บทที่ 658 ปลดล็อกโทรศัพท์

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

มาถึงหน้าประตูห้องนวิยา หัวใจของวารุณีก็เต้นไม่หยุด จนเกือบจะทะลักออกมา เหมือนกับตอนที่เอาโทรศัพท์ก่อนหน้านี้เลย

หมดหนทาง แอบเข้าไปในห้องคนอื่นแบบนี้ และกลัวคนอื่นจับได้ ถือเป็นครั้งแรกที่เธอทำ ไม่มีทางที่จะไม่กังวลหรือตื่นตระหนก

“ไม่ได้ วารุณีเธอจะตื่นตระหนกไม่ได้ ถ้าตื่นตระหนกล่ะแย่เลย!”วารุณีเอามือวางไว้ที่หน้าอกแล้วตบเบาๆ กระซิบบอกตัวเองว่าอย่าตื่นตระหนกอีก

แบบนี้ได้ผลมาก วารุณีสูดหายใจลึกๆแล้ว ก็ค่อยๆสงบอารมณ์ลง จากนั้นเอามือวางไว้ที่ลูกบิดประตู หมุนเบาๆ

เพราะว่าภายหลังคนใช้ไม่ได้ขังนวิยาไว้ ส่วนนวิยาก็มองไม่เห็นอีก ดังนั้นประตูห้องนี้ จะต้องมาได้ถูกล็อกจากด้านในแน่

อย่างที่คิดไว้ วารุณีหันไป ลูกบิดประตูถูกหมุน แป๊บหนึ่ง ประตูก็เปิดออก เปิดช่องว่างเล็กๆออก

แสงไฟสว่างลอดออกมาจากด้านใน วารุณีกลั้นหายใจ แล้วค่อยๆผลักประตูออกอย่างเบามือ

แค่การกระทำนี้ เธอใช้เวลาไปเกือบสองนาที

เพราะกลัวผลักประตูเร็วไป จะส่งเสียงออกมาได้

ประตูเปิดออกหมดแล้ว แต่วารุณีไม่ได้รีบเข้าไป แต่ยืนสังเกตตรงหน้าประตู สังเกตสถานการณ์ในห้อง อยากดูว่านวิยาหลับหรือยัง

เธอมองไปตำแหน่งเตียงก่อนหน้านี้ เห็นนวิยานอนอยู่ข้างบน ปิดผ้าห่ม ตาสองข้างหลับอยู่ ราวกับกำลังหลับใหล

เห็นแบบนี้ วารุณีก็ยิ้มด้วยความแปลกใจ

ดีจัง นวิยาหลับแล้วจริงๆ

พระเจ้าให้โอกาสเธอแล้ว!

วารุณีปล่อยที่จับประตูออก ก้าวเท้าขึ้นและเดินไปที่เตียงใหญ่ในห้องเบาๆ

ในห้องปูพรมหนา เหยียบบนพื้นก็ไม่ส่งเสียง

วารุณีก้าวเร็วขึ้นเล็กน้อย สิบกว่าวินาทีก็มาถึงข้างเตียง

วารุณียืนอยู่ข้างเตียง หยิบโทรศัพท์ออกมา ไม่ได้รีบไปจับมือของนวิยามาปลดล็อก แต่ก้มหน้าลงมองสังเกตนวิยาลงไป

อยากดูว่านวิยาจะสังเกตเห็นว่ามีคนยืนอยู่ข้างเตียงเธอระหว่างที่หลับไหม

แน่นอนว่า ไม่สังเกตเห็นก็ดี ถ้าสังเกตเห็นล่ะก็ เธอก็ยังมีโอกาสอธิบายว่าตัวเองแค่เข้ามาดู ไม่ได้มาปลดล็อกโทรศัพท์

รออยู่ข้างเตียงประมาณสองสามนาที วารุณีเห็นนวิยาไม่ขยับเลย ก็รู้ว่านวิยาหลับลึก ไม่สังเกตเห็นว่ามีใครเข้ามา ในที่สุดก็วางใจ โล่งอก

จากนั้น เธอก้มลง เอาโทรศัพท์ยื่นไปทางมือของนวิยา

ที่จริงเธออยากจับมือของนวิยา ใช้ลายนิ้วมือของนวิยาปลดล็อก แต่พอคิดดู ถ้าตอนที่ตัวเองลงมือจับมือของนวิยา จู่ๆนวิยาตื่นมาก็คงแย่แล้ว

