หากรื้อหอพระคงไม่ทันการณ์ จิ่งหมิงฮ่องเต้ก็ไม่กล้าพูด
เป็นเรื่องที่เขาเสนอออกมาเอง หากต้องเสียใจทีหลังก็ทำได้เพียงแค่ยอมรับ นี่เรียกว่ากรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมตามสนอง
เมื่อเห็นจิ่งหมิงฮ่องเต้สีหน้าเลื่อนลอย ด้วยความรู้ใจจึงให้เวลากับฮ่องเต้สักพัก จากนั้นจึงเอ่ยถามออกไป “ฝ่าบาทว่าอย่างไรเพคะ”
“ข้า…” จิ่งหมิงฮ่องเต้ขยับริมฝีปาก ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดี
จู่ๆ ฮองเฮาก็พูดเรื่องนี้ออกมา เขาไม่ทันได้เตรียมตัวเลยแม้แต่นิดเดียว
พอเผชิญหน้ากับสายตาอันกระตือรือร้นของฮองเฮา จิ่งหมิงฮ่องเต้จึงทำได้เพียงฝืนหัวเราะออกมา “ข้าบอกตามตรงนะฮองเฮา ข้ายังไม่ได้เตรียม…”
ฮองเฮาเม้มริมฝีปากลง “องค์ชายทั้งหลายต่างก็โตกันหมดแล้ว ไม่ต้องให้หม่อมฉันคลอดออกมา และก็ไม่ต้องให้ฝ่าบาทเลี้ยงด้วย ยังต้องเตรียมอะไรอีกหรือเพคะ”
จิ่งหมิงฮ่องเต้ “…” ฮองเฮาพูดเก่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
หลังจากที่ตกใจ เขาก็เข้าใจได้ในทันที ฮองเฮาเอาจริง!
ฮองเฮาท่าทางเอาจริงเอาจังพร้อมกับพูดเรื่องนี้ออกมา แสดงว่าจิ่งหมิงฮ่องเต้ต้องให้ความสำคัญมาก
ครุ่นคิดอยู่นานพอควร จิ่งหมิงฮ่องเต้ถอนหายใจออกมา “ฮองเฮา เจ้าอยู่ในกฎระเบียบมาแต่ไหนแต่ไร น่าจะรู้ว่านี่มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ…”
ฮองเฮาก้มหน้าลง เผยรอยยิ้มอันขมขื่น “หม่อมฉันไม่อยากให้ฝูชิงอ้างว้างไร้ซึ่งความสุขหลังจากออกเรือนไป ยิ่งกว่านั้นไม่อยากให้อีกร้อยปีหลังจากนี้เหลือฝูชิงไว้คนเดียวโดยไม่มีคนดูแล…”
จิ่งหมิงฮ่องเต้ขมวดพระขนงตรัสแทรกฮองเฮา “ฝูชิงเป็นองค์หญิงในสายเลือดโดยตรง เหตุใดจะไม่มีใครดูแล ฮองเฮาคิดมากเกินไปแล้ว”
ฮองเฮายิ้มเยาะออกมา “ฝ่าบาท ตอนนี้ฝูชิงกำลังถูกวางแผนทำร้ายจากคนข้างกายพวกเรา ใครจะรู้ว่าจากนี้ไปจะเป็นอย่างไร”
จิ่งหมิงฮ่องเต้นนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง
ฮองเฮาไม่เร่งเขาอีก ได้แต่แอบน้ำตารื้นอยู่เงียบๆ พร้อมกับหันหน้ามองออกไปข้างนอก
ดอกไม้ต้นไม้นานาพันธุ์ในสวนดูมีเค้าโครงว่าจะกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง อีกไม่กี่วันข้างหน้าก็คงจะงอกงามเขียวชอุ่มแล้ว
ทว่าจิตใจของฮองเฮากลับเหี่ยวเฉา
นางมีแค่ฝูชิงลูกสาวคนเดียว ฝูชิงคือชีวิตของนาง หากใครเอาชีวิตนางไป นางสู้ไม่ถอยแน่!
