บทที่ 570 เหล่าเซียนของทั้งสามสำนักมาถึงภูเขาวิญญาณ! (1)
หวงหลงเจินเหรินต้องได้พบเทพธิดาหั่วหลิงในถ้ำหลัวฝู
ข้าควรฉวยโอกาสนี้วางแผนทำร้ายหรานเติ้งหรือไม่?
ในแขนเสื้อของหวงหลงเจินเหริน บัดนี้ ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วได้กลายเป็นแมลงตัวเล็กๆ และใคร่ครวญอย่างละเอียดรอบคอบ …
หากเขาสามารถล่อลวงหรานเติ้งให้ก่อไฟโหมเพลิง[1]ได้รุนแรงขึ้นและกระโดดขึ้นลงวิ่งพล่านไปทั่ว[2]ได้ มันย่อมจะทำให้บรรดาเซียนแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานค้นพบความผิดปกติของรองเจ้าสำนักได้ง่ายมาก
ทว่าหลี่ฉางโซ่วก็ปัดความคิดนั้นออกไปในทันที
เวลายังไม่เหมาะ มันไม่อาจสั่นคลอนได้ ด้วยความระแวดระวังของสหายเฒ่าผู้นี้ มันย่อมยากอย่างยิ่งยวดที่จะทำให้เขาตกหลุมและจับเขาได้!
ยิ่งไปกว่านั้น ในขณะนี้ก็ไม่สมควรที่เขาจะทำให้เรื่องซับซ้อนมากขึ้น
เขาได้รวบรวมผู้ทรงพลังแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋ามาเป็นจำนวนมากแล้ว มันย่อมถือได้ว่าเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่หากเขาสามารถทำตามขั้นตอนที่เขาวางเอาไว้ได้สำเร็จ
มันเป็นความตั้งใจของปรมาจารย์ผู้หนึ่ง
บัดนี้ภาพเหตุการณ์ที่สองของทั้งสองสำนักที่เคลื่อนไหวร่วมกันในดินแดนเทวะมัชฌิมาและการระลึกถึงอดีตได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว!
หลี่ฉางโซ่วประเมินว่า บางทีเขาอาจทำให้คนที่กระจายข่าวลือออกไปหวาดกลัวได้ในเวลานี้
เขาแน่ใจว่า ตี้จั้งย่อมจะไม่หวาดผวาตกใจกลัวมากนักอย่างแน่นอน อย่างมากที่สุด ก็จะมีเหงื่อเย็น ผุดขึ้นมาบนหน้าผากของเขา หัวใจเต๋าของเขาจะสั่นสะท้านเล็กน้อย และเขาจะรู้สึกกระวนกระวายไม่สบายใจ ทว่าในเวลาเดียวกันนั้น เขาจะวางแผนอย่างบ้าคลั่งเพื่อป้องกันไม่ให้เรื่องพาดพิงพัวพันมาทำร้ายตัวเขาเอง…ใช่หรือไม่?
แน่นอนว่า การทำให้ตี้จั้งหวาดกลัวไม่ใช่เป้าหมายสูงสุดของหลี่ฉางโซว คำเตือนเล็กน้อยนั้นเป็นเพียงเป้าหมายเล็กๆ ที่เขาทำได้เท่านั้น
เขามีสิ่งที่สำคัญกว่าที่ต้องทำ
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง การแสดงครั้งใหญ่ในวันนี้คือ การตระหนักถึงแผนมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพที่เขาได้ทำเอาไว้ก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ยังเป็นการรักษาสภาพแวดล้อมของสำนักบำเพ็ญเต๋าให้เสถียรมั่นคงมากขึ้นและเพิ่มโอกาสให้ศาลสวรรค์ได้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง
เขายังสามารถฉวยโอกาสนี้เพื่อเพิ่มชื่อเสียงของศาลสวรรค์และเสริมสร้างบารมีของจักรพรรดิแห่งสวรรค์ เขาสามารถเพิ่มอิทธิพลของศาลสวรรค์ให้เกรียงไกรในดินแดนเทวะทั้งห้าและยุติแผนการเผยแพร่ข่าวลือที่ไม่อาจควบคุมได้…
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว การทำให้ตี้จั้งกลัวนั้นเป็นเพียงเรื่องบังเอิญเท่านั้นจริงๆ
ก่อนที่ข้าจะประสบความสำเร็จ ข้าจะต้องพิจารณาความเสี่ยงก่อน
หลังจากเรียนรู้จากความผิดพลาดของเขาที่ได้รับมา หลี่ฉางโซ่วก็ได้พิจารณาสถานการณ์ทุกประเภทเป็นอย่างดี แล้วก่อนที่จะยืนยันกำหนดบทบาทในยามนี้ ซึ่งถือได้ว่าครบเครื่องเต็มที่สุดๆ
ประการแรกมันเป็นเรื่องเล็กน้อย จึงไม่อาจทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างสองสำนักได้มากนัก
