ตอนที่ 1365 สมบัติจ๋า เรามาแล้ว! (3) / ตอนที่ 1366 สมบัติจ๋า เรามาแล้ว! (4)
ตอนที่ 1365 สมบัติจ๋า เรามาแล้ว! (3)
ของพวกนี้ไม่ใช่จุดประสงค์หลักในการเดินทางของพวกจวินอู๋เสีย
เมื่อเทียบกับเงินทองของมีค่าจำนวนนับไม่ถ้วนพวกนั้น ภาพแกะสลักหินบนกำแพงดึงดูดความสนใจของพวกจวินอู๋เสียได้มากกว่าเล็กน้อย
หลังจากได้เห็นภาพแกะสลักหินมากขึ้น จวินอู๋เสียก็ได้รู้เรื่องของเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิมากขึ้นด้วย ติดอยู่แค่ว่าเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิจะสวมหน้ากากอยู่บนภาพบนผนังทุกภาพ ทำให้เป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ แต่ในภาพจิตรกรรมฝาผนังทั้งหมดนั้น ก็แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ในอดีตของเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิได้เป็นอย่างดี
จวินอู๋เสียกวาดมองภาพบนผนังทั้งหมด ก่อนจะมองไปที่ใบหน้าของจวินอู๋เย่า
บนใบหน้าที่หล่อเหลาไร้กาลเวลานั้น มีรอยยิ้มแบบเดียวกับที่นางคุ้นเคย
ขนตาของจวินอู๋เสียกระพือเล็กน้อย นางลดสายตาลงทันที แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
“เดินต่อไปแบบนี้ไม่ได้เรื่องแน่ สุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิใหญ่เกินไปแล้ว ข้าว่าถ้าเรายังเดินไปเรื่อยๆ แบบไร้จุดหมายเช่นนี้ กว่าจะหาเจอก็คงชาติหน้าโน่นกระมัง” เฉียวฉู่ดึงตัวเองออกจากสมบัติมหาศาลที่ล่อตาล่อใจได้แล้ว จึงได้สติขึ้นมาเล็กน้อย
สุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิใหญ่เกินไป พวกเขามาที่นี่ก็เพื่อหาของวิเศษที่ถูกฝังไว้ในสุสานพร้อมกับเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ เพื่อจะใช้มันเพิ่มพลังของพวกเขา แต่สิ่งที่พวกเขาเห็นมีเพียงเงินทองและอัญมณีเท่านั้น ของที่พวกเขาจะเอาไปใช้ได้มีอยู่แค่ไม่กี่อย่าง
ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงจุดหมายในการเดินทางแล้ว แต่กลับทำได้เพียงวนไปรอบๆ เหมือนแมลงวันไร้หัว ทำให้พวกเขารู้สึกผิดหวังอย่างมาก
“เจ้าโง่เฉียวพูดถูก เดินหาไปเรื่อยๆ แบบสุ่มสี่สุ่มห้าอย่างนี้ มีแต่จะเสียเวลาเปล่า สุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิสลับซับซ้อนและใหญ่กว่าที่เราคิดมาก คนที่ไม่รู้ทางไม่มีวันหาทางไปได้แน่” ฮวาเหยาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย แผนที่ที่พวกเขามีอยู่นั้นไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิงเมื่อพวกเขาเข้ามาในนี้
ปลายทางสุดท้ายที่ระบุไว้บนแผนที่เป็นแค่ที่ตั้งของสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวกับภายในสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิเลย
อาจเป็นไปได้ว่าบิดามารดาของพวกเขาแค่หาสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิเจอ แต่ไม่ได้เข้าไปข้างใน หรือไม่ก็พวกเขาไม่มีเวลามากพอที่จะบันทึกเกี่ยวกับด้านในสุสาน
