ระหว่างทางมีสายลมอันหนาวเย็นพัดโชยมาตลอด พอกลับมาถึงตำหนักหย่างซินจิ่งหมิงฮ่องเต้ก็ได้สติกลับมา รู้สึกนึกเสียใจที่พยักหน้าเออออไปอย่างง่ายดายที่ตำหนักคุนหนิง
ทว่าองค์จักรพรรดิตรัสแล้วห้ามคืนคำ ถึงจะนึกเสียใจทีหลัง แต่สิ่งที่ควรต้องคิดไตร่ตรองก็ยังคงต้องคิดไตร่ตรองอยู่ดี
จิ่งหมิงฮ่องเต้ครุ่นคิดพิจารณาตั้งแต่องค์ชายใหญ่ฉินอ๋องลงมา
ฉินอ๋องเป็นลูกบุญธรรมของเขา ในฐานะคนธรรมดาที่มีเห็นความเห็นแก่ตัว บรรดาพระราชโอรสของเขาที่มีเป็นจำนวนมาก แน่นอนว่าเขาไม่เคยคิดจะมอบบัลลังก์ให้กับลูกบุญธรรมเลย
อย่างไรก็ตามฉินอ๋องเป็นลูกคนโต คงสภาพเช่นเดิมไว้ก็ดีแล้ว ถ้าหากว่านับเขาอยู่ใต้นามบุตรฮองเฮา ได้เป็นลูกแท้ๆ น่าจะเป็นการหาเรื่องลำบากให้ตัวเองเสียเปล่า
เช่นนั้นฉินอ๋องจึงไม่อยู่ในตัวเลือกเด็ดขาด
ต่อจากนั้นก็เป็นองค์ชายสี่ฉีอ๋อง เสียนเฟยเป็นผู้ให้กำเนิดเจ้าสี่ เห็นได้ชัดว่าไม่เหมาะสมที่จะยกให้ฮองเฮา
ส่วนองค์ชายห้า…พอนึกถึงหนิงเฟยที่อารมณ์ร้าย จิ่งหมิงฮ่องเต้ก็ส่ายหน้าออกมาเงียบๆ
หากจะยกเจ้าห้าให้ฮองเฮาจริงๆ ล่ะก็ ถ้าเกิดฮ่องเต้อย่างเขาถูกหนิงเฟยฉุนเฉียวทุบตีเข้าจะทำอย่างไร คงอับอายขายหน้ายิ่งนัก!
ส่วนองค์ชายหกนั้นจวงเฟยเป็นพระมารดา ถึงจวงเฟยจะสุภาพอ่อนโยนท่าทางสงบเสงี่ยม ทว่าหากยกลูกชายคนเดียวให้ฮองเฮาไปคงต้องร้องไห้โวยวายแน่ เขากลัวจะถูกพระสนมทุบตีทำให้อับอาย และกลัวพระสนมจะร้องไห้ระงมจนน่ารำคาญ
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าห้ากับเจ้าหกก็ตัดออกไปเลย
ตอนนี้เหลือเพียงองค์ชายเจ็ดเยี่ยนอ๋องกับองค์ชายแปดเซียงอ๋อง
ผู้ที่จิ่งหมิงฮ่องเต้นึกถึงเป็นคนแรกก็คือเซียงอ๋อง
มารดาผู้ให้กำเนิดเจ้าแปดนั้นภูมิหลังต่ำต้อย ถึงแม้จะยกเขาให้ฮองเฮา แน่นอนว่าคงไม่กล้าแสดงออกอะไรมาก และคงไม่กล้าแม้แต่จะร้องไห้ ซึ่งลดความรำคาญใจให้เขาไปได้มากเลยทีเดียว
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าแปดนั่นแหละเหมาะสมที่สุด
ฮ่องเต้ไม่มีความละอายใจในเรื่องผู้ที่อ่อนแอมักจะถูกรังแกเลย เมื่อนึกถึงองค์ชายแปดเซียงอ๋องก็พยักหน้าออกมาโดยไม่รู้ตัว
