บทที่ 696 วิญญาณแห่งมรรคาสวรรค์ กายาบุพกาล

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 696 วิญญาณแห่งมรรคาสวรรค์ กายาบุพกาล

เทียนยงกล่าวอย่างจนปัญญา “ข้ายังคงไม่เข้าใจอยู่ดี เหตุใดต้องมาหาเขา คุณสมบัติของเขาแข็งแกร่งก็จริง แต่ก็ยังอ่อนด้อยเกินไป หากจะเข้าร่วมกับพวกเราก็จำเป็นต้องมีความสามารถที่แน่นอนแล้วถึงจะถูก ไยจึงไม่ปล่อยให้เติบโตไปตามวิถีของตน”

แดนเซียนในปัจจุบันนี้สิ่งที่ไม่ขาดแคลนที่สุดก็คือบุตรแห่งสวรรค์

เหนือคนยังมีคน เหนือฟ้ายังมีฟ้า

หานอวี้เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เขาแตกต่าง”

“แตกต่างอย่างไร”

“วันหน้าเจ้าจะรู้เอง”

เทียนยงเม้มปาก รู้สึกว่าหานอวี้ลำเอียง

เวลานี้เอง แสงทองสายหนึ่งพลันพุ่งขึ้นมา ทะลวงผ่านมวลเมฆ ในลำแสงมีมังกรตัวหนึ่งส่ายไหวมุ่งขึ้นไป พุ่งผ่านหน้าพวกหานอวี้ทั้งสองคนไป ตรงสู่ท้องนภา

ทั้งสองเพ่งมอง สีหน้าท่าทางประหลาดใจ

มองเห็นฉินหลิงดึงนักพรตเต๋าชุดเทาขึ้นมาพร้อมง้าว โลหิตนองเต็มพื้น

นักพรตเต๋าชุดเทาถูกแทงทะลุอก เขาเบิกตากว้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

ฉินหลิงเองก็ตกตะลึงเช่นกัน รีบปล่อยมือจากง้าวทอง มองนักพรตเต๋าชุดเทาด้วยความประหม่ากังวล

“ท่านไม่เป็นไรกระมัง”

ฉินหลิงประคองนักพรตเต๋าชุดเทาให้นั่งลง

เขาเพียงอยากประลองฝีมือ ไม่คิดจะฆ่าคน

นักพรตเต๋าชุดเทาดึงคมง้าวออกทันที นั่งขัดสมาธิบนพื้น โคจรพลังรักษาแผล

ฉินหลิงกังวลอย่างยิ่ง

นักพรตเต๋าชุดเทาลอบตระหนกอยู่ในใจ ที่มีมากยิ่งกว่าคือความหดหู่และอับอาย

ตนเกือบถูกสังหารแล้ว!

เมื่อครู่หากมิใช่เพราะฉินหลิงยั้งมือทัน เขาคงถูกง้าวทองผ่าเป็นสองซีกแล้ว

นักพรตเต๋าชุดเทาอยากมุดรูหนีใจแทบขาด

เขาไม่มีหน้าจะรับผู้อื่นเป็นศิษย์แล้ว อยากจากไปโดยเร็ว

เวลานี้เอง เงาร่างหนึ่งพลันร่อนลงมา

เป็นเทียนยง

เทียนยงคือโอรสของมหาจักรพรรดิเทียนเอ้อแห่งเผ่าหายนะกลับชาติมาเกิด คุณสมบัติน่าพรั่นพรึง ซ้ำยังเป็นศิษย์สืบทอดของหานอวี้ด้วย ก้าวข้ามระดับเซียนไปนานแล้ว

เขาเหลือบมองฉินหลิง เอ่ยขึ้นว่า “กราบข้าเป็นอาจารย์!”

น้ำเสียงไม่ยอมรับการโต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้น!