ฝ่าบาทเต็มใจก็ดี ไม่เต็มใจก็ช่างปะไร ถึงแม้ไมตรีจิตที่มีต่อฝ่าบาทมานานจะถูกทำลายลง นางก็ไม่สนใจแล้ว
จิ่งหมิงฮ่องเต้เห็นฮองเฮาตาแดงก่ำไม่พูดไม่จา ก็รู้สึกทุกข์ใจ
สำหรับฮองเฮา เขาไม่ได้แสดงความรักแบบชายหญิงมากนัก พูดได้เลยว่าผู้ที่เขาให้ความรักมากที่สุดคือหยวนฮองเฮา ต่อจากนั้นก็มอบความรักใคร่ให้กับเหล่าพระสนมที่เยาว์วัยและรูปร่างหน้าตาสวยงาม
ช่วงที่ยังหนุ่ม ฮองเฮาได้ช่วยเขาจัดการดูแลเรื่องในวังหลัง จนกระทั่งถึงตอนนี้ก็เป็นคู่ชีวิตไปแล้ว
ทว่าไม่ได้แสดงออกถึงความรับแบบหญิงชายก็ไม่ได้หมายถึงไม่มีความรู้สึกใดๆ ให้ ยิ่งไปกว่านั้นอยู่กับฮองเฮามาตั้งนานหลายปีก็รู้สึกสบายและเป็นตัวของตัวเอง ในใจจิ่งหมิงฮ่องเต้ฮองเฮาจึงถือว่ามีความสำคัญมากเลยทีเดียว
ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ หลายปีที่ผ่านมาดูเหมือนว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่ฮองเฮาเอ่ยขอร้องเขา
จิ่งหมิงฮ่องเต้เงียบไปนาน รู้สึกลังเลใจ
องค์ชายที่นับเป็นบุตรในนามของฮองเฮามันหมายความว่าอย่างไรเขารู้ดีกว่าใคร
ฮองเฮาก็เงียบไปนาน ท่าทางยืนหยัดแน่วแน่
ในเมื่อนางเอ่ยปากพูดแล้ว จึงไม่มีเหตุผลที่จะถอนตัวกลางคัน
เวลาค่อยๆ ผ่านไปช้าๆ นางกำนัลที่ถูกฮ่องเต้ไล่ออกไปอยู่ข้างนอกเหลือบมองประตูห้องเป็นระยะๆ อาศัยจากประสบการณ์ก็รู้ว่าน้ำชาเย็นไปนานแล้ว ทว่าไม่กล้าเข้าไปเปลี่ยนน้ำชาตามอำเภอใจ
ฮ่องเต้กำลังคุยเรื่องอะไรอยู่ แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องที่บ่าวรับใช้อย่างพวกนางจะกล้าคาดเดา
ยังไม่ทันเข้าเดือนสอง อากาศยังคงหนาวเย็น ทว่าภายในห้องกลับร้อนระอุ ภายใต้บรรยากาศอันเคร่งเครียดไม่ว่าจิ่งหมิงฮ่องเต้หรือว่าฮองเฮา ล้วนเริ่มมีเหงื่อออกที่ปลายจมูก
ด้วยเหตุนี้ ดูเหมือนว่าบรรยากาศจะกดดันยิ่งกว่าเดิม
ในที่สุดก็เป็นจิ่งหมิงฮ่องเต้ที่ยอมอ่อนข้อ
เขาถอนหายใจ ตรัสพูดช้าๆ “ฮองเฮาอยากจะมีพระราชโอรสสักคนเพื่อปรนนิบัติรับใช้นั้นไม่ใช่เรื่องที่ต้องติเตียน ข้า…ยอมรับปากแล้ว…”
อาจเป็นเพราะเงียบไปนาน พอฮองเฮาได้ยินจิ่งหมิงฮ่องเต้ตรัสเช่นนี้สีหน้าจึงไม่เปลี่ยนไปมากเท่าไร ทว่าในใจกลับดีใจมาก
