อันที่จริง ตอนที่จ้าวเฟยเฟยกับลี่เจี้ยนหวาบังเอิญเจอกันนั้น ก็หวั่นไหวแล้ว ทุกครั้งที่ได้บังเอิญเจอกับลี่เจี้ยนหวาก็เป็นแผนของเธอทั้งนั้น
เธอสังเกตลี่เจี้ยนหวาอยู่นาน ก่อนจะพบว่าเขาไม่ได้สนิทกับครอบครัวสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะความสัมพันธ์กับภรรยาของเขาอย่างโม่เสี่ยวฮุ่ย หลังจากที่มีลูกคนที่สองอย่างลี่จุนถิง ความสัมพันธ์ก็แย่ลงเรื่อยๆ
เธอหาคนรู้จัก ก่อนจะเข้าไปในบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป แล้วเป็นผู้ช่วยเลขาของลี่เจี้ยนหวา
เธอเห็นว่าลี่เจี้ยนหวาทำงานหนักทุกวัน เลยไปเรียนนวด เมื่อมีเวลาก็จะมานวดให้ลี่เจี้ยนหวาที่ห้องพัก
จากนั้น ทั้งสองคนก็คบหากัน เพื่อไม่ให้คนอื่นรู้ จ้าวเฟยเฟยเลยลาออก ก่อนจะเข้าไปอยู่ในที่ที่ลี่เจี้ยนหวาจัดการเอาไว้ให้เธอ
เวลาที่ทั้งสองคนจะเดทกันก็จะมาที่ห้องนี้ทุกครั้ง พวกเขาไม่กล้าออกไปเดทกันข้างนอก เพราะเกรงว่าจะมีคนเห็นเข้า
บางครั้งลี่เจี้ยนหวาก็พาเธอออกไปทำงานข้างนอก ทั้งสองคนนั้นเดินทางกันคนละเส้น และพักกันคนละที่ด้วย เป็นแบบนี้มาหลายปี ดังนั้นโม่เสี่ยวฮุ่ยเลยตรวจสอบอยู่หลายปี แต่ก็ไม่พบอะไร
หลังจากที่ลี่จุนถิงโตแล้ว โม่เสี่ยวฮุ่ยก็รักเขาหมดใจ และไม่ได้สนใจเรื่องของลี่เจี้ยนหวาอีกเลย
ก่อนหน้านี้ที่จ้าวเฟยเฟยนวดให้ลี่เจี้ยนหวา เขามีความสุขที่สุด เพราะทุกครั้งที่นวด ทั้งสองคนก็จะไปจบกันที่เตียงเสมอ
ดังนั้นเลยมีลี่หุย
ลี่เจี้ยนหวาคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ ในหัวก็เกิดความคิดขึ้นมามากมาย
ดังนั้นคืนนี้ ตอนที่จ้าวเฟยเฟยเริ่มนวดให้ลี่เจี้ยนหวา เขาเลยมีความคิดที่ควบคุมไม่ได้ขึ้นมา
จากนั้นเมื่อเขาได้ยินจ้าวเฟยเฟยพูดกับเขา ก็เข้าใจทันที จ้าวเฟยเฟยทำทั้งหมดเพื่อเอาใจเขา จากนั้นก็ใช้โอกาสนี้ในการเสนอข้อเสนอออกมา
“เจี้ยนหวา คุณว่าถึงตอนนี้ลี่หุยจะทำงานในส่วนการบริหารของบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป แต่ว่าเขาก็ไม่มีอำนาจอะไรเลย”
“เขาบอกฉัน ว่าเขาเป็นคนทำหน้าที่ผู้ช่วยฝ่ายธุรกิจแต่ถูกจัดให้ไปถ่ายเอกสารให้พวกเขา ขนาดโปรเจคของบริษัทเขายังเข้าไปยุ่งไม่ได้เลย คุณว่าเขาจะเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทำไม”