ฉินหลิงขมวดคิ้ว

นักพรตเต๋าชุดเทาโมโห

ตนเพิ่งได้รับบาดเจ็บ ก็คิดจะชุบมือเปิบเลยหรือ

เทียนยงยกมือขวาขึ้น วาดผ่านอากาศ ยอดเขาสูงที่อยู่ห่างออกไปหลายสิบลี้ลอยขึ้นมา ฝุ่นดินปลิวว่อน สะท้านฟ้าสะเทือนดิน

นักพรตเต๋าชุดเทาและฉินหลิงมองด้วยความตะลึง

เทียนยงตวัดมือขวากำเข้าหากัน ยอดเขาสูงลูกนั้นแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ

ฉินหลิงเบิกตากว้าง

นักพรตเต๋าชุดเทาก็ตกใจเช่นกัน

ยอดเขาลูกนั้นอย่างน้อยๆ ก็สูงกว่าพันจั้ง ความสามารถเคลื่อนภูเขาเขย่าสมุทรเช่นนี้เขาทำไม่ได้!

เทียนยงเอ่ยด้วยสีหน้าราบเรียบ “คุกเข่ากราบอาจารย์”

ฉินหลิงกำมือแน่น กัดฟันกรอด

เทียนยงถามอย่างดูแคลน “ทำไม เจ้าไม่ยอมรับหรือ”

ฉินหลิงกัดฟันกล่าว “บ้านของข้าหายไปแล้ว!”

เทียนยงตะลึงงัน แสดงสีหน้าเก้อกระดาก

เขากระแอมคราหนึ่ง วางมาดต่อไม่ได้แล้ว เอ่ยไปว่า “ศิษย์เอ๋ย ต่อไปนี้ติดตามอาจารย์ เจ้ากับแม่ไม่ต้องซ่อนอยู่ในหุบเขาแล้ว”

ฉินหลิงเงียบไป

อันที่จริงเขาก็อยากออกไปสำรวจโลกภายนอกเช่นกัน

….

วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้นอีกครั้ง ผ่านไปอีกห้าพันปี

สภาวะของเขาดูเลื่อนลอยขึ้นเรื่อยๆ แววตาลึกล้ำ ราวกับผสานเวทอันเลิศล้ำนับไม่ถ้วนเอาไว้ ยากจะบรรยายออกมาได้

“ใกล้แล้ว”

หานเจวี๋ยพึมพำกับตัวเอง เผยแววตาตื่นเต้นออกมา ทำให้เขาดูเหมือนมนุษย์ขึ้นเล็กน้อย

เขาเรียกกล่องจดหมายออกมา สำหรับตัวเขา ห้าพันปีผ่านไปเร็วยิ่ง แต่โลกมนุษย์กลับผลัดเปลี่ยนยุคสมัยใหม่อีกแล้ว

[จอมเทพข่งเซวี่ยสหายของท่านเผชิญกับคำสาปแช่งลึกลับ]

[จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายสหายของท่านควบคุมพลังแห่งอันธการ]

[จักรพรรดินีผืนพิภพสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากมารมรรคาลึกลับ] x8290211

[หานทั่วบุตรชายของท่านเข้าสู่แดนทดสอบมหามรรค]

[ผานซินสหายของท่านเข้าสู่แดนบรรพกาล]

[หานอวี้เชื้อสายของท่านเรียนรู้พลังวิเศษมรรคาสวรรค์]

[ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ วิญญาณเข้าสู่วัฏจักรมหามรรค ทนรับความทุกข์ทรมานนับหมื่นชาติ]

[หวงจุนเทียนสหายของท่านได้รับพลังปฐมภูมิ พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]

….

ไม่น่าเชื่อว่าผานซินจะออกจากมรรคาสวรรค์!