นอกจากความดีใจ ก็มีความเศร้าโศกอยู่ด้วย
แม้นี่จะไม่ใช่สถานการณ์ที่เป็นทางการ เมื่อคุยกันส่วนตัวฝ่าบาทก็ไม่เคยแทนตัวเองว่า ‘ข้า’มาก่อนเลย ทว่าเมื่อครู่ฝ่าบาทแทนตัวเองว่า ‘ข้า’
มีบางอย่างต่างออกไป ฮองเฮารู้ได้ทันที
แต่นางไม่มีทางนึกเสียใจทีหลัง
ตัดใจทิ้งให้ได้ เพราะต้องยอมทิ้งบางอย่างก่อนจะได้สิ่งที่ต้องการ เดิมบนโลกนี้การได้ประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่ายก็เป็นเรื่องยากอยู่แล้ว โลภมากจะทำลาภหายเอาเสียเปล่า
ความเศร้าก่อนที่จะสมปรารถนานั้นไม่มีค่าให้เอ่ยถึงเลย ชั่วพริบตาเดียวก็สลายหายไปแล้ว ฮองเฮาเผยรอยยิ้มที่ออกมาจากใจอย่างแท้จริง “เป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่งนักเพคะฝ่าบาท”
“เป็นสามีภรรยากันจะมาพูดขอบคุณอะไร” จิ่งหมิงฮ่องเต้รู้สึกสับสนในใจเล็กน้อย ไม่มีอารมณ์จะคุยต่อ “ฮองเฮาไปพักผ่อนเถอะ ข้ายังมีเรื่องให้ต้องไปจัดการอีกเล็กน้อย”
“เดินทางปลอดภัยเพคะฝ่าบาท”
จิ่งหมิงฮ่องเต้พยักหน้าลวกๆ เดินออกไปพลางเอามือไขว้หลัง แล้วจู่ๆ ก็หันขวับกลับมา
ฮองเฮาตกใจนิดหน่อย แววตาดูระแวดระวัง
หรือว่าฝ่าบาทจะเปลี่ยนใจ
เปลี่ยนใจคงไม่ได้แน่ จิ่งหมิงฮ่องเต้ไม่ได้หน้าหนาขนาดนั้น เขาก็แค่นึกถึงเรื่องที่สำคัญมากได้เรื่องหนึ่ง “ฮองเฮาคิดไว้แล้วหรือยังว่าจะให้องค์ชายคนไหนมาเป็นบุตรภายใต้นามของฮองเฮา”
ฮองเฮาคิดไว้ตั้งนานแล้ว เมื่อได้ยินจิ่งหมิงฮ่องเต้ตรัสถามก็เอ่ยพูดท่าทางเรียบเฉย “เมื่อคืนพระโพธิสัตว์มาเข้าฝันชี้แนะ หม่อมฉันรู้สึกตื่นเต้นมาก เพียงแค่คิดว่าจะมีพระราชโอรสก็รู้สึกเหมือนฟ้าประทานพรแล้ว แต่ยังไม่ได้คิดว่าองค์ชายท่านไหนที่เหมาะสม”
เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ ฮองเฮาก็คุกเข่าลง “อีกอย่าง เรื่องใหญ่โตขนาดนี้หม่อนฉันตัดสินใจผู้เดียวไม่ได้หรอกเพคะ จะให้องค์ชายท่านไหนมาอยู่ใต้นามของหม่อมฉันล้วนต้องแล้วแต่ฝ่าบาทด้วย”
ฮองเฮาเข้าใจดีว่าไม่ควรทำอะไรเกินตัว หากนางพูดออกไปว่าอยากได้ลูกชายคนโตคงจะดูน่าเกลียด อย่างไรเสีย ตอนที่ไทเฮารับฝ่าบาทมาเลี้ยงนั้นยังเด็ก ไม่เหมือนตอนนี้ที่หากนับองค์ชายท่านใดมาเป็นบุตร ก็สามารถเรียกใช้ได้เลย…
