บทที่ 697 มหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 697 มหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่

ถึงแม้ฉินหลิงจะมีคุณสมบัติเลิศล้ำไม่เป็นรองผู้ใด แต่สุดท้ายก็ยังไม่เติบโต หานเจวี๋ยสังเกตการณ์เขาอยู่พักหนึ่งก็หมดความสนใจ

หานเจวี๋ยถอนสายตากลับมา เริ่มเข้าฝันจอมเทพข่งเซวี่ย

ก่อนหน้านี้เขาเห็นจอมเทพข่งเซวี่ยเผชิญกับคำสาปแช่งลึกลับ จึงกังวลว่าจะเกิดเรื่องกับจอมเทพข่งเซวี่ย

แดนความฝันคือเหนือแม่น้ำปรโลก หานเจวี๋ยไปพบจอมเทพข่งเซวี่ยในรูปลักษณ์ของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ

จอมเทพข่งเซวี่ยลืมตาขึ้น พอเห็นว่าเป็นเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ ก็อดโล่งใจไม่ได้

“เหตุใดถึงถูกสาปแช่ง” หานเจวี๋ยถาม

จอมเทพข่งเซวี่ยมองหานเจวี๋ยด้วยความแปลกใจ ย้อนถามว่า “ท่านรับรู้ได้หรือว่าข้าถูกสาปแช่ง”

หานเจวี๋ยไม่ตอบ แต่ท่าทีของเขาคือคำตอบแล้ว

จอมเทพข่งเซวี่ยโบกมือพลางเอ่ยว่า “ไม่จำเป็นต้องกังวล ก่อนหน้านี้ข้าแค่เอามุกแห่งกรรมไปไว้ในสถานที่แห่งหนึ่ง ต้องการทำให้มันแข็งแกร่งขึ้น ผลคือถูกเทพมารตนนั้นฉวยโอกาส”

“จุ๊ๆ เขาช่างสมกับเป็นเทพมารต้องสาปโดยแท้ แต่พลังคำสาปแช่งของเขาอ่อนแอเกินไป ต่อให้ไม่มีมุกแห่งกรรม เขาก็สาปข้าให้ตายไม่ได้อยู่ดี”

จอมเทพข่งเซวี่ยแสดงสีหน้าเย่อหยิ่ง

ก่อนหน้านี้เขาปะทะกับเทพจักรพรรดิอัปมงคล ตกเป็นรองมาตลอด ช่วงหลายหมื่นปีมานี้สามารถเรียกความมั่นใจกลับมาได้อีกครั้งเพราะเทพมารต้องสาป

หานเจวี๋ยถาม “เจ้าฆ่าเขาไม่ได้หรือ”

จอมเทพข่งเซวี่ยตอบ “เทพมารฟ้าบุพกาลไม่ได้ฆ่าง่ายขนาดนั้น เจ้าตัวนี้มิใช่ตัวจริง ข้าทำได้เพียงตามล่าเขาไปเรื่อยๆ ไม่ให้เขาได้หยุดพัก”

หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “ใช้ได้แล้ว แต่หากเจ้าสังหารเขาได้ ข้าจะช่วยเจ้าพิสูจน์มหามรรค”

จอมเทพข่งเซวี่ยได้ฟังดังนั้น ดวงตาพลันส่องประกายก่อนเอ่ยว่า “จริงหรือ”

“แน่นอนอยู่แล้ว”

“ได้ ท่านรอก่อนเถิด ต่อให้ต้องใช้เวลาล้านปีหรือว่าสิบล้านปี ข้าก็จะสังหารเทพมารต้องสาปให้ได้ ว่ากันตามจริง ข้าก็ไม่ถูกชะตากับเขาเช่นกัน ทำตัวลับๆ ล่อๆ แปลกพิลึกพิลั่น”

พอได้ฟังคำพูดของเขา หานเจวี๋ยพลันรู้สึกว่าคำพูดนี้เข้าตัวเขาด้วยเช่นกัน

จากนั้นหานเจวี๋ยก็สอบถามเรื่องราวที่เขาประสบพบพานในช่วงนี้ จอมเทพข่งเซวี่ยก็มิได้ปิดบังอำพราง

