บทที่ 740 ดูด

บทที่ 740 ดูด

แม่ชียุงส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธเมื่อเห็นเหยื่อหลบหนี นางกำลังจะไล่ล่า แต่แปดเดียวดายที่เหลืออยู่ต่างพากันปลดปล่อยทักษะที่ทรงพลังที่สุดของพวกเขาในคราวเดียว

และก่อนหน้านี้นางใช้กำลังของตัวเองบกพร่องไปบ้างทำให้นางไม่สามารถแหวกวงล้อมไปได้ชั่วขณะ

ชิวฮัวเล่ยกระชับอ้อมแขนของนาง และหยุดลงเมื่อโรงเตี๊ยมไม่อยู่ในสายตา “อาซู อาการบาดเจ็บของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” นางถาม

ซูอันส่ายหัวและพูดว่า “ข้าสบายดี ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก”

ขณะที่ชายหนุ่มพูดเช่นนี้ เขาก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้

เล็บของผู้หญิงคนนั้นช่างน่ากลัวจริง ๆ ทำไมความเจ็บปวดจึงเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ?

“อาการบาดเจ็บของเจ้าร้ายแรงมาก เจ้าจะบอกว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ได้อย่างไร?”

ชิวฮัวเล่ยตรวจสอบบาดแผลของเขาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก “เล็บของนางมีพิษ!”

ชิวฮัวเล่ยร้องไห้ขณะที่เห็นบาดแผลที่เปื้อนเลือดและรอยช้ำสีม่วงดำรอบ ๆ บาดแผลของเขา “มันเป็นความผิดของข้า เจ้าจะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ถ้าไม่ใช่เพราะข้า!”

“เด็กโง่ ข้าสามารถรักษาดอกไม้อันล้ำค่าเช่นเจ้าด้วยการบาดเจ็บเล็กน้อยเพียงเท่านี้มันก็ถือว่าคุ้มเกินคุ้มกับการเสียสละแล้ว! ทำไมเจ้าต้องร้องไห้?” ซูอันอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาที่เปื้อนแก้มของนาง

ชิวฮัวเล่ยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ แล้วตีเขาเบา ๆ “เจ้าไม่เห็นเหรอว่าเราอยู่ในสถานการณ์แบบไหน? แต่เจ้าก็ยังล้อเล่นอยู่ได้”

ทันทีหลังจากนั้น นางพูดอย่างประหม่า “เราต้องจัดการกับพิษในบาดแผลของเจ้าโดยเร็ว ไม่อย่างนั้นจะมีปัญหา”

“เราจะรักษามันอย่างไร?” ซูอันสงสัยว่าวิชาปฐมบทแรกเริ่มมีพลังในการล้างพิษด้วยหรือไม่

“อย่าขยับ” ชิวฮัวเล่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนแล้วนั่งลงข้างหลังซูอัน ริมฝีปากสีแดงของนางประทับเบา ๆ ที่บาดแผลของเขา และนางก็ดูดพิษออกมา

“เจ้าทำอะไร!?” ซูอันตกใจ น่าแปลกที่เขารู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องนี้เล็กน้อย

“อย่าขยับ” ชิวฮัวเล่ยพึมพำ ในขณะเดียวกันมัดผมก็ร่วงลงมาที่แก้มของนาง

ซูอันยืดตัวโดยไม่รู้ตัว บริเวณโดยรอบเงียบสงัด เงียบจนได้ยินเพียงเสียงลมหายใจอันแผ่วเบาของทั้งสองคนเท่านั้น

เขาได้กลิ่นผมของนางจาง ๆ เช่นเดียวกับกลิ่นหอมอันละเอียดอ่อนของหญิงสาวคนหนึ่ง แน่นอนว่าสิ่งที่เขาสัมผัสได้อย่างใกล้ชิดที่สุดคือริมฝีปากที่อ่อนนุ่มและลิ้นที่ยืดหยุ่นของนาง…

ใจเย็น ๆ ใจเย็น ๆ!

