ตอนที่ 674 หาวิธี

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 674 หาวิธี

เมื่อหมัวมัวพบไป๋ชิงเหยียนและทำความเคารพหญิงสาวเสร็จ นางจึงกล่าวจุดประสงค์ที่มาจวนไป๋ด้วยท่าทีวางมาด

นางกล่าวว่าพระชายาเอกทราบดีว่าสิ่งพี่ชายของนางทำกับเสบียงอาหารที่ถูกส่งไปยังชายแดนไม่ถูกต้อง โชคดีที่ไป๋จิ่นจื้อทราบเรื่องนี้แล้วรายงานให้องค์รัชทายาทรับรู้ก่อน ไม่ปล่อยให้คนนอกรับรู้ นางกล่าวว่าพระชายาเอกตำหนิพี่ชายของนางแล้ว เรื่องนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นอีก ทั้งยังเตือนเป็นนัยๆ ว่าไม่ให้ไป๋ชิงเหยียนยุ่งไม่เข้าเรื่อง

นางกล่าวเตือนให้ไป๋ชิงเหยียนพักผ่อนให้ดี อย่าหาเรื่องใส่ตัว

ไป๋ชิงเหยียนเอนกายพิงหมอนอิงอย่างไร้เรี่ยวแรง หญิงสาวมองหมัวมัวพร่ำพรรณนาอยู่พักใหญ่ จากนั้นใช้มือกุมหน้าอกพลางไอออกมาอย่างรุนแรง

“พี่หญิงใหญ่!” ไป๋จิ่นจื้อผลักร่างของหมัวมัวที่ยืนบังแสงตรงหน้าไป๋ชิงเหยียนออกอย่างแรง จากนั้นถลาเข้าไปลูบหลังให้พี่สาว ทว่า กลัวจะโดนบาดแผลของไป๋ชิงเหยียนเข้า นางจึงได้แต่นั่งอยู่ข้างเตียงอย่างตกใจ ไม่รู้จะทำเช่นไรดี

“คุณหนูใหญ่!” ชุนเถารีบส่งผ้าเช็ดหน้าให้ จากนั้นลอบพยักหน้าให้ไป๋ชิงเหยียน

ไป๋ชิงเหยียนรับผ้าเช็ดหน้ามาปิดปาก ใช้ฟันกัดกระเพาะปลาที่ซ่อนอยู่ในผ้าเช็ดหน้าสีขาวอย่างแรง เมื่อแบมือออก ผ้าเช็ดหน้าสีขาวเต็มไปด้วยเลือดสด สมองของไป๋จิ่นจื้อขาวโพลนราวกับถูกกองหิมะถล่มใส่

หน้าของหมัวมัวซีดเผือด ไม่รู้จะทำอย่างไรเช่นเดียวกัน “นี่…นี่ไม่เกี่ยวกับข้านะ!”

“คุณหนูใหญ่!” ชุนเถาอุทานอย่างตกใจ

ไป๋จิ่นจื้อที่ไม่รู้เรื่องราวมาก่อนร้องไห้ออกมาอย่างตกใจ “พี่หญิงใหญ่เป็นอันใดมากหรือไม่เจ้าคะ ชุนเถารีบไปตามท่านหมอหงมาเร็ว! รีบไปตามท่านหมอหงมา!”

“อย่า…อย่าให้ท่านย่าและท่านอาสะใภ้สองทราบเรื่อง” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวเสียงหอบ

เรือนชิงฮุยวุ่นวายขึ้นทันที ชุนเถาวิ่งออกไปตามหมอหง ไป๋จิ่นจื้อประคองไป๋ชิงเหยียนให้นอนลง สวาน้อยเอาแต่ร้องไห้อย่างเสียขวัญ จากนั้นหันไปจ้องหมัวมัวของพระชายาเอกอย่างเดือดดาล

ไม่นานหมอหงก็ถูกองครักษ์ไป๋แบกเข้ามาในห้อง หลูหนิงฮว่าและไป๋จิ่นเซ่อที่ดวงตาแดงก่ำเดินตามมาติดๆ

เมื่อคนกลุ่มใหญ่เดินเข้ามาในห้อง หมัวมัวที่เอาแต่ยืนวางมาดจึงถูกเบียดออกไปนอกฉากกั้น หมัวมัวจึงได้แต่มองผ่านฉากกั้นเข้ามาด้านในเป็นระยะๆ

ชุนเถาเดินออกมาจากฉากกั้น ทำความเคารพหมัวมัวด้วยดวงตาที่แดงก่ำ จากนั้นกล่าวขึ้น “ขออภัยหมัวมัวด้วยเจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่ของข้ากระอักเลือด ไม่มีเวลาฟังคำอบรมของหมัวมัวแล้ว หมัวมัวเชิญกลับจวนไปก่อนเถิดเจ้าค่ะ หากคุณหนูใหญ่ของข้าหายดีเมื่อใด นางจะไปขอขมาพระชายาเอกด้วยตัวเองเจ้าค่ะ”

