บทที่ 732 แขกผู้สำราญ

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 732 แขกผู้สำราญ

บทที่ 732 แขกผู้สำราญ

ซ่างหงเอ่ยด้วยน้ำเสียงหัวใจแหลกสลาย “ลูกชายของข้าไม่เคยขัดแย้งกับพวกเผ่าอสูรโลหิตเลยสักครั้ง! ทำไมพวกมันถึงฆ่าเขาแบบนี้!?”

จูเซี่ยฉือซินตอบว่า “อสูรโลหิตมักจะฆ่าใครโดยไม่มีเหตุผล ไม่ใช่แค่มนุษย์ที่เป็นเหยื่อความกระหายเลือดของมัน แม้แต่อสูรเผ่าอื่น ๆ ด้วยกันเอง หากเผลอผละออกจากฝูงอยู่อย่างโดดเดี่ยวในที่ลับตาผู้คน สันดานกระหายเลือดของพวกมันจะผลักดันให้พวกมันเข่นฆ่าไม่เลือกหน้าในที่สุด”

ในที่สุดซ่างหงก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นโชคร้ายที่ลูกชายของเขาบังเอิญไปเจออสูรโลหิต

“แต่ทำไมอสูรโลหิตถึงมาปรากฏตัวที่นี่?” ซ่างเฉี่ยนถามขณะกัดริมฝีปาก

“พวกมันคงไม่ปรารถนาให้ฝ่าบาทได้รับชีวิตนิรันดร์ เนื่องจากตอนนี้จักรพรรดิอสูรได้เคลื่อนไหวแล้ว ข้าต้องติดต่อฝ่าบาทให้เร็วที่สุด” จูเซี่ยฉือซินกล่าว

ซ่างหงเอ่ยขึ้น “ข้าต้องการล้างแค้นให้ลูกชายก่อนที่จะไปเมืองหลวง ข้าหวังว่าท่านจูเซี่ยจะผ่อนปรนให้ข้าได้”

“ไม่ได้” จูเซี่ยฉือซินตอบอย่างเย็นชา “ข้ามีหน้าที่จับตัวพวกเจ้าทั้งหมด ข้าไม่สามารถอนุญาตให้เจ้าออกไปไหนได้ นอกจากนี้ เจ้าก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าจะไปเป็นคู่มือของอสูรโลหิตได้ยังไง การกระทำของเจ้าไม่ต่างอะไรกับการเอาชีวิตไปโยนทิ้ง ล่ามเขาไว้!”

เพียงชั่วอึดใจ มือของซ่างหงก็ถูกล่ามด้วยโซ่พิเศษ ในขณะที่เขารู้สึกว่าพลังชี่ของเขาถูกควบคุม ซ่างหงรู้ว่าความหวังในการแก้แค้นทั้งหมดได้หายไปแล้ว และความเศร้าก็ท่วมท้นจิตใจ

“ท่านพ่อ!” ซ่างเฉี่ยนเห็นพ่อของนางแล้วก็น้ำตาคลอ บิดาเป็นวีรบุรุษเสมอมา เขาสุขุมและเฉียบแหลม การอยู่ใกล้เขาทำให้นางรู้สึกปลอดภัยเสมอ แต่นางไม่เคยเห็นเขาดูอ่อนแอเช่นนี้

จูเซี่ยฉือซินขมวดคิ้วเมื่อเห็นความเศร้าโศกของทั้งบิดาและลูกสาว “ท่านซ่างไม่ต้องห่วง ถ้าหากเจอพวกมันข้าจะช่วยท่านล้างแค้นเอง”

ซ่างหงรู้สึกซาบซึ้ง “ขอบคุณท่านจูเซี่ย!”

