ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยได้ยินว่านวิยารับการฝึกอบรมอะไร ดูเหมือนหลายเดือนนี้ จะเริ่มตอนอยู่ข้างกายนิรุตติ์
วารุณีเก็บความคิดไว้ในใจ พยักหน้า“ฉันรู้แล้ว ฉันจะไม่อยู่ห่างคุณ”
“งั้นก็ดี”คนใช้วางใจ
จากนั้น ทั้งสองก็มาที่ด้านนอกประตูห้องนวิยา
วารุณีมองคนใช้หยิบกุญแจดอกหนึ่งออกมาจากกระเป๋า สายตาก็หม่นลงทันที
ประตูห้องนี้ เป็นคนใช้ที่ล็อกไว้จริง เธออยากเข้าไป ก็ได้แต่เอามาจากคนใช้
แต่คนใช้ไม่ให้เธอใกล้ชิดนวิยาขนาดนั้น ก็ต้องไม่ให้กุญแจเธอแน่ บางทีตอนที่เธอจะพูด คนใช้ก็อาจสงสัยจุดประสงค์เธอแล้ว
วารุณีไม่พูดจา ได้แต่มองคนใช้เปิดประตูห้อง
ประตูเปิดออก ทั้งสองจึงเข้าไป
ไฟในห้องเปิดอยู่ นวิยากำลังนั่งที่พื้น พื้นรอบๆเละเทะ เสื้อผ้าเอย หมอนเอย ล้วนกระจัดกระจายเต็มไปหมด แม้แต่ตัวเธอเอง ก็เละ หน้าผากก็เป็นสีแดง
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?ใครทำเธอ?
“คุณผู้หญิง คุณเป็นอะไร?”คนใช้ถาม
วารุณียืนอยู่หลังเธอไม่พูดจา ได้แต่จ้องนวิยา
ไม่รู้ว่ารู้สึกผิดไปเองไหม ทำไมเธอรู้สึกว่านวิยาดูผิดปกติไปหน่อย?สภาพดูตะลึงงัน
“เร็ว ติดต่อนิรุตติ์ ให้เขาส่งเฮลิคอปเตอร์มา ส่งฉันไปโรงพยาบาล!”นวิยายันพื้นยืนขึ้นมา
ตอนที่ยืน ก็เหยียบไปตรงเสื้อผ้าที่พื้นข้างๆ
จากนั้นนวิยาก็ล้มลงไปที่พื้น ภายใต้การมองของวารุณี
ฉากนี้ ทำเอาวารุณีตะลึง!
ไม่มั้ง เสื้อผ้าที่พื้น เธอไม่เห็นเหรอ?จู่ๆก็ไปเหยียบได้ จากนั้นก็สะดุดล้ม
อย่าว่าแต่วารุณีเลย แม้แต่คนใช้ข้างๆก็ตะลึง
เคยเห็นคนโง่ แต่ไม่เคยเห็นโง่ขนาดนี้!
“คุณผู้หญิง คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”คนใช้เข้าไปถาม
มือสองข้างของนวิยายื่นไปที่พื้น คลำอยู่บนพื้น แน่ใจว่าด้านข้างไม่มีสิ่งของแล้ว จึงยืนขึ้นมา
“ฉันไม่เป็นไร คุณรีบไปติดต่อนิรุตติ์ ได้ยินไหม รีบติดต่อ!”นวิยากำมือสองข้างแน่น พูดเร่งอย่างรีบร้อน
ภาพที่เธอเพิ่งยื่นมือไปคลำที่พื้น เห็นโดยวารุณีกับคนใช้
สีหน้าวารุณีตกใจอย่างมาก ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ตัวเองรู้
นวิยา ตาบอดแล้ว!
