความเห็นหรือเปล่า?”

“คุณปู่คุณย่าหนูไม่มีความเห็นค่ะ เงินนั้นเดิมทีเป็นของครอบครัวพวกเรา เพียงแต่ทำไมคุณปู่คุณย่าถึงคิดจะเอากล่องออกมาตอนนี้หรือคะ?”

ยุคสมัยนี้ทองคำยังไม่มีมูลค่ามากนัก ปล่อยไว้อีกไม่กี่ปีราคาจะพุ่งขึ้นสูง แต่คำพูดนี้ซูเสี่ยวเถียนไม่อาจพูดออกมาอย่างชัดเจนได้!

“เอาออกมาแบ่งให้แต่ละบ้าน ให้แต่ละบ้านตัดสินใจเอาเองว่าจะเก็บไว้ต่อหรือจะแลกเป็นเงิน เสี่ยวเถียนนี่จะช่วยหลานเรื่องการสร้างโรงงานได้พอดี เพราะอย่างนั้นอย่ากู้เงินเลย ถ้าจ่ายคืนไม่ไหวขึ้นมาจะทำอย่างไรเล่า?” คุณปู่ซูโน้มน้าวซูเสี่ยวเถียนอย่างจริงจัง

ซูเสี่ยวเถียนเข้าใจแล้วว่าที่แท้เป็นเพราะตัวเองต้องการกู้เงินเพื่อมาเปิดโรงงาน เพราะเหตุนี้จึงทำให้พวกเขามีความคิดเช่นนี้

เธอรู้สึกตื้นตันใจที่ตลอดชีวิตนี้ผู้อาวุโสมีใจนึกถึงเด็กคนนี้

“คุณปู่คุณย่าเรื่องกู้เงินเพื่อเปิดโรงงานเรียกได้ว่าเป็นการยืมไก่มาออกไข่ค่ะ ยิ่งไปกว่านั้นจะยิ่งสะดวกด้วยนะคะ”

“จะไปยืมไก่มาออกไข่ทำไม พวกเรามีมากก็กินมาก ถ้ามีน้อยก็กินน้อยสิ!” คุณปู่ซูพูด “หลานฟังปู่นะเอาทองไปขายแล้วเอาเงินไปเปิดโรงงานดีกว่า”

ซูเสี่ยวเถียนแม้จะตัดสินใจไปแล้วว่าต้องการกู้เงินมาสร้างกำไร แต่คำพูดนี้ของคุณปู่ซูก็จริงใจต่อเธอจริง ๆ เธอไม่อาจไม่ตระหนักถึงผลดีผลเสีย ดังนั้นจึงยิ่งควรตอบรับ

“เสี่ยวเถียนส่วนแบ่งของลูกพอหรือเปล่า? เอาส่วนแบ่งของพวกเราไปด้วยก็ได้” ซูเหล่าซานรีบพูด

พ่อทำเพื่อลูกสาวตัวเองแบบนี้ แล้วเขาจะไม่คิดเผื่อลูกสาวตัวเองได้หรือ?

“พ่อคะพอแล้วค่ะ ๆ ส่วนแบ่งนี้ของพ่อกับแม่เหลือไว้ให้พวกพี่ชายเถอะค่ะ!” ซูเสี่ยวเถียนรีบพูด

เธอได้รับส่วนแบ่งหนึ่งในสามมาแล้วไม่อาจแบ่งมาจากครอบครัวได้อีก

“เสี่ยวเถียนอย่าดื้อเลย แม่กับพ่อรองก็จะเอาส่วนแบ่งให้หนูไปใช้ด้วย!” ฉีเหลียงอิงเปิดปากพูดด้วยความใจกว้างอย่างหาได้ยาก

ซูเหล่าเอ้อร์มองภรรยาตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ

ภรรยาตัวเองช่วงนี้เปลี่ยนไปมาก ทำไมนับวันถึงยิ่งรู้จักคิดแบบนี้เล่า?

