ตอนที่ 676 คิดถึงเจ้า

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 676 คิดถึงเจ้า

ไป๋จิ่นซิ่วไม่ได้สนทนากับองค์หญิงใหญ่ต่ออีก นางทำความเคารพองค์หญิงใหญ่ จากนั้นพาชุยปี้เดินไปยังเรือนชิงฮุยอย่างรวดเร็ว

เมื่อแหวกม่านเข้าไปด้านใน ไป๋จิ่นซิ่วเห็นพี่หญิงใหญ่ของตัวเองนั่งดื่มนมหมักอยู่ริมหน้าต่าง ไม่ได้น่าเป็นห่วงอย่างที่ไป๋จิ่นซิ่วจินตนาการไว้สักนิด

บนโต๊ะใบเล็กมีตะเกียงลายอัญมณีทั้งแปดตั้งอยู่ ด้านข้างคือตำราหนึ่งเล่ม ผมยาวดำขลับของพี่หญิงใหญ่ถูกมัดรวบแล้วใช้ปิ่นปักผมไว้อย่างหลวมๆ บนร่างไม่มีเครื่องประดับใดๆ ใบหน้าสงบนิ่ง หญิงสาวใช้ช้อนตักนมหมักเข้าปาก ไม่มีท่าทีอ่อนล้าจากการได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย ไป๋จิ่นซิ่วคลายกังวลทันที

“พี่หญิงใหญ่…” ไป๋จิ่นซิ่วเดินไปหยุดอยู่ข้างกายไป๋ชิงเหยียน ขยับผ้าห่มที่วางอยู่บนหน้าขาของไป๋ชิงเหยียนให้เรียบร้อย จากนั้นนั่งลงข้างกายหญิงสาว หยิบผ้าเช็ดหน้ายื่นให้ไป๋ชิงเหยียนที่ดื่มนมหมักหมดแล้ว “พี่หญิงใหญ่ทำข้าตกใจหมดเลยเจ้าค่ะ”

“พี่ส่งคนไปบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดยังตกใจอีก” ไป๋ชิงเหยียนรับผ้าเช็ดหน้าจากไป๋จิ่นซิ่วมาเช็ดมุมปากพลางมองไปทางน้องสาว “เหตุใดเจ้าจึงทิ้งวั่งเกอมาที่นี่อีกแล้ว”

“หากไม่กลับมาจะรู้ได้อย่างไรกันเจ้าคะว่าเสี่ยวซื่อเก่งถึงเพียงนี้แล้ว นางสืบเรื่องได้รวดเร็วเสียจริง” ไป๋จิ่นซิ่วเอ่ยถึงเรื่องเสบียงอาหาร

ชุนเถาถือชาเข้ามาด้านใน ยื่นชาให้ไป๋จิ่นซิ่ว จากนั้นถอยออกไป ไม่อยู่ขัดการสนทนาของสองพี่น้อง “คุณหนูรองเชิญดื่มชาเจ้าค่ะ”

ไป๋จิ่นซิ่วพยักหน้าให้ชุนเถา รับชามาถือไว้ จากนั้นก้มหน้ากล่าวต่อ

“ยังมีอีกเรื่องเจ้าค่ะพี่หญิงใหญ่ หลิ่วรั่วฟู…ฆ่าตัวตายในคุกแล้วเจ้าค่ะ เหลียงอ๋องถูกขังอยู่คุกเดียวกับหลิ่วรั่วฟู ไม่รู้ว่าเขากล่าวอันใดกับนาง ผู้คุมคุกกล่าวว่าหลิ่วรั่วฟูร้องไห้อย่างเจ็บปวดอยู่พักใหญ่ จากนั้นวิ่งเอาหัวชนกำแพงจนเสียชีวิตเจ้าค่ะ เมื่อใต้เท้าหลู่ไปถึง เหลียงอ๋องร้องไห้อ้อนวอนขอพบฮ่องเต้ กล่าวว่าก่อนตายหลิ่วรั่วฟูยอมรับแล้วว่าเสียนอ๋องนำทหารบุกเข้าไปในวังเพื่อต้องการสนับสนุนให้เขาขึ้นครองราชย์ หากหลิ่วรั่วฟูคลอดลูกในท้องออกมาเมื่อใด เสียนอ๋องจะสังหารเขาและให้เด็กขึ้นครองราชย์แทนเจ้าค่ะ”

ไป๋จิ่นซิ่วได้ยินถึงตรงนี้ก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ นางรู้สึกสงสารหลิ่วรั่วฟู…

ไม่ว่าอย่างไรหลิ่วรั่วฟูก็กำลังจะแต่งงานกับเหลียงอ๋องแล้ว ในฐานะบุรุษเหลียงอ๋องควรปกป้องภรรยาของตัวเอง ทว่า เหลียงอ๋องไม่เพียงไม่ทำเช่นนั้น เขากลับใส่ร้ายนางหลังนางเสียชีวิตแล้วเพื่อกันตัวเองออกจากเรื่องทั้งหมด ช่างเป็นคนที่ไร้หัวใจจริงๆ

