บทที่ 657 รออีกหน่อย

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

ดีมาก ดีมากๆ!

ในที่สุดเธอก็ได้โทรศัพท์มาแล้ว!

เธอติดต่อกับโลกภายนอกได้แล้ว สามารถติดต่อนัทธีได้ บอกเขา ว่าเธออยู่นี่

ถึงวารุณีจะดีใจ แต่ก็ไม่เสียสติเพราะความดีใจ

เพราะเธอรู้ว่า ตอนนี้ไม่ใช่เวลาดีใจ ออกไปจากที่นี่ เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ถ้าเดี๋ยวนวิยาออกมา แล้วคนใช้กลับมาแล้ว ก็ไปไม่ได้แล้ว

คิดไป วารุณีก็เอาโทรศัพท์ใส่ไปในกระเป๋าเสื้อผ้า จากนั้นเดินไปที่หน้าประตูอย่างเบาๆต่อ

ตอนที่เดินไปตรงหน้าประตูห้อง เธอก็โล่งใจโดยสิ้นเชิง ทั้งตัวก็ยิ้มเหมือนกับรอดพ้นมาจากความตายได้

แค่ออกไปจากห้อง ก็หมายความว่าไม่เป็นไรแล้ว

จากนั้น วารุณีก็รีบสวมรองเท้าของตัวเอง กลับไปยืนดีๆตรงที่แยกกับคนใช้ในตอนแรก สูดหายใจลึกๆ แกล้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น ใบหน้าเผยรอยยิ้ม

แป๊บเดียว คนใช้โทรศัพท์หานิรุตติ์เสร็จกลับมา มองเห็นวารุณียังอยู่ตรงนี้ ก็โค้งให้อย่างรู้สึกผิด“คุณหญิง ให้คุณรอนานแล้ว”

“ไม่เลย ฉันก็ว่างไม่มีอะไรทำ ดังนั้นไม่เป็นไร คุณติดต่อเขาได้หรือยัง?”วารุณีถามด้วยสายตาเป็นประกายเล็กน้อย

คนใช้พยักหน้า“ติดต่อได้แล้วค่ะ คุณผู้ชายบอกว่าไม่ต้องสนคุณผู้หญิง ดวงตาของคุณผู้หญิงไม่ใช่ครั้งแรกที่เสียการมองเห็น ช่วงนี้จะฟื้นตัวเอง”

“อะไรนะ?ฟื้นตัวได้?”วารุณีประหลาดใจ

คนใช้ตอบอือ“ค่ะ คุณผู้ชายบอกว่าแค่กระจกตาของคุณผู้หญิงมีปัญหา แต่ไม่ได้เสียการมองเห็นโดยสิ้นเชิง ดังนั้นสักพักก็ไม่เป็นไรแล้วค่ะ”

“ที่แท้ก็แบบนี้เอง งั้นยังต้องขังเธออีกไหมคะ?”วารุณีชี้ไปที่ห้องของนวิยา

คนใช้ส่ายหน้า“ไม่ขังแล้ว เพื่อไม้ให้คุณผู้หญิงทำเรื่องอะไรอีกค่ะ”

“โอเค งั้นฉันกลับห้องก่อนนะ”วารุณีละสายตาลง

ตอนนี้เธอรอแทบไม่ไหวอยากจะกลับห้อง โทรหานัทธี

คนใช้พยักหน้า“ค่ะ งั้นคุณหญิงก็รีบพักผ่อน ฉันจะไปดูคุณผู้หญิง”

“อย่าไปเลย!”ตัวของวารุณีตกใจเล็กน้อย รีบหยุดไว้

คนใช้สงสัย ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอไม่ให้ตัวเองเข้าไป

วารุณีถอนหายใจ“คุณไปตอนนี้ไม่ดี ถ้าเธอได้ยินว่านิรุตติ์ไม่ส่งคนมารับเธอไป ให้เธอไปหาหมอ ต้องอาละวาดแน่ ถึงตอนนั้นต้องหาเรื่องอีกแน่ สู้ปล่อยเธอแบบนี้ดีกว่า”

“แต่……”

คนใช้ยังอยากพูดอะไรอีก วารุณีก็ตัดบทเธอ“ไม่มีอะไรแต่ทั้งนั้น ฉันเข้าใจเธอ เธอจะต้องหาเรื่องให้คนนอนไม่หลับแน่ ตอนนี้ฉันอยากพักผ่อน ไม่อยากถูกเธอรบกวน”