คนผู้นี้คิดจะทำอะไร

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว กังวลว่าผานซินจะชักนำศัตรูมา

เมื่อไล่อ่านลงไปอีก สิ่งที่ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงพบเจอทำให้หานเจวี๋ยต้องทอดถอนใจ

จนใจที่เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลแข็งแกร่งเกินไป หานเจวี๋ยไม่อาจช่วยเหลือได้

หรือจะลองสาปแช่งดูสักหน่อยดี

ถ้าทำแบบนั้นจริงๆ เกรงว่าคงชักนำเรื่องวุ่นวายมาอย่างไร้ที่สิ้นสุด หานเจวี๋ยคิดว่าฐานะเจ้าแดนต้องห้ามอันธการของตนอาจถูกเปิดเผยได้ง่ายๆ อย่างน้อยๆ เหล่าศัตรูก็จะนึกว่าเขามีความเกี่ยวข้องกับเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ

‘เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลสามารถบุกเข้ามาในอาณาเขตเต๋าของข้าได้หรือไม่’

หานเจวี๋ยสอบถามในใจ

[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งพันล้านล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการ!

[ได้]

เขาทำได้เพียงกล่าวขออภัยปรมาจารย์ลัญจกรสรวง

ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองไม่ได้ดีมากขนาดนั้น เขาย่อมไม่คิดจะเสี่ยงชีวิตเพื่อปรมาจารย์ลัญจกรสรวง อีกอย่างต่อให้ตัวเขาในตอนนี้พยายามสู้สุดชีวิตไปก็ไม่มีประโยชน์

หานเจวี๋ยตรวจดูจดหมายต่อ

หลังอ่านจดหมายทั้งหมดจบ เขาถึงได้สอดส่องแดนเซียนต่อ

แดนเซียนในยามนี้มีสีสันยิ่งนัก ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอริยะหรือไม่ ตอนนี้บุตรแห่งสวรรค์เป็นที่แพร่หลายยิ่งนัก มีตำนานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับบุตรแห่งสวรรค์ เล่าขานสืบกันไปตามเมืองต่างๆ ข่าวลือนี้ถึงขั้นที่กลบรัศมีของเหล่าผู้ทรงพลังแล้ว

ทันใดนั้นหานเจวี๋ยสังเกตเห็นว่าดวงชะตาของหานอวี้ปรากฏขึ้นบนทำเนียบดวงชะตามรรคาสวรรค์ ฝ่าเข้ามาจนติดร้อยอันดับแรกแล้ว

นอกจากดวงชะตาของเผ่ามนุษย์แล้ว บนร่างเขายังมีดวงชะตาประหลาดบางอย่างเพิ่มเข้ามาด้วย แม้แต่หานเจวี๋ยก็ยังมองไม่ออก

หานเจวี๋ยนับนิ้วทำนายดู สีหน้าแปลกพิกล

ดวงชะตาประหลาดนี้มาจากบ่วงกรรมบ่วงหนึ่งของหานอวี้ เป็นศิษย์หลานของเขา ฉินหลิง

ฉินหลิงฝึกบำเพ็ญมาห้าร้อยปี มีตบะระดับจักรพรรดิเซียนแล้ว ความเร็วในการบำเพ็ญของเขาน่ากลัวกว่าหานเจวี๋ยเสียอีก

หานเจวี๋ยนับนิ้วทำนายถึงพื้นเพของฉินหลิง

ไม่น่าเชื่อว่าจะทำนายไม่ได้!

น่าสนใจเสียจริง!

หานเจวี๋ยจำเป็นต้องใช้ความสามารถวิวัฒนาการ

‘ข้าอยากทราบประวัติความเป็นมาของฉินหลิง!’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งแสนล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

ค่าตัวค่อนข้างสูงทีเดียว!

อย่างน้อยก็นับว่าสูงสำหรับตบะระดับจักรพรรดิเซียน

ข้อความแถวหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าหานเจวี๋ย

[ฉินหลิง: ระดับจักรพรรดิเซียนสามวัฏ วิญญาณแห่งมรรคาสวรรค์ กายาบุพกาล ดวงชะตาปฐมมังกร บุตรแห่งมหาเคราะห์ บุตรแห่งฟ้าดิน]

มีฉายาดวงชะตาแต่กำเนิดมากมายขนาดนี้เชียวหรือ

หานเจวี๋ยเลิกคิ้ว การถือกำเนิดเช่นนี้เริ่มต้นได้ดีกว่าเขาเสียอีก

หรือว่านี่ก็คือบุตรแห่งมหาเคราะห์ที่จอมอริยะเสวียนตูเอ่ยถึง

เหตุใดถึงไปอยู่ใต้สังกัดหานอวี้ได้เล่าหานเจวี๋ยนับนิ้วทำนายอีกครั้ง ทำนายพบว่าต้นตอของบ่วงกรรมนี้มาจากหลี่เต้าคง