แต่ว่านี่เป็นเรื่องใหญ่ จึงไม่อาจเลือกเช่นนี้ได้ จิ่งหมิงฮ่องเต้ก็เลยพิจารณาอวี้จิ่นอีกคน
เสียนเฟยเป็นผู้ให้กำเนิดเจ้าเจ็ด เรื่องนี้สามารถมองข้ามไปได้ ด้วยท่าทีที่เสียนเฟยมีต่อเจ้าเจ็ด ขาดลูกชายคนนี้ไปสักคนแน่นอนว่าคงไม่เสียดาย
เจ้าเจ็ดก็อยู่ในตัวเลือกที่ต้องพิจารณา
ทว่าจิ่งหมิงฮ่องเต้ไม่ได้สนับสนุนอวี้จิ่น
เจ้าเจ็ดนั้นมีดีในทุกๆ ด้าน ทว่าเติบโตอยู่นอกวังมาตั้งแต่เด็ก ดูเหมือนว่าจะมีนิสัยหยาบคายเล็กน้อย จึงกังวลอยู่บ่อยๆ ว่าเจ้าเด็กคนนี้จะหาเรื่องใส่ตัววันไม่เว้นวัน
เมื่อนำมาเปรียบเทียบกัน เซียงอ๋องดูจะถูกใจจิ่งหมิงฮ่องเต้มากกว่าเล็กน้อย
เจ้าเจ็ดกับเจ้าแปด เลือกใครดีนะ
เหล่าขุนนางต่างเห็นว่าวันนี้ฝ่าบาทเสียสมาธิไปหลายครั้ง เหตุการณ์เฉกเช่นในอดีตที่เพื่อเรื่องๆ หนึ่งเถียงกันคอเป็นเอ็น หน้าแดงเถือกเหมือนกับอยู่ในตลาดสดจึงไม่เกิดขึ้น ทุกคนต่างแยกย้ายกันออกไปแต่โดยดี
พอจิ่งหมองฮ่องเต้เห็นว่าเป็นเช่นนี้ ก็เริ่มคิดว่าหลังจากนี้หากทำหน้าขรึมพร้อมกับเหม่อลอยคงจะทำให้ทุกคนสงบลงได้ใช่หรือไม่
แน่นอนว่าตอนนี้เขาคงมิอาจคิดถึงความสงบได้ เรื่องที่ฮองเฮาพูดออกมาประหนึ่งเป็นหินก้อนใหญ่ที่ทับอกอยู่ ถ้ายังเลือกไม่ได้ก็ไม่อาจผ่อนคลายลงได้
ครุ่นคิดอยู่นาน จิ่งหมิงฮ่องเต้สั่งให้พานไห่ไปเชิญอวี้จิ่นกับเซียงอ๋องเข้าวัง
จวนอ๋องแต่ละหลังอยู่ใกล้กัน เวลาที่ทั้งสองมาถึงพระราชวังจึงไม่ห่างกันมาก เจอหน้ากันได้ตั้งแต่ที่หน้าประตูวัง
“พี่เจ็ด บังเอิญยิ่งนัก” เซียงอ๋องนั้นให้ค่ากับฉีอ๋อง แต่สำหรับอวี้จิ่นนั้นไม่ได้มีความรู้สึกดีอะไรให้มากนัก น้ำเสียงจึงไม่ค่อยเป็นมิตร
ในความคิดของเขา องค์ชายที่ไม่ได้รับแม้แต่การอบรมสั่งสอนอย่างจริงจังของราชวังควรจะเจียมตัว ทว่าองค์ชายเจ็ดนั้นกลับเที่ยวหาเรื่องไปทั่วและไม่ได้รับการลงโทษด้วยซ้ำ ปัจจุบันยังได้หน้าตามากกว่าเขาเสียอีก
เมื่อคิดถึงเรื่องเหล่านี้ เกรงว่าแม้จะละเลยเหตุผลต่างๆ นานา เซียงอ๋องก็ชอบอวี้จิ่นไม่ลง
อวี้จิ่นพยักหน้าลงด้วยท่าทีสงบเสงี่ยม “บังเอิญยิ่งนัก”
เซียงอ๋องริมฝีปากกระตุก เกลียดที่ตัวเองปากพล่อย
ไม่ควรเริ่มทักทายก่อน เจ้าคนหยาบคายนี่ยังทำท่าทีสำรวมต่อหน้าเขาอีก