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นโอเค ฟังคุณหญิงค่ะ”คนใช้เห็นวารุณีพูดแบบนี้ ก็เลยได้แต่ปล่อยไป

ยังไงจากที่คุณผู้ชายให้ความสำคัญกับคุณหญิงแล้ว คุณผู้ชายจะต้องไม่อยากให้คุณผู้หญิงรบกวนใส่คุณหญิงแน่

งั้นก็เอาตามที่คุณหญิงบอก

ได้ยินคนใช้ฟังตัวเอง วารุณีจึงถอนหายใจเล็กน้อย ใบหน้ากลับไม่แสดงอาการใดๆ ยังคงยิ้มนิ่งๆ“โอเค งั้นพวกเราไปเถอะ อย่าสนเธอเลย ถึงเธอจะโวยวาย พอรู้ว่าพวกเราไม่สนเธอ ยังไงก็ต้องหยุด ถ้าไปสนเธอ เธอก็จะยิ่งโวยวายหนักขึ้น”

“คุณหญิงพูดถูก”คนใช้ก็คล้อยตาม

วารุณียิ้ม ก้าวเท้าขึ้นไปชั้นบน

คนใช้ก็ไม่อยู่ตรงที่เดิมมากนัก หันกลับลงไปชั้นล่าง

ถึงชั้นสาม ยังไม่เข้าห้อง วารุณีก็หยิบโทรศัพท์ออกมาอย่างรอไม่ไหว

แต่พอเปิดหน้าจอแล้ว ความตื่นเต้นบนใบหน้าวารุณีก็หม่นลงทันที แม้แต่ในใจ ก็เหมือนจะถูกคนสาดน้ำเย็นใส่ เย็นถึงขีดสุด

เธอลืมได้ไงเนี่ย!

มันคือยุคของสมาร์ตโฟน โทรศัพท์ล้วนมีแต่ล็อกด้วยลายนิ้วมือกับล็อกด้วยรหัสผ่าน ถึงได้โทรศัพท์มา ปลดล็อกไม่ได้จะมีประโยชน์อะไร?

แจ้งความไหม?

โทรฉุกเฉินน่ะได้ ก็แค่แบบนี้ จะทำให้นิรุตติ์ตื่นตระหนกแน่ เธอไม่เชื่อว่านิรุตติ์อยู่ในแผ่นดินของประเทศนิวซีจะไม่มีลูกน้องสอดแทรก

ดังนั้นถ้าแจ้งความ รอตำรวจรู้ ก็หมายความว่านิรุตติ์ก็จะรู้ ถึงตอนนั้น บางทีนิรุตติ์อาจจะรีบมาทันที แล้วพาเธอย้าย

ดังนั้นแจ้งความไม่ได้ ได้แต่คิดหาทางปลดล็อก ติดต่อนัทธี

แต่จะใช้วิธีไหนปลดล็อกล่ะ?

วารุณีกัดริมฝีปากมองซ้ายมองขวา เห็นกระถางดอกไม้ตรงปลายทางเดิน ก็หรี่ตาลง

เมื่อคืนเธอใช้แจกันดอกไม้ทำร้ายนิรุตติ์จนเจ็บ เกือบทำให้นิรุตติ์หมดสติ

งั้นเธอก็ทำให้นวิยาสลบได้ แล้วปลดล็อกลายนิ้วมือของนวิยา

ดวงตาวารุณีเป็นประกาย คิดว่าวิธีนี้ได้ผล

แต่แป๊บหนึ่งคิดอะไรได้ ก็ปฏิเสธไปอีก

ทำนวิยาจนสลบไม่ได้

ที่นี่มีแค่เธอ นวิยากับคนใช้แค่สามคน

คนใช้ไม่มีทางทำร้ายนวิยาจนสลบแน่ ได้แต่ขังนวิยาไว้ ดังนั้นถ้านวิยาฟื้นมา อย่างแรกที่คิดได้ ก็คือเธอเป็นคนทำเธอสลบ

และอาจจะคิดอีกว่าเธอทำสลบแล้วจะทำอะไร

ถึงตอนนั้น ก็จะทำให้นิรุตติ์ตื่นตระหนกเช่นกัน ดังนั้นก็จะได้ไม่คุ้มเสีย

ดังนั้นได้แต่คิดทางอื่น

สรุปจะเอาทางไหนดี?

ตอนที่วารุณีกำลังคิดนั้น ด้านล่างก็มีเสียงตะโกนดังๆของนวิยา:“เมโรนา คุณไปตายที่ไหนเนี่ย ติดต่อนิรุตติ์ได้ยัง?”