เมื่อพวกจวินอู๋เสียเจอสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ คำถามหนึ่งก็ได้ติดอยู่ในใจของพวกเขา
สุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิล้อมรอบด้วยเขตแดนกั้นเขตแดนตลอดเวลา ถ้าจวินอู๋เสียไม่ได้ค้นพบเขตแดนนั้นโดยบังเอิญ และจวินอู๋เย่าไม่ได้ทำลายเขตแดนนั้นละก็ ต่อให้พวกเขายืนอยู่ตรงหน้าสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ พวกเขาก็คงไม่สามารถพบเบาะแสใดๆ ได้เลย
แต่การที่บิดามารดาของพวกเขาสามารถระบุตำแหน่งของสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิได้อย่างชัดเจน คือสิ่งที่พวกเขายังคงสงสัยมาโดยตลอด
ในตอนนั้นบิดามารดาของพวกเขาหาสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิเจอได้อย่างไร
พวกเขานึกหาเหตุผลที่เป็นไปได้ไม่ออกเลย
“ข้ากำลังคิดว่า ทำไมเราไม่ถามเจ้าหนูตัวเล็กนี่ดูเล่า” เฉียวฉู่เดินมาตรงหน้าเยี่ยกู มองดู ‘เจ้าหนูตัวเล็ก’ ที่มีหน้ากากปิดหน้าครึ่งหนึ่ง
เยี่ยกูหรี่ตาลง เสียงกัดฟันทำให้เยี่ยซากับเยี่ยเม่ยที่จับเขาอยู่รู้สึกเสียวสันหลังวาบ
“เจ้าหนู ช่วยพาเราดูรอบๆ ที่นี่หน่อยได้หรือไม่” เฉียวฉู่ไม่รู้ตัวเลยว่าอันตรายกำลังใกล้เข้ามา ยังคงพูดจารนหาที่ตาย
เยี่ยซากับเยี่ยเม่ยจุดเทียนอธิษฐานภาวนาให้เฉียวฉู่อยู่ในใจ โชคดีที่มีจวินอู๋เย่าอยู่ด้วย ถ้าจวินอู๋เย่าไม่อยู่ละก็….
พวกเขาแทบจินตนาการภาพเฉียวฉู่โลหิตสาดกระจายไปไกลถึงสามฟุตได้เลย
เยี่ยกูหรี่ตาลงมองเฉียวฉู่ ยิ้มแต่ดูไม่เหมือนยิ้ม พลางพูดว่า “ได้”
บัดซบ รอนายท่านอนุญาตก่อนเถอะ บิดาจะบิดหัวไอ้เศษสวะนี่ให้หมุนเป็นเกลียวเลย!
ตอนที่ 1366 สมบัติจ๋า เรามาแล้ว! (4)
เฉียวฉู่คิดอย่างไม่ใส่ใจว่า เยี่ยกูตอบตกลงเพราะ ‘ไม่มีทางเลือก’ เฉียวฉู่จึงยิ้มกว้างออกมาอย่างสดใส
เยี่ยกูกัดกรามแน่น มือสองข้างทั้งซ้ายและขวา แอบคว้าจี้หยกที่เอวของเยี่ยซาและเยี่ยเม่ย แล้วบดขยี้หยกทั้งสองชิ้นจนกลายเป็นผงอย่างเงียบๆ
เยี่ยซาและเยี่ยเม่ยกลืนน้ำลาย ทำได้เพียงแกล้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เมื่อเยี่ยกูเป็นผู้นำทาง พวกเขาก็ไม่ต้องเดินไปแบบสุ่มสี่สุ่มห้าเหมือนแมลงวันไร้หัวในสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ
แต่จวินอู๋เสียเดินออกไปได้ไม่เท่าไร นางก็หยุดอย่างกะทันหัน
“หืม” จวินอู๋เย่าหันมามองจวินอู๋เสียด้วยแววตาสงสัย
จวินอู๋เสียหันกลับมามองกลุ่มสหายของนาง นางกวาดสายตามองพวกเขาแล้วก็ตัวแข็งทื่อทันที!
“เสี่ยวเจว๋อยู่ไหน” จวินอู๋เสียมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นวี่แววของเสี่ยวเจว๋ในกลุ่มสหายเลย ตอนที่พวกจวินอู๋เย่าปรากฏตัวบนหลังคาสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ นางเห็นเด็กน้อยอยู่ที่ด้านหลังของกลุ่มสหายอย่างชัดเจน แต่ตอนนี้ แค่ครู่เดียวเท่านั้น เขาก็หายไปไหนไม่รู้แล้ว
พอจวินอู๋เสียถามขึ้นมา พวกเฉียวฉู่ถึงได้สังเกตเห็นว่าเสี่ยวเจว๋หายตัวไปแล้ว!