สภาพนวิยาเมื่อกี๊ เป็นคนตาบอดชัดๆ
ไม่น่าล่ะเธอเพิ่งรู้สึกว่านวิยาดูผิดปกติไปตรงไหน แต่พูดไม่ออก ตอนนี้เธอจึงรู้ว่า ที่แท้สายตาก็ผิดปกติ
ถึงแม้ดวงตาของนวิยาจะเบิกโต แต่รูม่านตากลับขยายไร้จุดโฟกัส
หมายความว่า นั่นเป็นสายตาที่มองไม่เห็นสิ่งของ ถึงจะปรากฏออกมา
หลักฐานที่ตรงที่สุด ก็คือหลังจากที่เธอและคนใช้เข้ามา ถึงแม้นวิยามองมาทางที่พวกเธอเข้ามา แต่การแสดงออกกลับไม่เปลี่ยนไปมาก
ต้องรู้ว่าจากความเกลียดที่นวิยามีต่อตัวเองนั้น ถ้าเห็นเธอเข้ามา การตอบสนองของนวิยาจะต้องใหญ่โตแน่ ไม่มีทางที่จะไร้การตอบสนองใดๆ
แต่นวิยาไม่มีการตอบสนอง ดังนั้นจากตรงนี้จะเห็นว่า นวิยามองไม่เห็น ไม่รู้ว่าเธอมา
คิดว่าที่มา มีแค่คนใช้คนเดียว
คนใช้ก็มองออกว่าดวงตานวิยาผิดปกติ ถามหยั่งเชิงไปว่า:“คุณผู้หญิง ดวงตาของคุณได้……”
“ได้?ฉันให้เธอไปโทรศัพท์ เธอโทรยัง!”นวิยาทำตัวร้อนตัว ถูกกระตุ้นอย่างหนัก ตะโกนไปที่คนใช้ด้วยสีหน้าร้ายกาจ
และตำแหน่งที่คนใช้ยืนอยู่ เป็นทางซ้ายของเธอ แต่นวิยากลับตะโกนไปทางด้านขวา
เห็นได้ชัดเจนว่า นวิยาตาบอดมองไม่เห็นจริง
ในใจของคนใช้หม่นลง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรนวิยาถึงได้มองไม่เห็นกะทันหัน
แต่ยังไงคนก็เกิดปัญหาภายใต้การกักขังของเธอ เธอต้องรับผิดชอบ
“ฉันเข้าใจแล้วคุณผู้หญิง ฉันจะไปติดต่อคุณผู้ชาย คุณผู้หญิงรอก่อนนะคะ”พูดจบ คนใช้ก็เดินไปที่ประตู
วารุณีเลิกคิ้วขึ้น
นวิยาไม่ได้ให้โทรศัพท์คนใช้ ดูเหมือนคนใช้ก็มีโทรศัพท์ของตัวเอง
คนใช้ออกไปจากห้อง วารุณีก็ตามไปด้วย
คนใช้พูดกับวารุณี:“คุณหญิง คุณกลับห้องไปพักผ่อนก่อนดีกว่า เรื่องนี้ฉันจะจัดการอย่างดี”
“ไม่เป็นไร ตอนนี้ฉันไม่ง่วง ฉันจะช่วยคุณเฝ้าดูเธอตรงนี้ ถ้าเธอเสแสร้งล่ะ”วารุณีละสายตาลง ปกปิดความหมายอันล้ำลึกในดวงตาแล้วพูด
คนใช้ประหลาดใจ“เสแสร้ง?”