ดังนั้นเธอได้แต่ยื่นโทรศัพท์ไปเลย ให้โทรศัพท์ไปแตะลายนิ้วมือของนวิยา

ดีที่มือของนวิยากำลังผ่อนคลาย นิ้วทั้งห้าคลายออก ไม่ได้กำไว้ ไม่งั้น เธอก็ทำได้แค่เสี่ยงจริงๆ ที่จะจับมือของนวิยา

วารุณีเอาโทรศัพท์แนบบนนิ้วโป้งซ้ายของนวิยา โทรศัพท์ก็สั่นเบาๆ

วารุณีคิดว่าถูกปลดล็อกแล้ว จึงรีบหยิบโทรศัพท์มาดูตรงหน้า ปรากฏว่าขึ้นว่าลายนิ้วมือผิด ก็ทำให้เธอผิดหวังอย่างมากทันที

แต่แป๊บเดียว วารุณีก็ร่าเริงขึ้นอีกครั้ง ยื่นโทรศัพท์ไปทางนิ้วโป้งขวาของนวิยา

บันทึกลายนิ้วมือของคนทั่วไป ต่างใช้นิ้วโป้งบันทึก ดังนั้นไม่นิ้วขวา ก็นิ้วซ้าย

ตามที่คาดการณ์ไว้ ครั้งนี้ โทรศัพท์ปลดล็อกแล้ว

วารุณีดีใจจนเกือบร้องออกมา

ดีที่สติของเธอดึงเธอกลับมาจากความหุนหันพลันแล่นได้ทันเวลา รีบปิดปากไว้ จึงไม่มีเสียงออกมา ไม่งั้นนวิยาจะตกใจตื่นได้

วารุณีมองโทรศัพท์ที่ปลดล็อกแล้ว ก็สูดหายใจลึกๆ หลังจากระงับความตื่นเต้นในใจแล้ว ก็รีบลุกขึ้น หันกลับเดินไปด้านนอก

เธอต้องโทรศัพท์ เธอรอแทบไม่ไหว อยากจะติดต่อกับนัทธี

แป๊บเดียว วารุณีก็ออกจากห้อง ปิดประตูเบาๆ

หลังจากประตูปิดลง เธอก็ไม่ระมัดระวังตัวอีก หันกลับรีบเดินไปชั้นบน

พอถึงชั้นสาม วารุณีก็สวมรองเท้าที่เพิ่งถอดตรงขั้นบันได จากนั้นเข้าไปในห้องของตัวเอง ปิดประตู ก้มหน้าลงโทรศัพท์ไป

เธอจำเบอร์ของนัทธีได้เสมอ จำได้แม่นมากๆ

เธอกรอกตัวเลขที่คุ้นเคยพวกนั้นเสร็จ ก็รีบเอาโทรศัพท์ไว้ข้างหู

ได้โปรดล่ะๆ นัทธี คุณต้องรับสายนะ!

ขอร้องล่ะ!

ตอนนี้ที่เธอกังวลที่สุด ก็คือนัทธีเห็นเบอร์ที่ไม่รู้จัก ก็จะตัดสายทิ้ง

อีกด้าน บนเรือสำราญ

นัทธีกำลังประชุม กำลังประชุมวิดีโอคอลกับพวกเจ้าของเกาะส่วนตัวพวกนั้น

ยังไงไปหาวารุณีในเกาะส่วนตัวพวกนี้ เขาก็ต้องติดต่อกับเจ้าของเกาะพวกนี้ ไม่งั้นถ้าไปเกาะเองเลย จะบาดหมางกันได้

ด้านนอกห้องประชุม มารุตกำลังรอนัทธีประชุมเสร็จออกมา มีเรื่องจะรายงาน

ทันใดนั้น โทรศัพท์ในกระเป๋าเขาก็ดังขึ้นมา

มารุตหยิบมาดู มองเห็นเป็นโทรศัพท์ของประธานกำลังร้อง และยังเป็นเบอร์ที่ไม่รู้จักโทรมาอีก คิ้วก็ขมวดแน่น

น่าจะเป็นสายที่โทรมาป่วน

คิดไป มารุตก็เตรียมจะวางสาย

แต่ไม่คิดว่าสุดท้ายนิ้วมือจะกดผิด ที่จริงจะวางสาย ก็คิดไม่ถึงว่าจะไปกดรับสาย

พอโทรติด มารุตอยากจะบอกฝ่ายตรงข้ามว่าโทรผิด แต่ยังไม่ทันพูด เสียงของวารุณีก็เข้ามาจากข้างใน“นัทธี!”