เมื่อหมัวมัวได้ยินจึงหน้าเปลี่ยนสีทันที วันนี้องค์รัชทายาทไปพบพระชายาเอก สั่งให้พระชายาเอกให้คนนำของขวัญมาขอบคุณองค์หญิงเจิ้นกั๋วและเกาอี้จวิ้นจู่ที่ไม่สืบเรื่องเสบียงอาหารครั้งนี้ต่อ ยอมไว้ชีวิตพี่ชายของพระชายาในครั้งนี้

ทว่า นางคือแม่นมของพระชายา นางคิดว่าพระชายาเอกขององค์รัชทายาทไม่ควรมาขอบคุณองค์หญิงหรือจวิ้นจู่คนใดทั้งสิ้น พระชายาเอกคือมารดาของแผ่นดินในภายภาคหน้า ต่อให้ไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อได้รับแต่งตั้งเป็นองค์หญิงและจวิ้นจู่ ทว่า พวกนางก็เป็นเพียงขุนนางเท่านั้น เหตุใดพระชายาเอกต้องลดเกียรติมาผูกมิตรกับจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วด้วย!

ดังนั้นหมัวมัวจึงกล่าววาจาเหน็บแนมและวางมาดใส่ไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อ นางต้องการให้สองคนนั้นตระหนักไว้ว่าพระชายาเอกคือเจ้านายของพวกนาง เมื่อเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับพี่ชายของพระชายาเอก พวกนางจึงไม่มีสิทธิ์สืบเรื่องนี้ต่อ

ผู้ใดจะคิดว่าไป๋ชิงเหยียนจะกระอักเลือดออกมาเช่นนี้!

หากปล่อยให้ไป๋ชิงเหยียนไปขอขมาพระชายาเอก องค์รัชทายาทคงจัดการกับนางเพราะผู้มีบุญคุณอย่างไป๋ชิงเหยียนแน่นอน!

ท่าทีหยิ่งผยองเมื่อครู่ของหมัวมัวเจื่อนลงทันที นางรีบกล่าวขึ้น “เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ จะลำบากองค์หญิงเจิ้นกั๋วเสด็จไปขอขมาพระชายาด้วยตัวเองได้เช่นไรกัน ข้ามาผิดเวลาแล้ว! แม่นางรีบเข้าไปดูแลองค์หญิงเจิ้นกั๋วเถิด ข้าขอตัวก่อน”

หมัวมัวทำความเคารพเสร็จก็รีบเดินออกไปจากเรือนชิงฮุยอย่างรวดเร็ว นางสั่งให้หญิงชราที่พานางมาที่เรือนชิงฮุยพานางออกไปส่งหน้าจวนด้วยความกระวนกระวาย

เมื่อเห็นหมัวมัวข้างกายของพระชายาเอกจากไป ชุนเถาจึงหมุนกายแหวกม่านกลับเข้าไปในห้อง จากนั้นกล่าวขึ้น “ไปแล้วเจ้าค่ะ หมัวมัวกลับไปแล้วเจ้าค่ะ…”

ภายในห้อง ไป๋ชิงเหยียนเอนกายพิงหมอนอิง ล้างปาก กำลังใช้ผ้าขนหนูเช็ดคราบเลือดที่มุมปากของตัวเองออก ไป๋จิ่นจื้อเบิกตาโพลงจ้องไปยังพี่หญิงใหญ่ของตน น้ำตาคลออยู่ที่ดวงตา

ไป๋จิ่นเซ่อคลี่ผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือดออก ใช้นิ้วหยิบกระเพาะปลาชิ้นเล็กที่ถูกกัดแตกออกมาจากผ้าเช็ดหน้า

หมอหงนั่งจิบน้ำชาด้วยท่าทีไม่ทุกข์ร้อน

“เช่นนี้ อาการบาดเจ็บหนักของพี่หญิงใหญ่คงแพร่ไปถึงจวนองค์รัชทายาทแล้ว องค์รัชทายาทไม่มีทางสงสัยพี่หญิงใหญ่อีกแน่นอนเจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นเซ่อใช้ผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือดห่อเศษกระเพาะปลาไว้ตามเดิม จากนั้นส่งให้ไป๋จิ่นจื้อดูแล้วรับผ้าเช็ดหน้าที่ชุนเถายื่นให้มาเช็ดทำความสะอาดมือ ใบหน้าของเด็กสาวเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