วารุณีจับโทรศัพท์แน่น

อย่างที่คิดไว้เลย นวิยารอการตอบกลับของคนใช้ไม่ได้ เริ่มโวยวายแล้ว

ตอนนี้ก็ดูว่าคนใช้จะฟังคำพูดที่เธอเพิ่งพูดไปไหม

ถ้าคนใช้ฟัง นวิยาก็จะโวยวายไม่สำเร็จ

ถ้าคนใช้ไม่ฟัง งั้นคนใช้ก็จะไปหานวิยาที่ห้องนวิยา

ถึงตอนนั้น ไม่แน่นวิยาก็อาจติดต่อนิรุตติ์เอง แล้วให้คนใช้หาโทรศัพท์

ถ้าเป็นแบบนั้น ไม่เห็นโทรศัพท์นวิยา ก็เป็นไปได้ว่านวิยากับคนใช้จะร่วมกันคิดได้ว่า โทรศัพท์ถูกเธอเอาไป

พอคิดแบบนี้ ร่างของวารุณีก็แข็งทื่อ ในใจนั้นกังวลมาก

กังวลว่าคนใช้จะไปดูนวิยาหรือไม่

เพื่อยืนยันเรื่องนี้ เธอจึงเดินไปนั่งที่บันไดชั้นสาม สังเกตการเคลื่อนไหวของชั้นหนึ่งเงียบๆ อยากดูว่าคนใช้จะไปหานวิยาที่ชั้นสองไหม

แต่โชคดีคือ วารุณีรอไปประมาณห้านาที ไม่ว่านวิยาจะตะโกนจะร้องไห้อย่างไร คนใช้ก็ไม่ขึ้นไป

จะเห็นว่า คนใช้ฟังที่เธอพูด ไม่ไปสนใจนวิยา

“ดีจัง!”วารุณีกำมือทั้งสองข้างไว้แน่น ยิ้มอย่างตื่นเต้น

ดีที่เธอมองการณ์ไกลในตอนแรก ถึงได้บอกสิ่งนี้ไปล่วงหน้ากับคนใช้

ไม่อย่างนั้น ตอนนี้นวิยาก็รู้แล้วว่าโทรศัพท์ไม่อยู่

วารุณีมองโทรศัพท์ ริมฝีปากสีแดงเม้มแน่น

ไม่ว่าอย่างไร โทรศัพท์นี้ เธอให้ใครเห็นหรือเอาไปไม่ได้ นี่คือเครื่องช่วยชีวิตเพียงอย่างเดียวของเธอ

ตอนนี้เธอก็รอ รอนวิยาหยุดลง ไม่โวยวายอีก หลังจากหลับแล้ว เธอก็แอบเข้าห้องของนวิยา ใช้ลายนิ้วมือของนวิยาปลดล็อก

แค่หวังว่านวิยาจะไม่ตื่นทั้งคืน หรือฟื้นฟูการมองเห็นได้เร็วเกินไป ไม่งั้นเธอก็รอไปเปล่าประโยชน์

ดังนั้นวารุณีจึงนั่งรอตรงขั้นบันไดตลอด ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ผ่านไปสองชั่วโมง

อาจจะเหนื่อย ในที่สุดนวิยาก็หยุดลง ไม่ตะโกนเสียงดังด่าว่าเสียงดังและโยนสิ่งของเหมือนคนบ้าแล้ว

งั้นต่อไป นวิยาก็น่าจะนอนแล้วสินะ

รออีกหน่อย รออีกหน่อยก็ได้แล้ว……

วารุณีบอกตัวเองในใจแบบนี้ ถึงแม้รอตรงนี้จะหนาวแค่ไหน ปวดก้นแค่ไหน เธอก็ต้องรอ!

การรอนี้ รอถึงสามชั่วโมง

วารุณีมองโทรศัพท์แวบหนึ่ง เวลาบนโทรศัพท์โชว์ว่าตีสองแล้ว

นวิยาน่าจะนอนแล้วสินะ?

ด้วยความคิดเช่นนี้ วารุณีจึงตัดสินใจไม่ไปดู

เธอยืนขึ้นมา ถูก้นเล็กน้อยที่เจ็บจากการนั่งนานเกินไป จากนั้นถอดรองเท้าอีกครั้ง เดินเท้าเปล่าเหยียบขั้นบันไดที่เย็นเฉียบลงไป