จากนั้นทั้งสองก็ไม่พูดอะไรออกมา แล้วข้าหลวงก็พาเข้าไปพบจิ่งหมิงฮ่องเต้
เซียงอ๋องถวายบังคมพลางตกใจ ไม่นึกเลยว่าฮองเฮาจะอยู่ที่นี่ด้วย
พวกเขาเป็นองค์ชาย การเข้าวังเพื่อน้อมทักฮองเฮาไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ปกติจะไปหาพระมารดามากกว่า ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องเข้าพบฮองเฮา
วันนี้มันเกิดเรื่องอะไรกัน
หากเทียบกับเซียงอ๋องที่กำลังงงงวย อวี้จิ่นกลับเข้าใจมากกว่า
ดูเหมือนว่าสิ่งที่เขาจัดการจะเกิดประโยชน์แล้ว ฮองเฮาไม่เพียงแต่มีความคิดอยากจะทำอะไรบางอย่าง อีกทั้งยังแบไพ่ที่อยู่ในมือให้เสด็จพ่อดูอีก
อวี้จิ่นรู้สึกว่ามองคนไม่ผิดจริงๆ
วันธรรมดาฮองเฮาก็ดูใจกว้างไม่ทะเลาะเบาะแว้งกับผู้ใด ทว่าโดยความเป็นจริงภายนอกนั้นอ่อนแอ แต่ภายในนั้นแข็งแกร่ง หากตัดสินใจแล้วก็จะแก้ปัญหาอันยุ่งยากอย่างรวดเร็วและเฉียบขาด ไม่ชักช้าอืดอาด
ถ้าหากแผนสำเร็จ การร่วมมือกับ ‘สหายร่วมรบ’ เช่นนี้ก็เป็นเรื่องที่มีความสุขเสียจริง
อวี้จิ่นมองเรื่องนี้ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง เห็นได้ชัดว่าเขากับฮองเฮาไม่อาจเป็นแม่ลูกที่ผูกพันกันอย่างลึกซึ้งได้ เป็นได้เพียงผู้ร่วมมือกัน
หากได้ประโยชน์ไม่มีอะไรไม่ดีหรอก
เขาเป็นคนที่รักษาคำพูด เวลานี้ฮองเฮาคอยช่วยเหลือเขาเล็กน้อย ถึงแม้จะไม่อาจยกให้ฮองเฮาเป็นแม่ที่แท้จริงได้ แต่เขาสามารถให้ความเคารพยำเกรงและดูแลองค์หญิงฝูชิงได้
อวี้จิ่นรู้สึกพอใจกับฮองเฮาเป็นอย่างมาก แต่ไม่พอใจในจิ่งหมิงฮ่องเต้มากนัก
หึ ฮ่องเต้เลือกไปเลือกมา นึกไม่ถึงเลยว่ายังพิจารณาเจ้าแปดเข้ามาอีก นี่เขาไม่ควรที่จะเป็นตัวเลือกเดียวที่ถูกเลือกงั้นหรือ
พอคิดเช่นนี้ อวี้จิ่นก็รู้สึกเคืองขึ้นมาเล็กน้อย แอบคิดอยู่เงียบๆ ว่าพระเนตรของฮ่องเต้หาได้มีแววไม่
“เจ้าเจ็ด กำลังคิดอะไรอยู่” พอเห็นว่าอวี้จิ่นไม่พูดอะไรออกมา มีเพียงเซียงอ๋องที่พูดคุยเฮฮา จิ่งหมิงฮ่องเต้จึงถามออกไปอย่างอดไม่ได้
ที่วันนี้เรียกเจ้าเจ็ดกับเจ้าแปดเข้าวังมา แถมยังเชิญฮองเฮามาอีก ก็เพราะอยากจะสังเกตการณ์อย่างละเอียด ถึงแม้ในใจจิ่งหมิงฮ่องเต้จะโอนเอียงไปทางเซียงอ๋องมากกว่า แต่พอเห็นว่าอวี้จิ่นไม่พูดอะไรออกมาสักคำ คาดไม่ถึงเลยว่าจะรู้สึกร้อนใจที่เขาไม่พยายามสู้