จูเซี่ยฉือซินพยักหน้าแล้วสั่งให้คนของเขามัดเจิ้งตานด้วยเช่นกัน เขารู้ว่านางเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลซ่างและเป็นหนึ่งในนักโทษที่ถูกคุมขัง

เจิ้งตานรู้ว่าการต่อต้านนั้นไร้ประโยชน์เมื่อเผชิญกับผู้บ่มเพาะจำนวนมาก นางทำอะไรไม่ได้นอกจากเหลือบมองเพ่ยเหมียนหมานและฉู่ชูเหยียน

เพ่ยเหมียนหมานยิ้ม นางรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่จึงส่งเสียงไป “ไม่ต้องห่วง พวกเราจะช่วยอาซูแน่ ๆ”

เจิ้งตานถอนหายใจด้วยความโล่งอก ริมฝีปากของนางสั่นเทาขณะที่นางพูดเสียงเบา “ขอบคุณ!”

เพ่ยเหมียนหมานพยักหน้า เกิดอะไรขึ้นกับซูอัน? เขาทำให้ผู้หญิงหลายคนสนใจเขาได้อย่างไร? หรือแม้แต่ข้าก็ยังอยู่ที่นี่เพื่อช่วยเหลือเขาเช่นกัน

หลังจากจับตัวนักโทษทั้งสองได้แล้ว จูเซี่ยฉือซินก็ถามขึ้นมาว่า “ซูอันอยู่ที่ไหน?”

“เขาถูกบุตรีสวรรค์และแปดเดียวดายแห่งสำนักมารจับไป ก่อนหน้านี้เขาอยู่ในโรงเตี๊ยมของเมืองใกล้เคียง เราช่วยเขาออกมาไม่สำเร็จและไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง” เพ่ยเหมียนหมานตอบ ในการช่วยชีวิตซูอันพวกนางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพึ่งพาคนกลุ่มนี้ หากทุกอย่างราบรื่น นางจะพยายามช่วยซูอันหนีไปในภายหลัง

“แล้วอ๋องเหลียงและหลิวเหย่าล่ะ?” จูเซี่ยฉือซินถาม

“พวกเขาถูกกองทัพกบฏที่นำโดยหลู่ซานหยวนเข้าโจมตี” ซ่างเฉี่ยนตอบ “พวกเขาสั่งให้ทูตยุทธ์เสื้อแพรหนีไปพร้อมกับซูอันและนักโทษคนอื่น ๆ ข้าก็ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหนเช่นกัน”

“ฮึ่ม! ช่างไร้ความสามารถกันยิ่งนัก!” จูเซี่ยฉือซินพ่นลมหายใจ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจอย่างยิ่งกับสถานการณ์ในตอนนี้

คนอื่น ๆ ต่างตกใจ คนหนึ่งเป็นอาของจักรพรรดิ อีกคนหนึ่งเป็นอาของจักรพรรดินี แต่เขากลับตำหนิทั้งสองคนได้อย่างตรงไปตรงมา เป็นที่ชัดเจนว่าเขามีความมั่นใจในตัวเองมากแค่ไหน

จูเซี่ยฉือซินลังเล เขาควรจะรีบไปตามหาซูอันหรือพยายามติดต่อกับอ๋องเหลียงและกองกำลังอื่นก่อน?

คนจากสำนักมารน่าจะไปแล้ว พวกเขาต้องการกำลังคนมากขึ้นในการค้นหา ดังนั้นการจัดกลุ่มใหม่กับอ๋องเหลียงจึงเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า

เพ่ยเหมียนหมานเข้าใจว่าทำไมเขาถึงลังเล ดังนั้นนางจึงแนะนำว่า “ถ้าพวกเราทุกคนปรากฏตัวในเมืองมันจะสร้างความวุ่นวายเกินความจำเป็น และเราก็ไม่อยากทำให้พวกเขาตกใจ ดังนั้นข้าจะไปสำรวจสถานการณ์ก่อน”

ฉู่ชูเหยียนก็พูดแทรกเช่นกัน “งั้นข้าไปกับนางก่อนดีกว่าไหม? เราจะได้วางแผนกันง่ายขึ้นหลังจากรู้สถานการณ์โดยรวมแล้ว”

จูเซี่ยฉือซินพยักหน้าและกล่าวว่า “ดี แต่ถ้าเจ้าปล่อยให้ซูอันหนีไป ตระกูลฉู่และตระกูลเพ่ยจะถูกตั้งข้อหา อย่าหาว่าข้าไม่เตือนเจ้าทั้งสอง”

ฉู่ชูเหยียนและเพ่ยเหมียนหมานแลกเปลี่ยนสายตากัน พวกนางเห็นความกังวลในดวงตาของกันและกันแต่ก็ตกลงอยู่ดี “อืม!”