“อือ เธอเคยทำ ก่อนหน้านี้เธอเคยแกล้งฆ่าตัวตาย เลยแกล้งตาบอด หนีการจับกุมของคุณ ก็ไม่ใช่จะเป็นไปไม่ได้”วารุณียักไหล่ตอบไป
คนใช้จับคางอย่างคิดพิจารณา
วารุณีหัวเราะ“ฉันก็แค่พูดเฉยๆ สรุปว่าเสแสร้งไหมฉันไม่รู้หรอก แต่ระวังหน่อยก็ดี”
“คุณพูดถูก งั้นก็รบกวนคุณหญิงด้วย ฉันโทรศัพท์เสร็จจะขึ้นมาทันที”คนใช้โค้งให้วารุณีอย่างขอบคุณ
วารุณีส่ายมือ“ไม่เป็นไร ยังไงฉันก็ว่าง ที่สำคัญคือ ฉันไม่ถูกกับเธอ ฉันคิดว่าเธอเสแสร้ง แบบนี้ เธอก็จะมีเหตุผลใช้ข้ออ้างตาบอดออกไป โอเค คุณไปโทรศัพท์เถอะ ฉันจะเฝ้าเธอด้านนอกประตู ไม่เข้าไป แบบนี้ ไม่ว่าเธอจะเสแสร้งหรือไม่ ก็ไม่กระตุ้นเธอ”
“ค่ะ ขอบคุณมากค่ะคุณหญิง!”คนใช้พูดจบ ก็ลงไป
มองแผ่นหลังของเธอหายไปจากบันได รอยยิ้มบางๆบนใบหน้าวารุณีก็หม่นลง แทนที่ด้วย ความกังวลจางๆ
ตอนที่คนใช้ออกไปจากห้อง ก็ไม่ได้ปิดประตูห้องของนวิยา และตอนที่อยู่หน้าห้องเมื่อกี๊ เธอเห็นโทรศัพท์ของนวิยา อยู่ตรงใต้เตียง
น่าจะเป็นนวิยาที่จู่ๆก็ตาบอด ตื่นตระหนกจนทำโทรศัพท์ร่วง ตกอยู่ใต้เตียง
แต่นวิยามองไม่เห็น ดังนั้นหาโทรศัพท์ไม่เจอ จึงเริ่มหาโทรศัพท์ทั่วเตียง เอาของบนเตียงทิ้งลงพื้น แต่ถึงแบบนี้ ก็ยังหาโทรศัพท์ไม่เจอ
หมดหนทาง นวิยาได้แต่ตะโกนจะออกไป เรียกคนใช้มา ให้คนใช้ติดต่อนิรุตติ์
สรุปคือ ตอนนี้โทรศัพท์ของนวิยาอยู่ใต้เตียง นวิยาก็มองไม่เห็นอีก งั้นเธอแอบเข้าห้องของนวิยา แล้วขโมยโทรศัพท์มาได้ใช่ไหม ?
คิดไป วารุณีก็ใจเต้นแรง เสียงเต้นของหัวใจ เหมือนกำลังตีกลอง ทำให้ในใจทั้งตื่นตระหนกแล้วก็กังวล
ถึงจะเป็นไปได้ที่จะถูกจับได้ แต่ตอนนี้ก็เป็นโอกาสเพียงอย่างเดียวที่เธอจะได้โทรศัพท์มา
ไม่ว่าอย่างไร เธอก็อยากลองดู!
วารุณีสูดหายใจลึกๆ กำฝ่ามือไว้ ชัดเจนว่าตัดสินใจได้แล้ว จากนั้นถอดรองท่าที่ขา เดินไปที่ห้องนวิยาเบาๆ
เดินไปถึงหน้าประตู เธอก็ไม่รีบเข้าไป แต่สังเกตสักสองสามวินาที
ข้างในนั้นนวิยามาได้นั่งที่พื้นแล้ว กำลังยื่นมือสองข้าง คลำไปอีกทางหนึ่ง
วารุณีมองตามไป เป็นห้องน้ำ
ดวงตาวารุณีเป็นประกาย
นวิยาไปห้องน้ำ สำหรับเธอแล้ว เป็นเรื่องน่ายินดีอย่างมาก
มองนวิยาเดินคลำไปหน้าประตูห้องน้ำ วารุณีก็ไม่ลังเลอีก หลับตาลง หลังจากให้กำลังใจตัวเองแล้ว ก็เดินเบาๆเข้าไปที่ห้องนวิยา เดินไปที่เตียง
เดินไป เธอก็สังเกตนวิยาไปด้วย อยากดูว่านวิยาแกล้งตาบอดหรือไม่
แต่นวิยากลับเข้าไปในห้องน้ำโดยไม่หันหน้ากลับ วารุณีถอนหายใจเล็กน้อย เร่งฝีเท้าเล็กน้อย
ดีที่ห้องของนวิยาก็ปูพรม วารุณีเดินเบาๆ ไม่กังวลว่าตัวเองเดินจะส่งเสียง ดึงดูดความสนใจของนวิยา
เธอรีบมาที่ข้างเตียง หมอบตัวลงไป ยื่นแขนออกไปใต้เตียง หยิบโทรศัพท์ที่อยู่ไม่ไกลมาไว้ที่มือ
วินาทีที่โทรศัพท์มาอยู่กับมือ วารุณีตื่นเต้นจนเกือบจะร้องไห้ ดีใจจนตัวสั่น