ระหว่างที่ตามล่าเทพมารต้องสาป จอมเทพข่งเซวี่ยได้พบพานผู้บำเพ็ญรวมถึงดินแดนลึกลับไม่น้อยเลย

เขาพบว่าเกิดความเปลี่ยนแปลงที่แปลกประหลาดอย่างหนึ่งขึ้นในฟ้าบุพกาล มีโลกปรากฏเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้บำเพ็ญที่เดินทางในฟ้าบุพกาลก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อหนึ่งแสนปีก่อน สำหรับสิ่งมีชีวิตฟ้าบุพกาลคือดินแดนต้องห้าม นอกจากตัวตนที่พิสูจน์มรรคแล้ว น้อยยิ่งที่จะมีสิ่งมีชีวิตเข้ามาเพ่นพ่าน

และในระยะนี้ สิ่งอัปมงคลและมารมรรคากลับสงบเสงี่ยมลง

เป็นเพราะการปรากฏตัวขึ้นของเทพจักรพรรดิอัปมงคล จอมเทพข่งเซวี่ยจึงสงสัยว่าหรือทางฝั่งมารมรรคาจะมีตัวตนน่าหวาดหวั่นที่ควบคุมมารมรรคาทั้งหมดปรากฏตัวขึ้นมาเช่นกัน

หากสิ่งอัปมงคลและมารมรรคาต่างมีผู้ควบคุมและชี้นำ เช่นนั้นจะต้องกลายเป็นสองกลุ่มอิทธิพลใหญ่ที่แกร่งกล้าเป็นแน่ โดยเฉพาะทางฝั่งมารมรรคา ก่อนหน้านี้ที่แดนเทพหวนปัจฉิมมีมารมรรคาที่แข็งแกร่งจนต่อกรกับอริยะมหามรรคได้ไม่น้อยเลย

มหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่กำลังใกล้เข้ามา!

จอมเทพข่งเซวี่ยเอ่ยถาม “ท่านคิดเห็นอย่างไรต่อมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่”

หานเจวี๋ยตอบว่า “ข้าเตรียมการไว้แล้ว เจ้าทำงานอย่างสบายใจเถิด ขอเพียงสังหารเทพมารต้องสาปได้ ข้ารับรองว่าเจ้าจะรอดชีวิตจากมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่”

พอจอมเทพข่งเซวี่ยได้ฟังก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาทันที

หานเจวี๋ยไม่พูดมากอีก สลายแดนความฝันลง

ที่พึ่งยิ่งใหญ่ที่สุดของหานเจวี๋ยคืออาณาเขตเต๋า ขอเพียงเขาพิสูจน์มหามรรคได้ อาณาเขตเต๋าต้องยกระดับขึ้นอีกแน่นอน เมื่อมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่เริ่มต้นขึ้น เขาจะสำแดงวิถีอัญเชิญเทพ เรียกตัวศิษย์ทั้งหมดที่ครอบครองวิชาอัญเชิญเทพกลับมา ฝ่าเคราะห์ไปด้วยกัน!

หากจอมเทพข่งเซวี่ยสามารถสังหารเทพมารต้องสาปได้ หานเจวี๋ยจะถ่ายทอดวิชาอัญเชิญเทพให้แก่เขา

แน่นอน หากจอมเทพข่งเซวี่ยทำไม่ได้ เช่นนั้นก็อย่าได้กล่าวโทษว่าหานเจวี๋ยเย็นชาไร้น้ำใจ

ภายในอารามเต๋า

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น

‘ข้าอยากรู้ว่าอีกนานแค่ไหนกว่ามหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่จะมาถึง’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งพันล้านล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

จุ๊ๆ ค่าตัวเทียบเท่าระดับผู้สร้างมรรคาเลย

ดำเนินการต่อ!