ประการที่สอง ศิษย์พี่ใหญ่สองคน กวงเฉิงจื่อและนักพรตเต๋าตั๋วเป่าต่างก็รู้แผนการนี้ทั้งหมดก่อนล่วงหน้าแล้ว และฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จ้าวกงหมิง เทพธิดาหั่วหลิงและหวงหลงเจินเหริน ต่างก็ร่วมมือในการแสดงด้วยกัน
แม้จะมีการเบี่ยงเบนใดๆ ในการพัฒนาสถานการณ์เนื่องจากใจมนุษย์ที่สุดหยั่งถึง แต่ก็ยังคงมีสองวิธีที่จะปลอดภัย
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งมีสมบัติมากมายจะสามารถปรากฏตัวและทำการไกล่เกลี่ยสถานการณ์ได้ตลอดเวลา
สมบัติที่องค์เง็กเซียนสร้างขึ้นจากการรวบรวมพลังแห่งเต๋าสวรรค์ กำลังรอคอยมาเป็นเวลานาน และถูกเปิดใช้งานได้ทุกเมื่อ
แน่นอนว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของทั้งสามสำนักและความเจริญรุ่งเรืองของสำนักบำเพ็ญเต๋า ดังนั้น การพิจารณาประเด็นนี้เพียงอย่างเดียวเท่านั้นย่อมยังไม่เพียงพอ
หลี่ฉางโซ่ววิเคราะห์เจตนาของจอมปราชญ์และพยายามค้นหาความคิดในใจจริงๆ ของจอมปราชญ์ไท่ชิงอย่างลึกซึ้ง นั่นคือวิธีที่เขาคิดกลอุบายในการ “ฉวยโอกาสสร้างเรื่องใหญ่อย่างไร้เหตุผล” และ “ส่งเสริมก่อนกำราบ”
จนถึงขณะนี้ มีข้อบ่งชี้แสดงให้เห็นหลายประการว่า แม้จอมปราชญ์ไท่ชิงจะนิ่งเงียบและไม่สนใจทำอะไร แต่จอมปราชญ์ไท่ชิงก็ไม่ปรารถนาจะเห็นสงครามกลางเมืองเกิดขึ้นในสำนักบำเพ็ญเต๋า แล้วจะนับประสาอะไรกับเหล่าสหายศิษย์พี่น้องของเขาเผชิญหน้ากันเอง …
ว่ากันตามเหตุผลแล้วก็คือ หากไม่ใช่เพราะเรื่องรายนามเทพ ทั้งสามสำนัก ก็คงไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อกันจริงๆ และพี่น้องย่อมไม่ค่อยต่อสู้กันเอง แม้ว่าปกติแล้วพวกเขามักจะทะเลาะเบาะแว้งกันก็ตาม แต่ก็ยังเป็นเรื่องยากมากที่จะต่อสู้กันจนหัวร้างข้างแตก
นอกจากนี้ สิ่งสำคัญที่จะละเลยไปไม่ได้ก็คือ อำนาจอิทธิพลของจอมปราชญ์แห่งสำนักบำเพ็ญประจิมทั้งสอง…
ไม่ใช่ว่าเขาจะดูเบาเหล่าจอมปราชญ์แห่งสำนักบำเพ็ญประจิมมากเกินไป ทว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็เป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดแล้ว หากจอมปราชญ์แห่งสำนักบำเพ็ญประจิมทั้งสองต้องการโจมตี พวกเขาทำได้เพียงขยายความขัดแย้งขึ้นเท่านั้น
เขาต้องการปล่อยให้พวกเด็กสองห้า[3]ที่ถูกจัดวางเอาไว้ในสามสำนักต่อสู้และจุดชนวนสงครามที่แท้จริง
แต่ด้วยวิธีนี้ ก็เทียบเท่ากับเป็นการใช้ตัวหมากที่พวกเขาสามารถใช้ได้ในช่วงมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพล่วงก่อนหน้า
เกี่ยวกับเรื่องนี้ หลี่ฉางโซ่วได้ยกเท้าขึ้นต้อนรับ[4] เขาคิดว่าเขาสามารถได้รับรางวัลจากปรมาจารย์ไท่ชิงด้วยการใช้สมบัติอย่างไม่จำกัดสักหนึ่งหรือสองชิ้น…
เขาคอยคิด คำนวณ และเฝ้าสังเกต ครั้นเมื่อพลังภายในของบรรดาเซียนหลายร้อยคนจากทั้งสองสำนักขับเคลื่อนมาถึงจุดสูงสุด ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์หลี่ฉางโซ่วซึ่งซ่อนตัวอยู่ในค่ายทั้งสองก็แอบส่งข้อความเสียงออกมาลับๆ
“เฮ้…ศิษย์พี่ ได้เวลาออกโรงแล้ว!”
เขาเกือบจะเรียกเขาว่าอย่างอื่นแล้ว!
ทันทีที่หลี่ฉางโซ่วกล่าวจบ กวงเฉิงจื่อจากสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน และนักพรตเต๋าตั๋วเป่าจากสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยต่างก็ก้าวออกไปข้างหน้าพร้อมกัน พวกเขาแต่ละคนล้วนเอามือไพล่หลังและเผยแผ่พลังสะกดข่มออกมาอย่างรุนแรง!