เจ้าเด็กโง่รู้หรือไม่ว่าวันนี้สำคัญมากนะ เซ่อจนเป็นเช่นนี้ น่ากังวลใจเสียจริง
เมื่อมีความคิดนี้แวบขึ้นมา หันไปดูเซียงอ๋องที่ยิ้มหัวเราะร่าเริง จิ่งหมิงเต้ก็เกิดความรู้สึกไม่ชอบแปลกๆ
จะว่าไปแล้ว ตำแหน่งนี้ของพวกเขา ความสุขุมหนักแน่นน่าจะเหมาะสมยิ่งกว่า
พอถูกจิ่งหมิงฮ่องเต้ถาม อวี้จิ่นก็เอ่ยขึ้น “ลูกกำลังคิดว่าน้องสิบสามเป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อได้ยิน จิ่งหมิงฮ่องเต้ยังพอทำเนา แต่ทางฮองเฮาดวงเนตรร้อนผ่าวออกมาโดยไม่รู้ตัว
ต้องเป็นเยี่ยนอ๋องแล้วล่ะ!
เดิมนางก็เอนเอียงไปทางเยี่ยนอ๋อง เพียงแต่ว่ากังวลว่าฝ่าบาทจะเห็นต่างจึงไม่กล้าแสดงออกมากนัก อีกทั้งยังคิดอีกว่าถ้าฝ่าบาทถูกใจเซียงอ๋อง นางก็จะยอมรับ ถึงมารดาผู้ให้กำเนิดเซียงอ๋องจะฐานะต่ำต้อย ในอนาคตเกรงว่าถ้าได้นั่งในตำแหน่งนั้น ก็ไม่กลัวลี่ผินจะมาโวยวายบ้าคลั่งต่อหน้านางหรอก
ทว่าตอนนี้ ฮองเฮาตัดสินใจได้อย่างแน่วแน่ นางต้องการเยี่ยนอ๋องมาเป็นลูกชาย!
เรื่องที่ฝูชิงเจออันตรายที่หอเซวียนเต๋อ ต่อให้องค์ชายทั้งหลายจะไม่ทราบเรื่องในขณะนั้น แต่ผ่านมานานขนาดนี้ก็ควรจะได้ยินมาบ้างแล้ว ทว่าทันทีที่เซียงอ๋องเข้ามากลับเอาแต่พูดคุยเฮฮา ไม่ได้เอ่ยถึงฝูชิงเลยแม้แต่คำเดียว
พี่ชายเช่นนี้ นางจะหวังให้ปกป้องดูแลฝูชิงในอนาคตด้วยใจจริงได้อย่างไร
แล้วดูเยี่ยนอ๋องสิ เข้ามาก็ไม่พูดจาอะไรมากความ เอ่ยปากก็ถามถึงฝูชิงเลย แสดงว่าหลายวันนี้มานี้คงเอาแต่คิดว่าผู้ใดทำร้ายฝูชิงเป็นแน่
พูดคุยกันได้สักพัก ในขณะที่เซียงอ๋องกำลังงุนงง ทั้งสองก็ถูกไล่ออกไปจากวังก่อน
“ฮองเฮาว่าอย่างไร”
เมื่อวานฮองเฮาไม่กล้าพูดอะไรสักอย่าง วันนี้ต่างออกไปแล้ว
ในเมื่อฝ่าบาทเรียกนางเข้ามาพบกับองค์ชายทั้งสอง นางจึงต้องพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้เล็กน้อย
“หม่อมฉันไม่มีความเห็นอะไร เพียงแต่รู้สึกว่าเยี่ยนอ๋องเอาใจใส่ฝูชิง”
นางก็แค่คนเป็นแม่ที่ถวายทั้งกายและใจเพื่อลูกสาว
จิ่งหมิงฮ่องเต้แววตานิ่งสงบ ตรัสออกมาช้าๆ “ข้าขอคิดอีกที”