บทที่ 747 การสืบสวนของฮั่วจีว์ 5

หน่วยลาดตะเวน

ทันทีที่ฮั่วจีว์ไปถึง เขาโยนไหสุราให้ขอทานเฒ่าทันที

“หัวหน้าเป่ยอยู่หรือไม่?” ฮั่วจีว์ถาม

“เจ้ามาผิดเวลา วันนี้เขาอยู่” ขอทานเฒ่าแทบรอไม่ไหวที่จะเปิดไหสุราออกดื่ม

“ดี ข้าจะไปหาเขา” ฮั่วจีว์กล่าว

ท่าทีของขอทานเฒ่าดูแปลกไป

“ข้าบอกแล้วว่าเจ้าน่ะใส่ใจหัวหน้าเป่ย แต่ยังไม่ยอมรับอีก” ฮั่วจีว์แสร้งทำเป็นหยิบไหสุราของเขา

“ระวังไว้เถิด จะอดดื่มเหล้าน่ะ” ขอทานเฒ่ารีบหุบปากแล้วกอดขวดสุราไว้แน่น เพราะเกรงว่าฮั่วจีว์จะแย่งมันไป

ฮั่วจีว์เดินไปที่ห้องทำงานของเป่ยเหยียนแล้วเคาะประตู

“เข้ามา”

เขาผลักประตูเข้าไปด้านใน เห็นว่าเป่ยเหยียนยืนอยู่ที่ข้างหน้าต่าง เอามือไพล่หลังไว้ เป่ยเหยียนเป็นคนสูง มีหุ่นที่เพรียวบางกว่าบุรุษทั่วไป ทำให้เขายิ่งดูสูงมากกว่าความเป็นจริง ลำตัวของเป่ยเหยียนเหยียดตรงราวกับต้นสน ฮั่วจีว์มองแล้วอดสงสัยไม่ได้ว่าใบหน้าภายใต้หน้ากากเขาจะเป็นอย่างไร?

เมื่อเป่ยเหยียนหันกลับมามองเขาด้วยแววตาเย็นชา ฮั่วจีว์ก็ขจัดความอยากรู้อยากเห็นออกไปจากหัวใจทันที ชายคนนี้ดุร้ายมาก ใบหน้าภายใต้หน้ากากย่อมต้องดุร้ายน่ากลัวเป็นแน่ ที่เขาใส่หน้ากากไว้เพราะกลัวคนอื่นจะหวาดกลัวน่ะสิ!

“มีอะไรหรือ?” เป่ยเหยียนถาม

“หัวหน้าเป่ยดูนี่สิ” ฮั่วจีว์ยื่นรูปเหมือนให้กับเป่ยเหยียน เขามองคนในภาพ คนผู้นั้นมีรูปร่างเตี้ย หน้าตาไม่ค่อยดีนัก ท่าทางมืดมน ดูเหมือนเขาจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาจึงมองฮั่วจีว์

“หัวหน้าเป่ย ปีศาจถลกหนังชอบโจมตีเฉพาะหญิงคณิกาเท่านั้น เป้าหมายของมันต้องเป็นคนที่ผิวพรรณดี ข้าได้ลองสัมผัสผิวของนางหลายคนที่หอนางโลมแล้ว หญิงสาวที่มีผิวดีที่สุดคือแม่นางชิงลั่วแห่งจือฮวาโหลว” เมื่อพูดถึงผู้หญิงคนนี้เขาก็ยิ้มออกมา

“นางเป็นคนงดงาม ข้าไปดูนางแล้วก็เจอชายผู้นี้” เป่ยเหยียนไม่ได้ให้ความเห็น เขารอให้ฮั่วจีว์พูดต่อ

“ใบหน้าของชายผู้นี้ดูไม่คุ้นเคย เขาไม่ใช่ชายเสเพลในเมืองหลวงแน่นอน ข้าถามสหายของข้าแล้วไม่มีใครรู้จักเขาเลย เขาน่าจะเพิ่งมาเมืองหลวงได้ไม่นาน ข้าเคยแอบตามเขาไปแต่เขาหลุดลอดสายตาข้าไปได้ทุกครั้ง เขาน่าจะมีฝีมือพอตัวทีเดียว พูดง่ายๆก็คือเขาเป็นบุคคลต้องสงสัย” ฮั่วจีว์สรุป

ดวงตาของเป่ยเหยียนเปลี่ยนจากเฉยเมยเป็นแปลกใจเล็กน้อย เดิมทีเขาคิดว่าฮั่วจีว์เป็นแค่คุณชายเสเพลเท่านั้นและการสืบสวนคดีคงเป็นเพียงความสนุกสนานของเจ้าตัว อีกทั้งเขายังเที่ยวหอนางโลมแทบทุกวัน แต่เขาเป็นคนช่างสังเกตมากทีเดียว