“คุณว่า ลี่จุนถิงไม่ใช่คนทำลายทุกอย่างเหรอ ความสามารถของลี่หุยไม่ได้แย่เท่าไหร่ ทำไมลี่จุนถิงถึงไม่ยอมเขาบ้างล่ะ”
“อีกอย่าง ถึงแม้พวกเขาสองคนจะไม่ได้มีแม่คนเดียวกัน แต่ว่าก็มีพ่อคนเดียวกันนะ พูดขึ้นมา ลี่จุนถิงยังเป็นพี่ชายของลี่หุยด้วย เขาเองก็ใจร้ายมากเกินไปแล้ว”
“เขาลงมือกับพี่น้องอย่างร้ายกาจขนาดนี้ เขาไม่มีทางเห็นลี่หุยเป็นพี่น้องได้ แถมยังไม่ได้สนใจเลยด้วยซ้ำ ทีมที่เขาจัดหาในตอนนี้ ก็เพื่อมากำจัดลี่หุยให้สิ้นซากแน่นอน”
“คุณไม่เห็นใจลูกหน่อยเหรอ ไปบอกลี่จุนถิงหน่อยเถอะ เอาอำนาจที่เขาควรจะมีคืนมาให้เขา ตำแหน่งนี้ก็ได้นะ”
ลี่เจี้ยนหวาได้ฟังคำเหล่านั้น เลยรีบนั่งขึ้นบนเตียง แล้วก็ปัดจ้าวเฟยเฟยออก
“คุณว่าฉันไม่เคยคิดเรื่องแบบนี้เลยเหรอ ฉันเองก็เคยไปหาจุนถิงแล้ว แต่ว่าเขาไม่ยอมมาเจอฉันด้วยซ้ำ คุณยังพูดแบบนี้อีก ลี่จุนถิงก็โหดร้ายมาก คุณเองก็ไม่ดูเลยว่าลี่หุยเขาทำอะไรลงไปบ้าง”
“ตั้งแต่ตอนแรก จุนถิงได้ให้ตำแหน่งอะไรกับลี่หุยหรือเปล่า จากนั้นล่ะ ไม่เพียงแค่ไม่สามารถทำให้โปรเจคมันสำเร็จได้ แต่ยังทำให้โปรเจคนั้นมันเสียหายด้วย นี่เป็นสิ่งที่จุนถิงสร้างขึ้นมาเหรอ?”
“ความสามารถในการบริหารบริษัทของเขานั้นไม่เก่งเท่าจุนถิง ถ้าหลังจากนี้ยังไม่ขยัน แถมยังคิดว่าตัวเองเก่งอีกต่างหาก”
“ตอนที่เขาพยายามจะจัดการจุนถิงนั้น ทำไมคุณไม่บอกว่าลี่หุยลงมือรุนแรงเกินไปบ้างล่ะ ก่อนที่เขาจะทำเรื่องนี้ ฉันเองก็เคยโน้มน้าวเขาแล้ว แต่ว่าเขาไม่ฟังเลย”
“เขาทำมากเกินไปแล้ว แถมยังไม่ยอมให้ใครมาปรับเปลี่ยนเขาด้วย”
เมื่อจ้าวเฟยเฟยเห็นลี่เจี้ยนหวามีท่าทีโกรธเคืองเป็นอย่างมาก ก็โกรธจนหน้าแดง ก่อนจะร้องไห้ออกมา
“คุณพูดโดยไม่มีความเมตตาเลยเหรอ หลายปีมานี้ฉันดูแลลูกอยู่ภายนอกคนเดียว คุณไม่รู้ว่าคนพวกนั้นพูดจาว่าร้ายขนาดไหน ไม่ว่าพวกเขาจะได้ยินมาอย่างไร ฉันก็ไม่เคยพูดเรื่องคุณออกไปเลย”
“คุณล่ะ ไม่เพียงไม่อยู่กันเป็นครอบครัวกับฉัน แต่ยังให้ลูกมีชีวิตวัยเด็กที่ไม่มีพ่ออีกด้วย”
“หลายปีมานี้คิดว่าฉันสบายมากเหรอ คุณไม่เคยให้เงินพวกเรามากมาย เพราะไม่อยากให้คนอื่นรู้ แล้วก็กลัวว่าโม่เสี่ยวฮุ่ยจะรู้ หลายปีมานี้ ฉันไม่ได้อะไรเลยนะ”
“ตอนนี้ ลี่หุยแค่อยากจะได้ในสิ่งที่เขาควรได้ มันไม่ถูกเหรอไง?”