ทันใดนั้นภายในรัศมีหนึ่งพันลี้ เมฆหยุดเคลื่อน ลมสงบนิ่ง
ในขณะที่ห่างออกไปหลายพันลี้ เกิดลมกรรโชกแรงอย่างบ้าคลั่งและสิ่งมีชีวิตต่างก็หวาดกลัวประหนึ่งทั่วทั้งสวรรค์และปฐพีกำลังจะถล่มทลาย ผู้ฝึกบำเพ็ญหลายคนในสำนักเซียนล้วนกระวนกระวาย ไม่อาจนั่งนิ่งเฉยอยู่ได้ และสัมผัสวิญญาณรับรู้ของพวกเขาก็สั่นสะท้าน
ศิษย์พี่ทั้งสองคนหยุดอยู่ห่างออกไปร้อยลี้ แล้วนักพรตเต๋าตั๋วเป่า ก็ประสานมือคารวะและกล่าวว่า
“ศิษย์พี่กวงเฉิงจื่อ พวกเราต่างเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์ในสิ่งเดียวกันในวันนี้ ข้าอยากฟังสิ่งที่พวกท่าน คนจากสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานพูดเรื่องเหตุการณ์วันนี้ก่อน!”
“เจ้าหมายความอันใดกัน?”
กวงเฉิงจื่อยิ้มบางในขณะที่ใบหน้าแปลกๆ ของเขาเผยรอยโทสะออกมาเล็กน้อย
“ศิษย์น้องตั๋วเป่า! พวกเราทั้งเจ้าและข้าต่างเริ่มเข้าสำนักมาตั้งแต่แรกๆ และได้ฝึกบำเพ็ญร่วมกันในลานเล็กๆ นั้นเป็นเวลานาน! ทั้งสามสำนักล้วนมีต้นกำเนิดเดียวกัน พวกเราล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน
เจ้ารู้เรื่องนี้ชัดเจนดีกว่าศิษย์น้องชายหญิงรุ่นเยาว์คนอื่นๆ หลายคน แล้วไฉนวันนี้ เจ้าถึงเหยียดหยามศิษย์น้องหวงหลง? เจ้าเอาใบหน้า[5]ของศิษย์น้องหวงหลงไปไว้ที่ใดกัน? เจ้าเคยคิดถึงสำนักบำเพ็ญเต๋าที่เป็นครอบครัวเดียวกันอยู่บ้างหรือไม่?”
“เหยียดหยาม? ข้าไม่รู้จะเริ่มจากที่ใดจริงๆ?!”
นักพรตเต๋าตั๋วเป่าจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าอวบเต็มไปด้วยโทสะขณะตะโกนออกไปอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “อีกอย่าง ต่อให้ข้าเคยดูถูกเขามาก่อนหน้านี้ แล้วอย่างไรเล่า?
เขา หวงหลงเป็นปรมาจารย์ผู้มีชื่อเสียงของสำนักบำเพ็ญเต๋า ตั้งแต่เขาเริ่มฝึกบำเพ็ญมาจนถึงตอนนี้ เขาไม่ได้ใส่ใจดูแลศิษย์น้องและไม่ได้ปกป้องพวกเขา เขายังปล่อยข่าวลือ สร้างปัญหา นินทาลับหลังพวกเขาอีกด้วย!
เดิมทีศิษย์ของข้า หั่วหลิง ไปที่ถ้ำหลัวฝูเพื่อดูแลศิษย์น้องหญิงจินกวงที่ได้รับบาดเจ็บ และข้าไม่ต้องการให้ใครเห็นพวกเขา จากนั้นเขาก็กล่าวว่า ศิษย์ของข้าและศิษย์น้องกงหมิงกำลังฝึกบำเพ็ญด้วยกัน! ช่างเป็นศิษย์พี่เยี่ยงใดกัน? เป็นปรมาจารย์อะไรเยี่ยงนี้! เฮ่ย! ”
“เจ้า!”
กวงเฉิงจื่อขมวดคิ้วและสงบสติอารมณ์ แล้วกล่าวอย่างสงบว่า “ดูจากท่าทางแล้ว ศิษย์น้อง เจ้ากำลังตั้งใจจะทำให้เรื่องบานปลายกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้น.”
ในขณะนั้น เสื้อผ้าของนักพรตเต๋าตั๋วเป่าพลิ้วกระพือขณะที่เขาถอนหายใจยาวแล้วกล่าวว่า “เรื่องนี้ยังไม่ร้ายแรงพออีกหรือ? เวลานี้ศิษย์ของข้าอยากตายเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง!”
………………………………………………………………..
[1] ปลุกปั่น เสี้ยมเขาควายให้ชนกัน ยั่วยุให้คนทะเลาะกัน
[2] การวางแผนและการประสานงานกับฝ่ายต่างๆ
[3] พวกกบฏ คนทรยศ
[4] คือต้อนรับเต็มที่อย่างสุดตัว
[5] ศักดิ์ศรี เกียรติ ความภาคภูมิใจ