[หากไม่เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้น จะใช้เวลาประมาณสองหมื่นสามพันล้านปี]

ค่อยยังชั่ว ยังอีกนาน

แต่ว่าความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้…

จู่ๆ หานเจวี๋ยก็รู้สึกว่าเชื่อถือไม่ได้ ก่อนหน้านี้มหาเคราะห์มรรคาสวรรค์ก็เกิดขึ้นก่อนกำหนดเช่นกัน

หรือว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้บ่งชี้ถึงหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยลอบตื่นตระหนก ต่อไปนี้ต้องเข้มงวดกันหน่อย จะเปลี่ยนแปลงรูปการณ์ส่งเดชไม่ได้

‘ข้าอยากรู้ว่าสถานการณ์ของศึกแรกหลังจากมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่มาเยือนจะเป็นอย่างไร’

หานเจวี๋ยถามในใจอีกครั้ง

[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งพันล้านล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

หานเจวี๋ยเข้าสู่ภาพลวงตาวิวัฒนาการ

เขาลืมตาขึ้น พบว่าตนอยู่ในห้วงอวกาศ อวกาศมืดมิดรอบข้างมีอุกกาบาตนับไม่ถ้วนล่องลอยอยู่ อยู่แยกกระจัดกระจายยิ่ง ด้านหน้ามีแสงสว่างเจิดจ้าขนาดมหึมาสายหนึ่ง ขับไล่ความมืดออกไป

เขาหรี่ตามองเข้าไป กลางแสงเจิดจ้ามีศีรษะขนาดใหญ่มโหฬารอยู่ เขามองไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริง มองเห็นเพียงเรือนผมยาวที่แผ่สยายโบกพลิ้วปลิวไสวของอีกฝ่าย ดูราวกับมังกรใหญ่มากมายกำลังบิดเลื้อยอยู่

เป็นศีรษะที่ใหญ่โตยิ่ง!

หานเจวี๋ยคาดคะเนดูเล็กน้อย ใหญ่โตกว่ามรรคาสวรรค์ทั้งผืนด้วยซ้ำ เช่นนี้ก็เกินไปแล้วกระมัง!

ต่อให้อยู่ห่างกันอย่างยิ่ง หานเจวี๋ยก็ยังรู้สึกถึงความเล็กจ้อยของตนได้

ในเวลานี้เอง ทันใดนั้นหานเจวี๋ยรับรู้ได้ว่ามีอำนาจแกร่งกล้าสุดขีดบางอย่างโจมตีมาจากด้านหลัง

เขาหันไปทันที มองเห็นแสงทองสายหนึ่งปรากฏขึ้นในส่วนลึกของความมืดมิด นั่นคือมังกรทองห้าเล็บตัวหนึ่ง ร่างกายยาวนับร้อยล้านจั้ง ยามที่เหาะเหินดูราวกับระลอกคลื่นไหวซัด

เงาร่างบึกบึนกำยำยืนอยู่บนเศียรมังกร ในมือถือง้าวยาวสีทองเล่มหนึ่ง สวมชุดเกราะสีเงิน สวมกวานหยกเศียรมังกร ดูทรงพลังห้าวหาญ

หืม

นี่มิใช่ฉินหลิงศิษย์หลานของหานอวี้หรอกหรือ

เด็กคนนี้เปิดศึกแรกหลังเกิดมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ขึ้นหรือ

รอบกายมังกรทองห้าเล็บมีเงาร่างมากมายปรากฏขึ้น แต่ละคนแผ่กลิ่นอายแกร่งกล้าออกมา ระดับต่ำสุดคือตบะระดับเซียนทองต้าหลัว

กลางหว่างคิ้วฉินหลิงปรากฏดวงตาข้างหนึ่งที่อยู่ในแนวตั้ง ดวงตาทั้งสามกลายเป็นสีแดง เขามองศีรษะใหญ่โตมโหฬารที่อยู่ด้านหน้าด้วยความโกรธ ตะคอกด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด “เหล่าบุตรแห่งมรรคาสวรรค์เอ๋ย! จอมเทพฟ้าบุพกาลไม่ปรานีมรรคาสวรรค์ ทำลายมรรคาสวรรค์ของเรา วันนี้พวกเราจะต้องสังหารเขา ล้างแค้นให้มรรคาสวรรค์ ต่อสู้เพื่อให้มรรคาสวรรค์เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง!