“ข้า…ข้าชักสังหรณ์ไม่ดีแล้ว…” เฉียวฉู่กลืนน้ำลายเสียงดัง
“เอ่อ ข้าเห็นห้องที่เราผ่านมาเมื่อสักครู่ มีพวกเครื่องหยกอยู่เยอะแยะเลย…” เฉียวฉู่ยกมือขึ้นชี้อย่างลังเล ประตูหลายบานที่พวกเขาเดินผ่านล้วนถูกจวินอู๋เย่าเปิดออกทั้งหมด ตอนแรกพวกเขาก็ตื่นเต้นสนใจ แต่พอเห็นมากๆ เข้า พวกเขาก็เริ่มหมดความสนใจ เพียงแค่เหลือบตามองสมบัติแบบผ่านๆ เท่านั้น
เครื่องหยก!
เฉียวฉู่พูดยังไม่ทันขาดคำ จวินอู๋เสียก็หันหลังเดินกลับไปตามทางที่พวกเขามาทันที
จวินอู๋เย่าอดยิ้มออกมาไม่ได้ขณะที่เดินตามนางไป
ในห้องโถงขนาดใหญ่ที่เปิดประตูเอาไว้ นอกจากพวกทองแท่งแวววาวแล้ว ก็มีอัญมณีล้ำค่ามากมายกระจายอยู่ทั่วเหมือนดวงดาวที่ปกคลุมไปทั่วทั้งพื้น นอกจากสมบัติที่ส่องแสงระยิบระยับพวกนั้นแล้ว ก็มีเครื่องหยกจำนวนหนึ่งถูกโยนเอาไว้ท่ามกลางกองสมบัติพวกนั้นด้วย
และร่างเล็กๆ ร่างหนึ่งกำลังนั่งกอดแจกันหยกอยู่บนกองสมบัติ ปากก็เคี้ยว ‘กร้วม กร้วม’ อย่างมีความสุข
จวินอู๋เสียมองไปที่ร่างเล็กๆ ที่กำลังกินอย่างมีความสุขแบบพูดอะไรไม่ออก ในใจรู้สึกจนปัญญาอย่างมาก
เสี่ยวเจว๋ดูเหมือนจะสังเกตเห็นว่ามีคนมา เขาจึงเงยหน้าขึ้นมอง ปากยังคงเคี้ยวก้อนหยกที่เพิ่งกัดออกไป ดวงตาสีแดงสดกลมโตของเขากะพริบปริบๆ อย่างไร้เดียงสาเมื่อเห็นจวินอู๋เสียยืนอยู่ตรงนั้น
จากนั้นเขาก็หยิบแหวนนิ้วหัวแม่มือหยกที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมาและยื่นส่งให้จวินอู๋เสียพร้อมกับพูดว่า “พี่ชาย จิน!”
จวินอู๋เสียมุมปากกระตุก นางกินได้ที่ไหนเล่า
ไม่ต้องพูดเลยว่าฟันนางจะกัดหยกเข้าหรือเปล่า ท้องของนางไม่สามารถย่อย ‘อาหาร’ ชนิดนี้ได้อยู่แล้ว
เห็นได้ชัดว่าเครื่องหยกพวกนี้ดึงดูดความสนใจของเสี่ยวเจว๋ได้มากเมื่อเทียบกับคุณภาพหยกข้างนอก หยกที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะใส่ไว้ในสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิย่อมถูกคัดมาอย่างดีจากคนของดินแดนเทพมาร ดังนั้นพลังวิญญาณในเครื่องหยกพวกนั้นจึงมีคุณภาพดีกว่ามาก สำหรับเสี่ยวเจว๋แล้ว เขารู้สึกเหมือนเป็นหนูที่ปีนเข้าไปในถังข้าวได้ ไม่มีอะไรจะสุขมากไปกว่านี้แล้ว
แม้ว่าเหตุผลที่จวินอู๋เสียพาเสี่ยวเจว๋เดินทางมาที่นี่ด้วย ก็เพื่อหาของที่สามารถเติมพลังให้หยกสงบวิญญาณได้ แต่…นางไม่ได้จะให้เขานั่งกินอยู่ที่นี่ตอนนี้!
พวกเขายังไม่รู้สภาพที่แท้จริงทั้งหมดของสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิเลย นางไม่อาจวางใจปล่อยให้เสี่ยวเจว๋อยู่ที่นี่คนเดียวได้