ไป๋จิ่นจื้อตกใจจริงๆ นางมองเห็นพี่หญิงใหญ่กระอักเลือดโดยที่ไม่รู้เรื่องราวมาก่อน นางเกือบฉีกร่างหมัวมัวผู้นั้นออกเป็นสองท่อนด้วยความโมโหแล้ว ที่ไหนได้ทุกอย่างเป็นเพียงการจัดฉากอย่างนั้นหรือ

“เดิมทีถุงเลือดนี้เตรียมไว้สำหรับวันที่องค์รัชทายาทเสด็จมาเยี่ยม นึกไม่ถึงว่าจะได้ใช้ในวันนี้”

“คุณหนูใหญ่จิบชาดอกเหมยไล่ความขมในปากสักนิดเถิดเจ้าค่ะ” ชุนเถาส่งชาให้ไป๋ชิงเหยียน

ไป๋ชิงเหยียนรับถ้วยชามาจิบเล็กน้อย นางเห็นไป๋จิ่นจื้อหยิบกระเพาะปลาออกมาสำรวจ

“กระเพาะปลาจริงเสียด้วย!”

ชุนเถาปิดปากหัวเราะ “เมื่อครู่บ่าวเห็นหมัวมัวผู้นั้นตกใจจนแทบเป็นลมไปเลยเจ้าค่ะ บ่าวบอกนางว่าจะให้คุณหนูใหญ่ไปขอขมาพระชายาเอกในภายหลัง หมัวมัวผู้นั้นเลิกวางมาดทันทีเลยเจ้าค่ะ”

“เสี่ยวซื่อจัดการเรื่องนี้ได้ดีมาก สืบเรื่องราวทั้งหมดได้โดยไม่ต้องเปลืองแรงเลย” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับไป๋จิ่นจื้อยิ้มๆ “เช่นนี้ เจ้าเตรียมเก็บของเดินทางไปยังค่ายผิงอันในเดือนสิบเอ็ดได้เลย”

ไป๋จิ่นจื้อใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตา ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ขอบพระคุณพี่หญิงใหญ่มากเจ้าค่ะ พี่หญิงใหญ่ไม่ต้องห่วงนะเจ้าคะ ข้าจะ…”

ไป๋จิ่นจื้อเหลือบไปเห็นหลูหนิงฮว่าที่กำลังยืนเก็บกล่องยาอยู่ทางด้านข้าง สาวน้อยจึงกลืนถ้อยคำดังกล่าวลงไปในคอ เปลี่ยนเป็น ”ข้าจะตั้งใจทำงานเจ้าค่ะ”

“แล้วเรื่องเสบียงอาหารล่ะเจ้าคะพี่หญิงใหญ่” ไป๋จิ่นจื้อถาม

“ในเมื่อองค์รัชทายาทตรัสว่าจะจัดการ เช่นนั้นก็เชื่อพระองค์สักครั้งเถิด เมื่อกลับไปถึงซั่วหยางค่อยส่งคนไปสืบที่เป่ยเจียง หากเสบียงอาหารของทหารยังเป็นเหมือนเดิม พวกเราค่อยหาวิธีแก้ไข” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว

“ที่สำคัญวิธีแก้ปัญหาห้ามโยงมาถึงจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วเด็ดขาด มิเช่นนั้นองค์รัชทายาทคงไม่พอพระทัยแน่!” ไป๋จิ่นจื้อนึกถึงถ้อยคำที่เฉวียนอวี๋กล่าวในวันนี้จึงกล่าวเสียงลอดไรฟันเสริมขึ้นอีกประโยค

“ทว่า ดูจากท่าทีขององค์รัชทายาทในตอนนี้ นอกจากว่าจะสูญเสียแผ่นดินจนเรื่องรู้ไปถึงหูของฮ่องเต้ มิเช่นนั้น…”

“หนิงฮว่าช่วยจัดการเรื่องนี้ได้เจ้าค่ะ” หลูหนิงฮว่าหันกลับมากล่าวยิ้มๆ

“วังหลวงส่งคนมาบอกว่าวันมะรืนจะมารับข้าเข้าวังไปฝังเข็มให้ฝ่าบาท หนิงฮว่าสามารถลอบทูลฝ่าบาทหรือให้คนของฝ่าบาทลอบทูลพระองค์ได้เจ้าค่ะ ไม่มีทางสาวมาถึงจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วแน่เจ้าค่ะ”

ฐานะของหลูหนิงฮว่าค่อนข้างพิเศษ หญิงสาวถือเป็นคนของจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋ว ทว่า ก็ไม่ใช่เสียทีทีเดียว หากต้องการให้ฮ่องเต้ทราบเรื่องนี้ การยืมมือของหลูหนิงฮว่าถือเป็นวิธีที่ดีวิธีหนึ่งเลย