“จอมเทพฟ้าบุพกาลแล้วอย่างไร!”

“ยุคสมัยแห่งฟ้าบุพกาลผ่านพ้นไปแล้ว กองกำลังแห่งอนธการไม่อาจต้านขวางได้!

“ติดตามข้าไปสังหาร!”

มังกรทองห้าเล็บแผดเสียงคำราม โผทะยานเข้าไปรวดเร็วสุดขีด ผ่านหน้าหานเจวี๋ยไปในชั่วพริบตา

อานุภาพช่างเผด็จการเสียจริง!

หานเจวี๋ยรู้สึกได้ว่าฉินหลิงก้าวข้ามอริยะมหามรรคไปแล้ว แม้แต่มังกรห้าเล็บที่อยู่ใต้เท้าของเขายังแข็งแกร่งเทียบเทียมไม่ได้

ท่ามกลางแสงเจิดจ้าไร้ขอบเขต เศียรใหญ่มโหฬารพลันลืมตาขึ้น ดวงเนตรใหญ่ยักษ์คู่หนึ่งเผยออกมา นัยน์ตาเป็นสัญลักษณ์หยินหยางสอดประสาน

“ฮึ่ม เป็นแค่มรรคาสวรรค์ก็กล้ามาทำลายล้างฟ้าบุพกาลหรือ ครานั้นผานกู่ทำไม่ได้ เจ้าก็ยิ่งทำไม่ได้!”

น้ำเสียงเยียบเย็นสายหนึ่งแว่วขึ้นมา ขนาดหานเจวี๋ยได้ฟัง ก็ยังอดอกสั่นขวัญแขวนไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเหล่าผู้แข็งแกร่งมรรคาสวรรค์ที่อยู่ด้านหลังเลย แต่ละคนซวนเซระเนระนาด ชะงักอยู่กับที่

ฉินหลิงขี่มังกรทองห้าเล็บพุ่งเข้าไป ตวัดง้าวฟันเปิดเป็นรอยแยกมิติมืดดำสายหนึ่ง แผ่ขยายออกไปอย่างรวดเร็ว พุ่งเข้าใส่จอมเทพฟ้าบุพกาลอย่างรวดเร็วเกินต้านทาน

สองเนตรของจอมเทพฟ้าบุพกาลพลันกลายเป็นน้ำวนใหญ่ยักษ์สองลูก ดูดกลืนรอยแยกสีดำเข้าไป

แม้แต่ห้วงมิติก็ดูดเข้าไปได้!

ฉินหลิงตวัดง้าวอีกครั้ง กล้ามเนื้อทั่วร่างตึงเคร่ง มองแค่ร่างกายก็รับรู้ถึงพลังที่ระเบิดออกมาได้แล้ว

ตูม!

ห้วงอวกาศว่างเปล่าพังทลายลง แทนที่ด้วยมิติสีม่วง หมอกม่วงฟุ้งตลบทะลักเข้ามา ครอบคลุมจอมเทพฟ้าบุพกาลไว้

“ตื่น!”

เสียงหนึ่งแว่วมาจากด้านหลังของหานเจวี๋ย เขาหันกลับไป เหล่าผู้แข็งแกร่งมรรคาสวรรค์ที่จิตใจเลื่อนลอยไปก่อนหน้านี้ล้วนได้สติคืนมา

ด้านหลังพวกเขาปรากฏเงาร่างสูงใหญ่ไพศาลร่างหนึ่ง ด้านหลังยังมีเงาร่างน่าหวาดหวั่นมากมายหลายตนยืนอยู่ด้วย แต่หานเจวี๋ยยังไม่ทันได้มองชัดๆ ภาพลวงตาวิวัฒนาการก็สิ้นสุดลงตรงนี้

………………………………………………………………