บทที่ 691 คนสองคนรักกัน

บทที่ 691 คนสองคนรักกัน

“อาซือ ครานี้ไม่ได้มาเสียเปล่าแล้วนะ?”

“แน่นอน ครานี้ข้าอารมณ์ดียิ่งนัก ไม่มีเรื่องที่ทำให้ไม่สบายใจ”

ทั้งสองจูงมือกันเดินกลับที่พัก

อีกด้านหนึ่ง

หลังจากที่ปี้ชุนและเหยาเอ้อหลางรู้ความในใจของกันและกัน ก็ตัวติดหนึบเป็นตังเมมาตลอด

แม้แต่ตอนที่คนกลุ่มหนึ่งกลับเมืองมาด้วยความเบิกบานใจ หัวใจของปี้ชุนก็เริ่มร้อนรุ่มใจ

“เอ้อหลาง ประเดี๋ยวข้าป้อนยาให้เจ้าก่อน เจ้าค่อยกลับ”

เหยาเอ้อหลางมองปี้ชุนที่กำลังจัดการยาลูกกลอนเม็ดนี้พลางครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยกับนางด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “นี่ก็ดึกมากแล้ว ข้าไปส่งเจ้าแล้วกัน มิเช่นนั้นคนในจวนของเจ้าคงเป็นห่วงแน่นอน”

ครั้นได้ยินคำพูดของเหยาเอ้อหลาง มือของปี้ชุนก็เริ่มสั่นระริก จนเกือบทำถ้วยในมือคว่ำลงพื้น โชคดีที่เหยาเอ้อหลางที่อยู่ถัดไปมือไวตาไวรีบเอื้อมมือออกมาประคองได้ทัน ทำให้ถ้วยชานั้นไม่ตกลงแตก

“อาการบาดเจ็บของเจ้าในตอนนี้ยังไม่ดีขึ้น ไม่มีข้าดูแลอยู่ข้างกายเจ้า อาการบาดเจ็บของเจ้าอาจจะหนักหนากว่านี้ก็ได้?” ปี้ชุนยมีสีหน้าเป็นกังวล เหยาเอ้อหลางจึงรีบขยับมือไปมาเป็นการพิสูจน์ตัวเอง

“วางใจเถอะ ร่างกายของข้า ข้ารู้ชัดเจนดี ไม่เป็นอะไรหรอก เดินกลับไปเช่นนี้ยังได้”

“แต่….”

ปี้ชุนเข้าใจทุกอย่าง แต่ในใจยังกังวลอยู่ลึก ๆ กว่าทั้งสองคนจะรู้ความรู้สึกของอีกฝ่ายไม่ใช่เรื่องง่าย

เวลานี้ปี้ชุนแค่อยากอยู่ข้างกายของเหยาเอ้อหลาง ไม่อยากแยกจากเขาง่าย ๆ เช่นนี้ เพราะหากเป็นเช่นนี้ต่อไปอาจจะไม่ได้เจอกันอีกก็ได้

“เจ้าเป็นอะไรไป?”

เหยาเอ้อหลางเห็นท่าทางทุกข์ใจของปี้ชุน จึงรีบเอ่ยถามนางทันทีเพราะเป็นห่วง กลัวว่านางอาจจะมีเรื่องราวในใจ

เอ้อหลางยื่นมือออกไป กุมมือของปี้ชุนไว้ในฝ่ามือใหญ่

“ตอนนี้เราสองคนได้รู้ความในใจของอีกฝ่ายแล้ว ไม่ช้าก็เร็วเราจะได้อยู่ด้วยกัน เจ้ามีเรื่องอะไรในใจเจ้าบอกข้าได้ ข้าจะช่วยเจ้าแก้ปัญหา ช่วยเจ้าคิดหาหาทาง เจ้าอย่าได้เป็นทุกข์เพียงลำพังเลย เป็นเช่นนี้ข้ายิ่งเป็นห่วง”

ครั้นเห็นสีหน้าเป็นกังวลที่แฝงอยู่ในแววตาของเขา ปี้ชุนจึงได้แต่กัดริมฝีปาก สุดท้ายก็ทอดถอนใจ ก่อนจะเล่าเรื่องในใจของตัวเองออกมา

“ข้ากลัวว่าหลังจากที่เราสองคนแยกจากกัน ข้าจะไม่ได้เจอเจ้าอีก ข้าตัดใจจากเจ้าไม่ได้”

ครั้นได้ยินคำพูดของปี้ชุน เหยาเอ้อหลางก็พลันคลี่ยิ้มทันที พลางยื่นมือออกไปลูบหัวของเธออย่างอ่อนโยน “เราสองคนจะไม่เจอกันได้อย่างไร แค่ต่างแยกย้ายกันกลับจวนของตัวเอง ถ้าอยากเจอก็เจอกันได้ตลอด เหตุใดเจ้าต้องกล่าวเช่นนี้?”