ที่แท้เป็นเพราะหลี่เต้าคงค้นพบความเลิศล้ำของฉินหลิง จึงให้หานอวี้รับตัวไว้

อันที่จริงการปรากฏตัวขึ้นของฉินหลิงอริยะรายอื่นก็รับรู้ได้เช่นกัน ผานซินเพิ่งออกไปจากมรรคาสวรรค์มุ่งหน้าไปยังแดนบรรพกาล ดังนั้นจึงพลาดไป หลี่เต้าคงลงมือเป็นคนแรก เหล่าอริยะที่มีสายสัมพันธ์อันดีกับหานเจวี๋ยต่างให้การสนับสนุนอย่างเงียบๆ มหาจักรพรรดิเซียวและจิ้นเสินกลัวจะล่วงเกินหานเจวี๋ยเข้า จึงได้แต่ยอมรามือ

ถึงแม้ฉินหลิงจะไม่ธรรมดา แต่ก็ยังไม่ปรากฏดวงชะตาบุตรแห่งมหาเคราะห์ออกมา เหล่าอริยะก็ไม่มีระบบที่สามารถระบุตัวตนได้

แดนเซียนมีบุตรแห่งสวรรค์มากมายนับไม่ถ้วนที่ยามถือกำเนิดดึงดูดให้เกิดนิมิตแห่งฟ้าดิน

สาเหตุที่ฉินหลิงดึงดูดความสนใจของอริยะได้ เพียงเพราะมังกรทองห้าเล็บตัวหนึ่งเป็นฝ่ายยอมสยบรับใช้ด้วยตัวเอง

มังกรทองห้าเล็บตัวนี้ไม่ธรรมดาเลย ซ่อนตัวอยู่ใต้มหาสมุทรลึกในแดนเซียนมาโดยตลอด มีชีวิตอยู่มานานหลายยุคสมัย หากจะย้อนสืบสาวไปถึงต้นกำเนิด นับได้ว่าเป็นชั้นแนวหน้าของเผ่ามังกรบรรพกาลเลยทีเดียว

หานเจวี๋ยเริ่มสังเกตการณ์ฉินหลิง

ฉินหลิงกำลังฝึกบำเพ็ญอยู่บนเขาเทพปู้โจว สายเลือดแข็งแกร่ง รัศมีรุ่งโรจน์

หานเจวี๋ยอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าชื่นชม

เจ้าเด็กหานอวี้คนนี้ไม่เลวเลย ศิษย์และศิษย์หลานที่รับไว้ล้วนเลิศล้ำยิ่ง มีภูมิหลังอันยิ่งใหญ่ทั้งคู่

ขอเพียงหานอวี้ไม่หาเรื่องวุ่นวาย วันหน้าแค่อาศัยศิษย์และศิษย์หลานก็อยู่เหนือปวงสวรรค์ได้แล้ว

ไม่ว่าจะพูดกันอย่างไร ฉินหลิงก็นับเป็นส่วนหนึ่งของสำนักซ่อนเร้น ถือเป็นเรื่องดี

สำนักซ่อนเร้นนอกเขตเซียนร้อยคีรีก็มีบุตรแห่งสวรรค์ปรากฏตัวขึ้นมากมาย แต่ในบรรดาศิษย์สายนอกยังขาดคนที่สามารถเป็นหัวเรือได้

บุตรแห่งสวรรค์ที่แท้จริงนอกจากคุณสมบัติแล้ว ยังต้องมีชื่อเสียงด้วย!

ชื่อเสียงอย่างไรน่ะหรือ ก็ชื่อเสียงที่ได้มาจากการสังหารเหยียบย่ำโครงกระดูกผู้อื่นขึ้นมาอย่างไรเล่า!

………………………………………………………………