ทั้งสองรีบเร่งไปยังเมืองเล็ก ๆ ด้วยกัน คนหนึ่งดูสง่างาม ส่วนอีกคนก็มีเสน่ห์ร้อนแรง การเคลื่อนไหวของพวกนางสอดประสานกันอย่างสมบูรณ์แบบจนทำให้แม้แต่กองทัพพยัคฆ์สว่างที่ได้รับการบ่มเพาะมาเป็นอย่างดีและทูตยุทธ์เสื้อแพรต่างตกอยู่ในอาการเหม่อลอย

จูเซี่ยฉือซินกระแอมเสียงดังเพื่อคืนสติให้ผู้ใต้บังคับบัญชา จากนั้นจึงพูดกับซ่างหงและซ่างเฉี่ยนว่า “ระหว่างทางจงบอกทุกอย่างที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะรายละเอียดเกี่ยวกับการเสียชีวิตของทูตยุทธ์เสื้อแพร”

ไม่นานก็ตกกลางคืน ในใจกลางเมืองเล็ก ๆ ภายในโรงเตี๊ยมสี่สมุทร แปดเดียวดายได้ซื้อทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับการเดินทาง หลังจากรับประทานอาหารเย็นแล้ว พวกเขาก็กลับห้องไปเพื่อพักผ่อน

ชิวฮัวเล่ยไปที่ห้องของซูอัน สมาชิกคนอื่น ๆ ของแปดเดียวดายก็ไม่ได้ห้ามปรามเพราะรู้ว่านางกำลังจะหลอกล่อเอาวิชาวัฏจักรหงส์อมตะจากอีกฝ่าย

แต่พวกเขายังได้ยินเกี่ยวกับข่าวลือที่ว่าซูอันเป็นเสือผู้หญิงตัวจริง พวกเขาจึงกังวลว่าไอ้บ้ากามคนนี้จะทำอะไรที่ล่วงเกินต่อบุตรีสวรรค์ของพวกเขา ดังนั้นหนึ่งในแปดเดียวดายจึงยืนเฝ้าอยู่บนหลังคา

น้ำแข็งเดียวดายอาสารับหน้าที่นี้ อารมณ์ของเขายังคงคุกรุ่นจากการต่อสู้กับซูอันก่อนหน้านี้ และเขาก็สงสัยในความรู้สึกของชิวฮัวเล่ยที่มีต่อซูอันเช่นกัน ไม่มีทางที่เขาจะยอมให้ทั้งสองคนอยู่นอกสายตาไปได้

เขานอนบนหลังคาโดยเอาขาไขว้กัน เงี่ยหูฟังสิ่งที่เกิดขึ้นภายในห้อง

ซูอันกล่าวด้วยรอยยิ้มเขินอายเมื่อเห็นชิวฮัวเล่ยเข้ามา “พวกเจ้ากระตือรือร้นที่จะให้ความบันเทิงกับแขกจริง ๆ ก่อนหน้านี้พวกเจ้าไม่เพียงแต่เลี้ยงอาหารและมอบความบันเทิงให้ข้าเท่านั้น ตอนนี้บุตรีสวรรค์ยังมาถึงห้องของข้าด้วยตนเองโดยที่ข้าไม่ต้องเรียกอีกต่างหาก เยี่ยมไปเลย!”

น้ำแข็งเดียวดายกัดฟันด้วยความโกรธ

ท่านยั่วยุน้ำแข็งเดียวดายสำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 358!

ไอ้เวร! ข้าจะบอกเรื่องนี้กับเหล่าชายผู้ชื่นชอบบุตรีสวรรค์ทุกคนเมื่อเรากลับไปที่สำนัก พวกเขาจะฉีกเจ้าออกเป็นชิ้น ๆ เมื่อรู้ว่าเจ้าล่วงละเมิดเทพธิดาของพวกเขาอย่างไร!