“ข้าไม่ได้หมายความว่าเช่นนี้!”

ปี้ชุนเห็นเหยาอเอ้อหลางยังคงยิ้ม ดูไม่เข้าใจความเป็นกังวลของตัวเองโดยสมบูรณ์ กระทั่งเกิดความร้อนใจชั่วขณะ

“สิ่งที่ข้าอยากได้คือเราต้องได้เจอกันตลอดเวลา!”

เหยาเอ้อหลางได้ยินคำพูดของปี้ชุนก็อึ้งงันไปในทันที จากนั้นก็ได้สติกลับมา “ความหมายของเจ้าก็คืออยากให้ข้ารีบสู่ขอเจ้ากลับจวนใช่หรือไม่?”

“เจ้าวางใจเถอะ ในเมื่อข้าบอกเจ้าถึงความในใจของข้าแล้ว ภรรยาเพียงคนเดียวของข้าก็คือเจ้า ไม่มีวันเป็นผู้อื่น”

ครั้นปี้ชุนได้ยินเหยาเอ้อหลางพูดเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา ใบหน้าจึงขึ้นสีแดงก่ำฉับพลัน

จากนั้นก็ยกมือขึ้นมาแตะหน้าตัวเองพลางกระทืบเท้าด้วยความร้อนใจ “เจ้าพูดอะไรเช่นนั้น? ใครบอกให้เจ้ามาสู่ขอข้าเล่า?”

เหยาเอ้อหลางตอบ ‘อ่อ’ เสียงเดียว ก่อนจะดึงมือของปี้ชุนแน่นไม่ยอมปล่อย

“ทำไมรึ? ความหมายของเจ้าคือจะไม่ยินยอมแต่งงานกับข้าใช่หรือไม่? เช่นนั้นข้าคงเสียใจแย่ คนเรามักเป็นจอมโกหก ที่บอกชอบข้าคงเป็นเรื่องโกหก”

“หากเจ้าชอบข้าจริง เหตุใดถึงไม่ยอมแต่งงานกับข้า?”

ปี้ชุนรีบลดมือที่กุมใบหน้าลง มองดูเหยาเอ้อหลางที่เหมือนกำลังเสียใจ และรีบอธิบาย “ไม่ใช่ ข้าไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้น ข้าไม่ได้บอกว่าไม่ให้เจ้ามาสู่ขอข้า เพียงแต่ เพียงแต่…. ไอหยา!”

ปี้ชุนเป็นคนที่ตรงไปตรงมาเสมอ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับคนที่ตัวเองชอบ จู่ ๆ ก็รู้สึกเขินอายขึ้นมา แม้แต่จะเอ่ยคำก็ยังตะกุกตะกัก

สิ่งที่นางแสดงออกมาคือท่าทีเขินอายเหมือนสาวน้อย ครั้นเห็นท่าทางของปี้ชุน ยิ่งทำให้เหยาเอ้อหลางเกิดความชอบใจอยู่ภายในใจ และหยุดแกล้งนางทันที

“เจ้าวางใจเถอะ หลังจากข้ากลับไป ข้าจะคุยกับท่านพ่อและท่านแม่ให้รู้เรื่อง จากนั้นก็ไปเยือนจวนบิดามารดาของเจ้า เป็นอย่างไร?”

ปี้ชุนพยักหน้าอย่างหนักหน่วง “เยี่ยม เช่นนั้นข้าจะรอเจ้าอยู่ในจวน เจ้าต้องมาให้ได้นะ”

เหยาเอ้อหลางอาสาไปส่งปี้ชุนกลับจวนก่อน จากนั้นเขาถึงจะรีบกลับจวนของตัวเอง

ผลลัพธ์คือระหว่างทางบังเอิญเจอกับเหยาต้าหลาง

เหยาต้าหลางมีท่าทางรีบร้อนเช่นกัน เหมือนต้องรีบไปจัดการบางอย่าง ครั้นเขาเห็นเหยาเอ้อหลางก็หยุดชะงักลง

“เอ้อหลาง คงไม่ได้เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นหรอกนะ? เหตุใดถึงได้บาดเจ็บร้ายแรงเช่นนี้? ท่านพ่อและท่านแม่รู้หรือไม่?”