เมื่อเป็นเช่นนี้ แม้นางจะมีตัวเลือกไว้ในใจ ก็ไม่อาจพูดออกมาได้
องค์ชายที่นับเป็นบุตรภายใต้นามของฮองเฮาเป็นองค์รัชทายาทที่ทรงอิทธิพลมากที่สุด ถ้าหากนางเลือกอย่างเฉพาะเจาะจง อาจถูกสงสัยได้ว่าแทรกแซงงานราชการแผ่นดิน ผลลัพธ์อาจกลับตาลปัตรได้
แต่หากถามว่าฮองเฮาเลือกผู้ใดไว้ในใจหรือไม่ แน่นอนว่ามี
นางคิดใตร่ตรองมานานหลายวัน คนที่ถูกใจนางก็คือองค์ชายเจ็ดเยี่ยนอ๋อง
องค์ชายในวังที่ไม่ได้อยู่ในการพิจารณาของฮองเฮาเลยก็คือองชายสี่ฉีอ๋อง องค์ชายห้าหลู่อ๋อง องค์ชายหกสู่อ๋อง
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เหลือเพียงแต่องค์ชายเจ็ดเยี่ยนอ๋องกับองค์ชายแปดเซียงอ๋อง
มารดาผู้ให้กำเนิดเซียงอ๋องภูมิหลังต่ำต้อย ทว่าปกติฮองเฮาก็ไม่ได้สนใจ แต่พอเห็นเซียงอ๋องกับฉีอ๋องค่อนข้างสนิทกันจึงไม่ได้มีความรู้สึกดีมากนัก
ที่เข้าไปใกล้ชิดกับฉีอ๋อง คงหวังว่าถ้าฉีอ๋องได้เลื่อนตำแหน่งก็น่าจะพลอยได้ดีขึ้นไปด้วย แค่ฉีอ๋องได้เลื่อนตำแหน่งเสียนเฟยก็ภูมิใจแล้ว ฮองเฮาอย่างนางควรจะยอมอ่อนข้อให้ดีหรือไม่
ทว่าเยี่ยนอ๋องนั้นต่างออกไป
เสียนเฟยเป็นผู้ให้กำเนิดเยี่ยนอ๋อง แต่สายสัมพันธ์แม่ลูกกับเสียนเฟยช่างเบาบางนัก เช่นนั้นจึงไม่ต้องกังวลเรื่องนี้เลย
ฮองเฮาคาดหวังกับปฏิกิริยาของเสียนเฟยเมื่อทราบว่าเยี่ยนอ๋องรับนางเป็นแม่
ตัวเองได้ประโยชน์แถมยังได้โต้ตอบกับเหล่าพระสนมที่ประพฤติตัวไม่ถูกทำนองคลองธรรมด้วย ถือว่าได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย
อีกอย่างในบรรดาองค์ชายทั้งหมดฮองเฮาก็รู้สึกถูกชะตากับเยี่ยนอ๋องมากที่สุด เช่นนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงพระชายาเยี่ยนอ๋องเลย
“ในเมื่อฮองเฮายังไม่มีคนที่ถูกใจ เช่นนั้นให้ข้าคิดดูให้ดีก่อน ก่อนที่จะเลือกอย่าได้พูดเรื่องนี้กับใคร”
ฮองเฮายิ้มพูดขึ้น “ฝ่าบาทวางใจได้เลยเพคะ เรื่องใหญ่โตเช่นนี้หม่อมฉันไม่เอาไปพูดมั่วซั่วหรอก”
จิ่งหมิงฮ่องเต้โบกมือปัด เดินออกจากตำหนักคุนหนิงไปด้วยฝีเท้าอันหนักแน่น หลังจากกลับมาถึงตำหนักหย่างซินก็เดินไปนั่งเหม่อลอยอยู่บนเตียง