สีหน้ามารุตเปลี่ยนไป ตกใจไปหมด

เสียง……เสียงนี้มัน……

“คุณหญิง?คุณเหรอครับ?”มารุตรีบเอาโทรศัพท์วางไว้ข้างหู ถามอย่างรีบร้อน

เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายใช่คุณหญิงจริงไหม หรือว่าคนอื่นปลอมตัว

แต่ยอมเชื่อทั้งหมด ก็พลาดสิ่งหนึ่งไม่ได้

เพราะก็ไม่มีใครรู้ว่า ถ้าพลาดสิ่งนั้นไป นั่นจะเป็นจริงหรือไม่จริง

“ฉันเอง ผู้ช่วยมารุต ทำไมเป็นคุณล่ะ?นัทธีล่ะ?”วินาทีที่วารุณีได้ยินโทรศัพท์ถูกรับ ก็ดีใจจนเกือบร้องไห้

เธอคิดว่าตัวเองจะได้ยินเสียงของนัทธี คิดไม่ถึงว่าที่ได้ยิน จะเป็นมารุตได้

“ประธานกำลังประชุม คุยกับคนพวกนั้นว่าจะช่วยคุณอย่างไร คุณหญิง คุณมีโทรศัพท์ได้ไงครับ?”มารุตขมวดคิ้ว ถามอย่างหยั่งเชิง

เขายังไม่เชื่อหมดว่าอีกฝ่ายเป็นวารุณี

ดังนั้นประมาทไม่ได้

และคุณหญิงก็ถูกจับไปตั้งนานแล้ว ก็ไม่ได้ติดต่อพวกเขาเลย จะเห็นว่า คุณหญิงถูกกักบริเวณ และไม่มีอุปกรณ์สื่อสารกับโลกภายนอกติดมือเลย

หมายความว่าตอนนี้คุณหญิงมีโทรศัพท์โทรมา น่าสงสัยจริงๆ กลัวว่าเป็นคนของพวกนิรุตติ์ ปลอมตัวเป็นคุณหญิง และอยากกวาดพวกเขาเรียบไม่เหลือด้วย

วารุณีก็ฟังความหยั่งเชิงกับความไม่เชื่อใจในน้ำเสียงของมารุตออก จึงรู้ว่ามารุตไม่เชื่อว่าตัวเองเป็นวารุณีเลย

แต่เธอก็ไม่โกรธ และก็ไม่โทษเขา

ตอนนี้ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาสงสัยถูกแล้ว ไม่งั้นก็เป็นไปได้มากว่า จะทำร้ายนัทธี

“โทรศัพท์ไม่ใช่ของฉัน เป็นของนวิยา จู่ๆดวงตาของนวิยาก็มองไม่เห็น ฉันเลยถือโอกาสเอาโทรศัพท์ของเธอมา”วารุณีตอบ

มารุตตกใจ“ตอนนี้คุณหญิงพักอยู่กับนวิยา?”

“ใช่ ไม่ใช่แค่นวิยา แต่ยังมีนิรุตติ์กับคนใช้อีกคน เอาล่ะผู้ช่วยมารุต ฉันไม่พูดกับคุณแล้วนะ คุณเอาโทรศัพท์ให้นัทธีหน่อย ตอนนี้ฉันอยากคุยกับเขามาก”วารุณีพยักหน้า รีบพูด

ตอนนี้เธอแค่อยากฟังเสียงของนัทธี

เธอคิดถึงเขามาก

อย่างไรก็ตามมารุตกลับไม่ตอบ ดันแว่นพูดว่า:“คุณหญิง ถึงแม้เสียงของคุณจะเป็นของคุณหญิงที่ผมรู้จักจริง แต่ผมไม่เห็นคุณ ดังนั้นผมก็ไม่รู้ว่าคุณใช่คุณหญิงจริงหรือไม่ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยแล้ว ผมจำเป็นต้องให้คุณพิสูจน์ตัวตนของตัวเอง กรุณาเข้าใจผมด้วย ผมทำเพื่อความปลอดภัยของประธาน”

ถ้าประธานรู้ ประธานจะต้องรีบไปโดยไม่สนอันตรายแน่

ถ้าไปแล้วพบว่าไม่ใช่เรื่องจริง เป็นกับดักของนิรุตติ์ งั้นก็จบเห่

เขาจำเป็นต้องปกป้องประธาน