ทั้งสองคนนั่งเงียบ ๆ พิงกันและกัน ขณะที่ชิวฮัวเล่ยดูดเลือดที่เป็นพิษและถ่มน้ำลายออกมาทีละคำ

หลังจากนาทีที่ดูเหมือนชั่วนิรันดร์ ในที่สุดชิวฮัวเล่ยก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในที่สุดสีของบาดแผลก็กลับมาเป็นสีแดงตามปกติ “ข้าได้ดูดเลือดที่เป็นพิษออกไปเกือบทั้งหมดแล้ว โชคดีที่พิษในเล็บของแม่ชียุงไม่รุนแรงนัก”

ขณะที่พูด ชิวฮัวเล่ยก็หยิบขวดยาออกมาและให้ยาเม็ดหนึ่งแก่เขา นางฉีกกระโปรงของตัวเองออกมาพันแผลให้เขา

ซูอันยื่นขวดยาให้นาง “สิ่งนี้จะช่วยล้างพิษบางชนิดได้ กลั้วปากของเจ้าแล้วบ้วนออกมา อย่าให้พิษซึมเข้าร่างกายเจ้าไปด้วย”

ชิวฮัวเล่ยไม่ได้ปฏิเสธและดื่มยาลงไป

นางแปลกใจที่เขาหยิบยาขวดนี้ขึ้นมาจากอากาศ แต่ไม่นานก็ให้เหตุผลว่าเขาอาจมีอุปกรณ์เก็บของเชิงมิติ นางไม่ได้ถามอะไรออกไปเนื่องจากสิ่งเหล่านี้มักเป็นความลับที่ใครก็ไม่ต้องการจะพูดถึง

“ขอบคุณเจ้ามาก” ซูอันกล่าวอย่างจริงใจ

“เจ้าขอบคุณข้าเรื่องอะไร? เจ้าเป็นคนช่วยชีวิตข้าเอาไว้” ชิวฮัวเล่ยยิ้ม เมื่อเทียบกับรอยยิ้มที่ฝึกฝนมาอย่างดีที่นางมักจะแสดงให้คนอื่นเห็น รอยยิ้มของนางในตอนนี้ดูอบอุ่นและออกมาจากใจจริง

“เจ้าก็ช่วยชีวิตข้าด้วยเหมือนกัน” ซูอันก็ยิ้มเช่นกัน “ถ้าเจ้าไม่ดูดพิษออกจากบาดแผล ข้าคงจะตายไปแล้ว”

ชิวฮัวเล่ยเหม่อลอยไปชั่วขณะ แม้ผู้ชายคนนี้มักจะชอบพูดจาไร้สาระ แต่จริง ๆ แล้วเขามีด้านที่อ่อนโยน

เขากังวลว่าข้าจะรู้สึกผิด และพูดเช่นนี้เพื่อปลอบโยนข้า

แน่นอนว่าสำหรับซูอัน แม้จะไม่มีนาง พิษนี้อาจจะทำให้เขาต้องทุกข์ทนอยู่บ้างแต่มันไม่มีทางทำให้เขาตายอย่างแน่นอน…

ขณะที่นางกำลังดูซูอันอยู่ ซูอันก็มองนางเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งริมฝีปากสีแดงสดของนาง เขานึกถึงวิธีที่นางใช้ปากดูดบาดแผลให้เขา

ทุกครั้งที่นางประทับริมฝีปากลงไปที่บาดแผล มันรู้สึกราวกับว่ามีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างกายของตัวเองเล็กน้อย ความรู้สึกเสียวซ่านนั้นช่างเหลือเชื่อ ราวกับว่าทุกอณูในร่างกายของเขาตื่นเต้นกับการสัมผัสของนาง

ถ้านางดูดบาดแผลแล้วรู้สึกดีขนาดนี้ ข้าสงสัยว่าจะรู้สึกอย่างไรถ้านางดูดแบบนี้ที่อื่น…

เขาจ้องไปที่ริมฝีปากสีแดงที่สวยงามของนางแล้วกลืนน้ำลายลงคอ มันเป็นการเคลื่อนไหวเล็กน้อย แต่เสียงของมันกลับดังเด่นชัดจากความเงียบของสภาพแวดล้อม

เอื๊อก!!!