“หลักฐานแค่นี้คงสรุปไม่ได้ว่าเขาเป็นปีศาจถลกหนังหรือไม่” เป่ยเหยียนกล่าว

“ท่านพูดถูก อีกอย่างแม่นางชิงลั่วตกอยู่ในอันตรายมาก ให้หน่วยลาดตะเวนไปปกป้องนางเถิด”

“ข้าจะส่งคนไปปกป้องที่จือฮวาโหลวเอง” เป่ยเหยียนเอ่ย

“หัวหน้า แค่เอาคนไปปกป้องหอจือฮวาโหลวคงไม่พอหรอก ปีศาจถลกหนังเจ้าเล่ห์มาก ข้าว่าต้องส่งคนไปปกป้องแม่นางชิงลั่วนะ” ฮั่วจีว์โน้มตัวไปที่ด้านหน้าทำท่าเป็นนัยว่าเขาคือคนที่เหมาะสมที่สุดในการทำหน้าที่นี้ ด้วยไหวพริบของเป่ยเหยียนเขาจึงจับสังเกตได้ทันที

ปกป้องแม่นางชิงลั่วเป็นการส่วนตัวหรือ?

“ไม่ ปีศาจถลกหนังจะสังเกตเห็นได้” เป่ยเหยียนหัวเราะเยาะ

“หัวหน้าเป่ย ท่านจะใช้นางเป็นเหยื่อล่อหรือ แม่นางชิงลั่วเป็นสตรี หากนางตกไปอยู่ในมือของปีศาจผู้นั้นนางจะเป็นอันตราย ข้าคิดว่าชีวิตของมนุษย์สำคัญกว่าคดีนะ” ฮั่วจีว์กล่าวด้วยความไม่พอใจ

“ข้ารับรองความปลอดภัยของนาง”

“ข้ายังไม่สบายใจ”

“ฮั่วจีว์ถ้าเจ้ากล้า….” เป่ยเหยียนหยุดพูดชั่วคราว ก่อนจะพูดต่อด้วยอย่างเย็นชา

“กล้าฝืนคำสั่งไปปกป้องแม่นางชิงลั่วโดยที่ข้าไม่อนุญาต ทำให้ฆาตกรไหวตัวทันละก็ ข้าจะไล่เจ้าออกจากหน่วยลาดตระเวนทันที”

ฮั่วจีว์ได้ฟังก็โกรธมาก หันหลังเดินจากไป เขาคิดว่าเป่ยเหยียนไม่มีความสนใจในชีวิตของมนุษย์ด้วยกันเลย เขาวิ่งเร็วรี่ไปยังหอจือฮวาโหลว ประตูหอยังปิดสนิท เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สองครั้งก่อนจะเดินไปยังร้านอาหารฝั่งตรงข้าม

ฮั่วจีว์พยายามระงับความโกรธเมื่อคิดถึงแม่นางชิงลั่ว หากเป่ยเหยียนไม่ให้เขาปกป้องนางเป็นการส่วนตัว เขาก็จะปกป้องนางจากตรงนี้ คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่แม่นางชิงลั่วจะร่ายรำ หลังจากนั้นนางจะเริ่มรับแขกอย่างเป็นทางการ

ฮั่วจีว์รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยที่นางรับแขก แต่ว่ามีอีกเรื่องที่สำคัญกว่านั้น ฮั่วจีว์อ่านบันทึกรายงานของปีศาจถลกหนังหลายครั้ง ไม่เพียงแต่เหยื่อทุกคนจะเป็นคณิกาที่งดงามเท่านั้น พวกนางยังไม่เคยรับแขกอีกด้วย ช่างเป็นฆาตกรที่จุกจิกเสียจริง

นี่จึงเป็นช่วงเวลาที่แม่นางชิงลั่วน่าจะตกอยู่ในอันตราย

ไม่นานนักฮั่วจีว์ก็มานั่งที่เก้าอี้ที่เขาได้จองเอาไว้

แม่นางชิงลั่วขึ้นมาร่ายรำ ปกติแล้วเวลานางขึ้นรำ สายตาของฮั่วจีว์จะอยู่ที่นางเท่านั้น แต่วันนี้ความสนใจของเขาไม่ได้อยู่กับหญิงสาวเลย แทนที่จะชื่นชมความงาม เขากลับกังวลเรื่องความปลอดภัยมากกว่า ฮั่วจีว์กวาดสายตาดูไปรอบๆ ผู้ชม

คืนนี้เขาไม่เห็นชายน่าสงสัย ฮั่วจีร์ขมวดคิ้ว

เขารู้สึกสังหรณ์ใจอย่างบอกไม่ถูก ตอนนี้มันอยู่ไหนกันนะ เป็นไปได้หรือไม่ที่มันจะซุ่มอยู่ที่มุมใดมุมหนึ่งในจือฮวาโหลวเพื่อโจมตีชิงลั่ว

แม่นางชิงลั่วร่ายรำจบแล้วหันหลังจากไป ฮั่วจีว์จึงเดินออกมาจากจือฮวาโหลว

หนังตาของเขากระตุกถี่ แม้ว่าหัวหน้าเป่ยจะไม่ยอมให้เขาปกป้องแม่นางชิงลั่วเป็นการส่วนตัว แต่เมื่อคิดว่านางจะโดนปีศาจถลกหนังจับไปเป็นเหยื่อ หัวใจของเขาก็ชาวาบ