เมื่อเห็นจ้าวเฟยเฟยร้องไห้ ลี่เจี้ยนหวาก็อารมณ์เสีย จนโกรธขึ้นมามากกว่าเดิม
“ฉันเองไม่ได้จะไม่ช่วยเขานะ ฉันจัดการให้เขาดีขนาดนั้น ขอแค่เขาประจำตำแหน่งของเขา แล้วก็ทำเรื่องต่างๆ อย่างสบายอารมณ์ ท่านปู่ลี่ก็จะยอมรับในความสามารถของเขา”
“รอให้ท่านปู่ลี่เห็นความสามารถของเขา เขาได้เข้าไปอยู่ในบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เขาขยันอีกสักหน่อย สิ่งที่จะได้ก็คือสิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้ไงล่ะ”
“อีกอย่าง เขาอยากได้ของที่ควรเป็นของเขากลับมา ก็ควรจะบริหารบริษัทไปพร้อมกับจุนถิง แต่ไม่ใช่ทำตัวเป็นศัตรูกับเขา แถมยังคิดอยากจะได้ตำแหน่งและอำนาจของจุนถิงมาอีก”
“ลี่หุยไม่ได้มีความสามารถมากขนาดนั้น ถึงจะไปบริหารบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปได้ดีขนาดนั้น เขายังอยากจะได้สิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเองอีก”
ตอนที่ทั้งสองเริ่มทะเลาะกัน ลี่หุยก็ยืนอยู่ข้างนอกพอดี เมื่อได้ยินว่าลี่เจี้ยนหวาบอกว่าเขานั้นเทียบกับลี่จุนถิงไม่ติด ก็อดไม่ได้ที่จะพุ่งเข้ามาข้างในทันที
“คุณมาบอกว่าฉันเทียบกับลี่จุนถิงไม่ติดได้อย่างไร เพียงเพราะการแย่งบริษัทเพียงครั้งเดียว แล้วฉันทำไม่สำเร็จ คุณก็จะมาไม่ยอมรับความสามารถกับความขยันของฉันงั้นเหรอ”
“ถ้าเกิด ลี่จุนซินช่วยฉัน ฉันเองก็สามารถทำได้เหมือนกับลี่จุนถิงนั่นแหละ ลี่จุนถิงสามารถทำได้ขนาดนี้ ก็เพราะมีคนอื่นช่วยเขา”
“ฉันล่ะ ไม่มีใครช่วยฉันสักคน พอฉันแพ้ พวกคุณก็บอกว่าปัญหาเกิดจากฉัน พวกคุณเคยเห็นความขยันของฉันหรือยัง?พวกคุณไม่เคยให้ความยุติธรรมกับฉันเลยด้วย”
ลี่หุยพูดด้วยความโกรธจนหูแดง สีหน้าของลี่เจี้ยนหวาก็ไม่ได้ดูดีสักเท่าไหร่ เขาคิดว่าการสั่งสอนครั้งนี้จะทำให้ลี่หุยเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีได้ แล้วเห็นจุดบกพร่องของตัวเอง แต่คิดไม่ถึงว่าลี่หุยจะไม่ยอมรับความผิดของตัวเองอีกด้วย
“มีปัญหาทีไร คุณก็โทษคนอื่นไปเรื่อย ไม่เคยคิดว่าเป็นปัญหาของตัวเองบ้างเลย ครั้งนี้ ถึงจุนถิงจะไม่มีลี่จุนซิน ก็ยังมีความสามารถที่ฟื้นฟูบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปกลับมาได้”
ลี่หุยกับลี่เจี้ยนหวาทะเลาะเถียงกันไปมาแบบนี้ จ้าวเฟยเฟยเลยร้องไห้หนักกว่าเก่า
หลังจากที่ลี่หุยกับลี่เจี้ยนหวาทะเลาะกันแล้ว ก็ออกมาจากบ้านนั้น เพื่อหาความสุขใส่ตัว
เขาไปที่ที่คุ้นเคยของตัวเอง แต่ว่าเขาคิดไม่ถึงว่าจะได้เจอคนที่คุ้นเคยด้วย
หลังจากที่ลี่จุนถิงจัดการลี่หุยแล้ว ก็กำชับซู่จี้งยี้ให้หาคนไปจับตามองลี่หุยเอาไว้ทุกฝีก้าว เพื่อไม่ให้เขาทำอะไร
คืนนี้ หลังจากที่คนที่ดูแลลี่หุยเห็นว่าลี่หุยออกจากบ้านไปแล้ว ก็รีบตามเขาไปด้วย พวกเขาเป็นลูกน้องคนสนิทกับซู่จี้งยี้ ดังนั้นเลยรู้จักกับคนที่เกี่ยวข้องกับบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป
เมื่อพวกเขาเห็นคนคุ้นเคย ก็ตกใจเป็นอย่างมาก ก่อนจะรีบมารายงานซู่จี้งยี้