“หลังเหตุการณ์ความวุ่นวายที่ประตูอู่เต๋อ ตราบใดที่ฮ่องเต้ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ เหลียงอ๋องคงไม่มีทางตาย ทว่า เมื่อใดที่องค์รัชทายาทขึ้นครองราชย์ สิ่งแรกที่พระองค์จะทำก็คือการกำจัดเหลียงอ๋อง เราไม่จำเป็นต้องรีบร้อนให้แปดเปื้อนมือของตัวเองหรอก”

บัดนี้วิธีการของเหลียงอ๋องต่ำช้าลงทุกวัน ทว่า ในสายตาของไป๋ชิงเหยียน หลังผ่านเหตุการณ์ความวุ่นวายของประตูอู่เต๋อ เหลียงอ๋องแทบไม่มีโอกาสแก้ตัวอีกแล้ว

ไป๋ชิงเหยียนไม่อยากเอามือของตัวเองไปแปดเปื้อนกับคนที่ไม่คู่ควร

โดยเฉพาะตอนนี้เหลียงอ๋องยังมีชีวิตอยู่ เขาต้องหาทางทำให้ตัวเองได้รับความเชื่อใจจากฮ่องเต้อีกครั้งแน่นอน องค์รัชทายาทต้องหวาดระแวงในตัวเหลียงอ๋อง ทั้งสองคนปะทะกันเอง ผู้อื่นจะได้ไม่สนใจความเคลื่อนไหวของตระกูลไป๋

ดังนั้นต่อให้ตอนนี้นางจะเกลียดเหลียงอ๋องมากเท่าใดก็ต้องปล่อยให้เหลียงอ๋องมีชีวิตอยู่เพื่อระรานองค์รัชทายาทต่อไปก่อน

“พี่หญิงใหญ่กระอักเลือดคราวนี้ ต้องเลื่อนการเดินทางกลับซั่วหยางออกไปก่อนหรือไม่เจ้าคะ” ไป๋จิ่นซิ่วอยากให้ไป๋ชิงเหยียนอยู่ที่เมืองหลวงต่ออีกสักพัก

ไป๋ชิงเหยียนส่ายหน้า “รีบกลับซั่วหยางดีกว่า พี่จากที่นั่นมานานแล้ว มีหลายเรื่องที่เป็นห่วง ที่สำคัญอยู่เมืองหลวงทำสิ่งใดก็ไม่สะดวก องค์รัชทายาทต้องการไถ่โทษแทนพระชายาเอก พระองค์ส่งองครักษ์ลับมาคุ้มกันจวนไป๋เพิ่มมากขึ้น พี่ทำสิ่งใดก็ไม่ค่อยสะดวกนัก”

ไป๋จิ่นซิ่วพยักหน้า ไม่ได้รั้งให้ไป๋ชิงเหยียนอยู่ต่ออีก

“วันที่พี่เดินทางกลับซั่วหยาง เจ้าไม่ต้องไปส่งพี่หรอก เวลาของพวกเราพี่น้องยังมีอีกมาก ดูแลวั่งเกอให้ดีคือสิ่งสำคัญที่สุด” ไป๋ชิงเหยียนกำชับไป๋จิ่นซิ่ว “ที่สำคัญหากเจ้าไปส่ง พี่กับเสี่ยวซื่อจะรู้สึกอาวรณ์ยิ่งกว่าเดิม”

ไป๋จิ่นซิ่วลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายจึงพยักหน้ารับ “เจ้าค่ะพี่หญิงใหญ่”

เช้าวันต่อมา ไป๋ชิงเหยียนตื่นนอนเพราะเสียงนกร้อง หญิงสาวแหวกมุ้งขึ้น มองออกไปทางนอกหน้าต่าง แสงอรุณส่องไปที่ต้นไม้ แสงสีทองของดวงอาทิตย์กระทบลงที่หน้าต่าง เงาเคลื่อนไหวไปมาตามแรงลม ไป๋ชิงเหยียนเหมือนจะมองเห็นกรงนกแขวนอยู่ที่ระเบียงทางเดิน นกกระจอกสองตัวในกรงกระพือปีกส่งเสียงร้องเจื้อยแจ้ว

“ชุนเถา…”

เมื่อได้ยินไป๋ชิงเหยียนเอ่ยเรียก ชุนเถาจึงรีบขานรับ จากนั้นเดินนำบรรดาสาวใช้ที่ถืออุปกรณ์อาบน้ำล้างหน้าเข้ามาในห้อง

ชุนเถาชักแหวกม่านไม้จันทน์ที่ค่อนข้างหนักอึ้งเข้ามาด้านใน จากนั้นเก็บผ้าม่านลายผีเสื้อบินล้อมดอกไผ่ไปแขวนไว้ที่ตะขอทองแดงตามเดิมแล้วเลิกมุ้งขึ้น ประคองไป๋ชิงเหยียนให้ลุกขึ้นจากที่นอน ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มอย่างอ่อนโยน “คุณหนูใหญ่ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ!”