เหยาต้าหลางเห็นอาการบาดเจ็บทั้งตัวของเหยาเอ้อหลาง จึงรีบเข้ามาเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

“วางใจเถอะ พี่ใหญ่ ข้าไม่เป็นไร บาดแผลเล็กน้อยเหล่านี้ไกลหัวใจ ว่าแต่พี่ใหญ่เถอะ ท่าทางร้อนใจเช่นนี้มีเรื่องอะไรรึ?”

ครั้นเหยาต้าหลางเห็นเหยาเอ้อหลางบอกว่าไม่เป็นอะไรจึงไม่ได้พูดมากความอีก เขาอธิบายอย่างอดทน พลางเผยรอยยิ้มที่ซ่อนอยู่ภายใน

“ข้าต้องไปเจอหญิงผู้เป็นที่รักของข้า ได้ยินว่าพ่อแม่ของนางจะจัดการเรื่องงานแต่งให้นาง ข้าต้องขัดขวางพวกเขา นางเป็นภรรยาของข้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น!”

“มีเรื่องแบบนี้ด้วยรึ พี่ใหญ่รีบเถอะ ข้าไม่อยากถ่วงเวลาของพี่ใหญ่!”

เหยาเอ้อหลางเอ่ย พลางให้เหยาต้าหลางรีบไป

พี่ใหญ่ไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย ไม่นานก็หายวับไปกับตา

เหยาเอ้อหลางยืนอึ้งงันอยู่ที่เดิม คิดว่าเขาเองก็ต้องรีบกลับไปคุยเรื่องแต่งงานกับครอบครัวของปี้ชุน

มิเช่นนั้นครอบครัวของปี้ชุนเกิดจัดการเรื่องงานแต่งให้แก่นางอย่างไร?

ถึงตอนนั้น ถ้าปี้ชุนเกิดชื่นชอบชายอื่น หัวใจของเขาคงจะแตกสลาย

ไม่ง่ายเลยที่จะมีหญิงสาวที่ตัวเองชื่นชอบอย่างจริงจัง หลังจากที่เหยาเฉาและสะใภ้รองเหยารู้เรื่องนี้ก็หยุดส่งหญิงงามมาให้เขาดูตัวอีก

เขารีบวิ่งกลับจวน โดยไม่บอกกล่าวแม้แต่ประโยคเดียว นอกจากยิงเข้าประเด็นโดยตรง

“ท่านพ่อและท่านแม่ ข้าอยากได้บุตรสาวขององครักษ์พิทักษ์เมืองมาเป็นภรรยา!”

“เจ้าว่าอย่างไรนะ?”

เหยาเฉาและสะใภ้รองเหยาได้ยินคำบอกกล่าวของบุตรชายตัวเอง ก็พากันตกตะลึงพรึงเพริดเสียยกใหญ่ คิดว่าบุตรชายของเขาอาจจะเสียสติกลางวันแสก ๆ

แต่หลังจากเห็นบาดแผลตามร่างกายก็รีบเอ่ยถามทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่เวลานี้เหยาเอ้อหลางไม่สนใจเรื่องนี้ สิ่งเดียวที่คิดได้คือต้องรีบสู่ขอปี้ชุนกลับจวนโดยเร็ว

“ท่านพ่อและท่านแม่ ข้าจริงจังนะขอรับ ข้าอยากได้บุตรสาวขององครักษ์เมืองมาเป็นภรรยาของตัวเองจริง ๆ ข้าหารือกับปี้ชุนเรียบร้อยแล้ว เราสองคนรักกัน มั่นคงต่อความรู้สึกของกันและกัน”

ครั้นเห็นเหยาเอ้อหลางมีท่าทีจริงจังและเย็นชา เหยาเฉาและสะใภ้รองเหยาก็ได้แต่มองหน้ากัน กระทั่งรู้ว่าลูกชายของพวกเขาไม่ได้ล้อเล่นกับพวกเขา แต่อยากแต่งคุณหนูผู้นั้นให้จงได้

“นี่ไม่ใช่เรื่องเด็ก ๆ นะ ก่อนหน้านั้นข้ายัดเยียดสตรีมากมายให้ เจ้าก็ปฏิเสธมาตลอด ตอนนี้เจ้ากลับมาเอ่ยเรื่องงานแต่งเอง ตระกูลขององครักษ์พิทักษ์เมืองไม่ใช่ครอบครัวคนธรรมดา นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะมาล้อเล่นกันได้!”

——————————————–