ซูเสี่ยวเถียนรีบโบกไม้โบกมือ “พ่อรองแม่รอง พวกคุณต้องเก็บไว้ให้พี่สี่นะคะ อีกไม่กี่ปีมันจะเป็นสมบัติจริง ๆ ค่ะ”

ซูเหล่าต้ากับภรรยายังบอกว่าหากเสี่ยวเถียนยังไม่ต้องการใช้ก็จะเก็บไว้ก่อน แต่หากเสี่ยวเถียนต้องการใช้พวกเขาก็จะเอาออกมา

พวกลูกชายกับลูกสะใภ้เป็นห่วงซูเสี่ยวเถียนแบบนี้ สองผู้เฒ่าผู้แก่ก็พอใจมาก

ในตอนนั้นเองที่เหลียงซิ่วนึกขึ้นมาได้ “ฉันจำได้ว่าปีนั้นตอนที่ฉันกลับไปบ้านแม่ ตรงทางเดินเสี่ยวเถียนเห็นหินก้อนใหญ่สองก้อนแล้วบอกว่าเป็นสมบัติแน่นอนจึงยืนกรานว่าต้องเอากลับบ้านให้ได้ ตอนนี้ยังถูกวางไว้ที่มุมกำแพงอยู่เลย”

เมื่อพูดเรื่องนี้ขึ้นมาทุกคนก็ล้วนหัวเราะ

“ไม่ใช่แค่หินสองก้อนนั้นนะ ตอนเสี่ยวเถียนยังเด็กก็เก็บพวกหินแปลก ๆ ไว้ในบ้านไม่น้อย ตอนนี้พวกมันยังถูกเก็บไว้อยู่เลย”

ซูเสี่ยวเถียนได้ยินก็หัวเราะเช่นกัน

พวกนั้นคือสมบัติจริง ๆ แต่ตอนนี้เธอยังไม่สามารถอธิบายได้ ของพวกนั้นทั้งหมดล้วนเป็นหินหยกในนั้นมีสมบัติซ่อนอยู่ ช่วงไม่กี่ปีนั้นที่เธออยู่ที่บ้านก็อาศัยทักษะความชำนาญเรื่องพืชเก็บรวบรวมสมบัติโดยรอบมา ในตอนนี้หินหยกยังไม่มีมูลค่า แต่ผ่านไปไม่กี่ปีจะเริ่มราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้นซูเสี่ยวเถียนก็รู้สึกว่ารีบหาเงินไปในตอนนี้ก็ไร้ความหมาย เห็นได้ชัดว่าสามารถนอนรอความสำเร็จได้เลย!

“ของพวกนั้นทั้งหมดคือสมบัติของหนูค่ะต้องเก็บไว้ให้ดี ตอนนี้ที่บ้านครอบครัวพวกเราไม่มีคนจะให้ถูกคนฉวยเอาไปตามใจชอบไม่ได้ใช่ไหมล่ะคะ?” ซูเสี่ยวเถียนนึกถึงสมบัติพวกนั้นก็กังวลขึ้นมาบ้าง

“ย่อมไม่ได้อยู่แล้ว ฉันรู้ว่าเธอหวงแหนของพวกนั้น ฉันกับแม่ใหญ่ของหนูตอนที่จะเดินทางก็เอาสมบัติพวกนั้นที่วางไว้ในมุมกำแพงไปไว้ในห้องโถงหมดแล้ว”

แม้จะคิดมาตลอดว่าของพวกนั้นไม่มีมูลค่าแต่เพราะเสี่ยวเถียนชอบสองสามีภรรยาจึงใส่ใจ

ตอนที่กำลังจะออกเดินทางก็ยังใส่ใจช่วยเสี่ยวเถียนเก็บทุกอย่างไว้

เพียงแต่ในตอนนี้สองสามีภรรยายังไม่รู้ว่าหินแตก ๆ ที่พวกเขาย้ายเข้าไปไว้ที่ห้องโถงในบ้านอย่างไม่ได้ตั้งใจในอนาคตจะมีมูลค่ามหาศาล!

ซูเสี่ยวเถียนรีบยิ้มขอบคุณซูเหล่าต้าและภรรยา

เมื่อสองสามีภรรยาซูโส่วเวินและหลี่หลินหลินมาถึงเรื่องทั้งหมดก็หารือกันเรียบร้อยแล้ว

คุณปู่ซูไม่ได้พูดย้ำอีกครั้งเรื่องการจัดแบ่งเป็นเรื่องของพวกผู้ใหญ่ และเด็กก็ไม่มีความเกี่ยวข้อง

ส่วนเรื่องที่บ้านซูเหล่าต้าจะจัดสรรอย่างไรก็เป็นเรื่องของบ้านจูเหล่าต้า พวกผู้เฒ่าผู้แก่อย่างพวกเขาไม่คิดก้าวก่าย!