เขาไม่สนใจแล้ว

ฮั่วจีว์กระโดดขึ้นไปที่หลังคาของจือฮวาโหลว เขาเดินไปที่ล้มตัวลงนอนบนหลังคา ในตอนนี้ฮั่วจีว์รู้แล้วว่าแม่นางชิงลั่วพักที่ไหน ระหว่างพวกเขาจึงมีเพียงกระเบื้องแผ่นบางๆ คั่นอยู่เท่านั้น

แต่ว่าถ้ามันซ่อนอยู่ในห้องนอนของนางล่ะ?

เพื่อความปลอดภัย ฮั่วจีว์เพิกเฉยกับคำเตือนเป่ยเหยียน เขาค่อยๆ เปิดแผ่นกระเบื้องด้วยความระมัดระวังแล้วมองเข้าไปด้านใน สิ่งที่ดึงดูดสายตาของเขาคือร่างผอมเพรียวที่หวีผมอยู่ที่หน้ากระจก หากเขาเข้าไปใกล้อีกนิด ฮั่วจีว์จะรู้ว่าร่างของคนผู้นั้นเกร็งเครียดขึ้นมาแล้วผ่อนคลายลง มุมปากของแม่นางชิงลั่วยกยิ้มขึ้น หากมองจากด้านหน้าจะเห็นแววตาเยาะเย้ยของนาง

ฮั่วจีว์มองไปในห้องรอบๆ ก่อนจะละสายตาไปเมื่อไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ เขาไขว่ห้าง นอนหงาย เอามือประสานหนุนหัวตนเอง ดูผ่อนคลายทว่าประสาทหูของเขายังเงี่ยฟังเสียงต่างๆ อยู่ตลอด

เวลาผ่านไปเริ่มดึกขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้แม่นางชิงลั่วจะหลับไปหรือยัง? ระหว่างพวกเขามีเพียงกระเบื้องบางๆ กั้นเท่านั้น เขารู้สึกมีความสุข แต่ทันใดนั้นเองพลุไฟถูกจุดขึ้น แตกกระจายออกไปบนท้องฟ้า ทำลายค่ำคืนที่สงบเงียบ ฮั่วจีว์รีบลุกขึ้นนั่ง ดอกไม้ไฟพวกนี้ไม่ใช่ดอกไม้ไฟปกติ แต่มันเป็นพลุสัญญาณที่หน่วยลาดตะเวนใช้จุดเพื่อเป็นสัญญาณว่ามีเรื่องสำคัญเกิดขึ้น ฮั่วจีว์รู้ว่าตอนนี้เขาควรกลับไปที่หน่วยลาดตะเวนแต่ว่าเขาก็ยังกังวลเรื่องแม่นางชิงลั่ว

เขานั่งอยู่หลังคาครู่หนึ่งจากนั้นจึงเห็นร่างที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าของจือฮวาโหลว เขาโบกมือไปมาให้กับฮั่วจีว์ ชายหนุ่มกระโดดลงไปที่พื้น

“ขอทานเฒ่า ท่านมาทำอะไรที่นี่ เมื่อครู่สัญญาณดอกไม้ไฟนั่นคืออะไร?” ฮั่วจีว์ถาม

“เจ้าไม่ได้สืบสวนคดีของปีศาจถลกหนังอยู่หรือ มีเรื่องเกิดขึ้นที่หอว่านฮวา สาวงามอันดับหนึ่งที่นั่นโดนชายชุดดำลักพาตัวไป” เขาพูดอย่างกังวล

หอว่านฮวาเป็นหอนางโลมที่มีชื่อเสียงพอๆ กับจือฮวาโหลว สาวงามที่นั่นถูกลักพาตัวไป? หรือปีศาจถลกหนังไม่ได้เล็งมาที่ชิงลั่วตั้งแต่แรก แต่เป็นดาวเด่นของหอว่านฮวา? ถ้าคืนนี้มีหญิงสาวบริสุทธิ์เสียชีวิตด้วยน้ำมือของปีศาจถลกหนัง มันจะเป็นตราบาปของเขาไปตลอดชีวิต เขาต้องจับมันให้ได้

“ขอทานเฒ่า เจ้าช่วยอยู่ที่นี่ปกป้องแม่นางชิงลั่วแทนข้าหน่อยเถิด ข้าจะไปจับปีศาจถลกหนังเอง” ฮั่วจีว์กล่าว

“ไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่ให้สุรากำนัลของเจ้าต้องสูญเปล่าแน่” เขาพยักหน้ารับ

ฮั่วจีว์หันหลังกลับไปทันที ร่างของขอทานเฒ่าค่อยๆ ยืดตรงขึ้น เขามองดูจือฮวาโหลวที่อยู่ตรงหน้า