ไป๋ชิงเหยียนนั่งอยู่ปลายเตียงด้วยใบหน้าอ่อนโรย ชุนเถาปรนนิบัติหญิงสาวล้างหน้าบ้วนปาก

ไป๋ชิงเหยียนใช้มือป้องปากพลางบ้วนน้ำออกจากปาก หญิงสาวได้ยินเสียงนกร้องอีกครั้ง นางรับผ้าขนหนูมาเช็ดปากพลางมองไปนอกหน้าต่าง

“เหตุใดระเบียงทางเดินถึงมีนกกระจอกเพิ่มมาสองตัว”

ชุนเถาบิดผ้าขนหนูในน้ำร้อนในกะละมังสีทองแดงจนสะอาด จากนั้นส่งให้ไป๋ชิงเหยียน

“เซียวเซียนเซิงส่งมาให้เจ้าค่ะ เขากล่าวว่าเอามาให้คุณหนูใหญ่คลายเหงา คุณหนูสี่ได้ยินเสียงร้องกังวานไพเราะของนกสองตัวนี้จึงสั่งให้นำมาแขวนที่ระเบียงทางเดินของเรือนชิงฮุยเจ้าค่ะ ทว่า ข้าไม่เห็นว่านกกระจอกสองตัวนี้จะพิเศษอย่างไร สีขนไม่ได้สวยสดใส เลียนภาษาคนก็ไม่ได้ มีเพียงเสียงที่กังวานเท่านั้น หากคุณหนูใหญ่ไม่ชอบ ข้าจะให้คนนำไปที่อื่นเจ้าค่ะ”

เมื่อได้ยินว่าเซียวหรงเหยี่ยนส่งมาให้ ไป๋ชิงเหยียนยกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย จากนั้นกล่าวขึ้น “เดี๋ยวนำมาให้ข้าดูหน่อย”

“เจ้าค่ะ!”

ไป๋ชิงเหยียนทานอาหารเช้าเสร็จ ชุนเถาประคองนางเดินย่อยในห้องสักพัก จากนั้นไปนั่งทานยาที่เก้าอี้ริมหน้าต่าง เมื่อกลั้วปากเสร็จ ชุนเถาจึงสั่งให้คนนำนกกระจอกสองตัวที่อยู่ตรงระเบียงทางเดินเข้ามาในห้อง

ไป๋ชิงเหยียนใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดปาก สั่งให้ชุนเถาวางนกกระจอกทั้งสองตัวที่สีสันไม่ได้โดนเด่นลงบนโต๊ะเล็กตรงหน้า เมื่อพิจารณาอย่างละเอียดจึงสังเกตเห็นว่าขาของนกตัวหนึ่งใหญ่กว่าปกติ ไป๋ชิงเหยียนสั่งให้ชุนเถาออกไปชงน้ำชามาให้นาง จากนั้นหญิงสาวเทอาหารนกใส่มือ เปิดกรงนกออกแล้วยื่นมือไปในกรงเพื่อดึงดูดนกน้อย เมื่อสำรวจอย่างละเอียดจึงพบว่าที่ขาของนกตัวนั้นมีของผูกอยู่จริงๆ

ไป๋ชิงเหยียนแก้มัดผ้าสีเหลืองที่ผูกที่ขาของนกออกอย่างแผ่วเบา จากนั้นปล่อยนกเข้าไปในกรงอีกครั้ง คลี่ผ้าออกอ่าน…

ในผ้ามีเพียงข้อความ “คิดถึงเจ้า”

ไป๋ชิงเหยียนคลี่ยิ้มไม่หุบ รู้สึกหวานในหัวใจราวกับทานลูกกวาดเข้าไป

เมื่อได้ยินเสียงชุนเถาเดินเข้ามา ไป๋ชิงเหยียนรีบซ่อนผ้าไว้ในแขนเสื้อ หันไปมองนกกระจองสองตัวที่ส่งเสียงร้องแข่งกันอยู่ จากนั้นกล่าวกับชุนเถา “ปล่อยนกสองตัวนี้ไปเถิด!”

“คุณหนูใหญ่ไม่ชอบหรือเจ้าคะ” ชุนเถาวางถ้วยชาลงตรงหน้าไป๋ชิงเหยียน จากนั้นยกกรงขึ้น

“ไม่ใช่ไม่ชอบ ทว่า พวกมันควรมีอิสระในการโบยบิน เหตุใดต้องจับมันมาขังไว้ในกรงด้วย”

ชุนเถารับคำ จากนั้นถือกรงไปยังลานหญ้า เปิดกรงออก นกกระจอกสองตัวที่ส่งเสียงร้องน่าฟังบินออกไปจากกรงทันที

อากาศช่วงฤดูใบไม้ร่วงเย็นสบาย บนท้องฟ้าไม่มีก้อนเมฆ นกกระจอกสองตัวกระพือปีก จากนั้นบินหายไปจากเรือนชิงฮุย