ซูอันเงยหน้าขึ้นมองชิวฮัวเล่ยและดวงตาของพวกเขาก็สบกัน

ใบหน้าของชิวฮัวเล่ยเปลี่ยนเป็นสีแดง “ทะลึ่ง!”

นางหันหน้าหนีด้วยความเขินอาย

ซูอันไม่อยากจะเชื่อ เขาร้องออกมาด้วยความอยุติธรรมทันทีว่า “ข้าเป็นคนทะลึ่งเพียงเพราะข้ากลืนน้ำลายงั้นเหรอ? เจ้าเข้าใจข้าผิดแล้ว!”

ชิวฮัวเล่ยพ่นลม “เจ้ารู้ตัวเองดีว่าเรื่องไร้สาระประเภทไหนอยู่ในหัวเจ้า!”

ซูอันมองนางอย่างพูดไม่ออก

ผู้หญิงคนนี้ใช้ชีวิตมานานในหอสุขนิรันดร์ ดังนั้นนางคงรู้ทันความคิดข้าไม่ยาก

แต่ถ้าเจ้าโกรธ คะแนนความโกรธแค้นของข้าอยู่ที่ไหน?

“ฮะ…ๆๆๆ”

ทันใดนั้น เสียงหัวเราะที่ต่ำและน่าสะพรึงกลัวก็ลอยมาที่พวกเขา

ทั้งสองคนเริ่มตื่นตระหนก บรรยากาศที่คลุมเครือระหว่างพวกเขาหายไปในทันที

“โอ้ ดูสิ พวกเจ้าสองคนไม่กลัวตายกันขนาดนี้เลย! พวกเจ้าควรจะวิ่งหนีเอาชีวิตรอด แต่กลับมานั่งนิ่ง ๆ พูดจาไร้สาระกันอยู่แถวนี้ซะได้”

เสียงที่คุ้นเคยของแม่ชียุงก้องไปทั่วที่โล่ง ตอนแรกดูเหมือนมันจะมาจากที่ไกล ๆ แต่พอจบประโยค นางดูเหมือนอยู่ข้างๆ พวกเขาเลย

ทันใดนั้น ทั้งสองก็เงยหน้าขึ้น และสังเกตเห็นผู้หญิงคนหนึ่งในชุดอาภรณ์เต๋าสีเหลืองยืนอยู่บนยอดไม้ใกล้ ๆ กิ่งไม้นั้นค่อนข้างบาง มันไม่ควรจะสามารถรองรับน้ำหนักของมนุษย์ได้ แม้แต่ผู้หญิงที่ตัวเล็ก ๆ ก็ตาม

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าแม่ชียุงไม่ได้มีน้ำหนักอะไรเลย เท้าของนางเหยียบอยู่บนกิ่งไม้อย่างสง่างาม ร่างของนางไหวไปตามลมอย่างเป็นธรรมชาติ

ชิวฮัวเล่ยตกตะลึง “แล้วสหายของข้าล่ะ? เจ้าฆ่าพวกเขาทั้งหมดไปแล้วเหรอ?”

แม่ชียุงพ่นลมหายใจ “มันก็ไม่ได้ลำบากมากนักที่ข้าจะจัดการกันพวกมันออกไป”

นางรู้สึกร้อนรุ่มบนใบหน้า แม้ว่าผู้บ่มเพาะสำนักมารจะอ่อนแอกว่า แต่พวกเขาก็มีทักษะเฉพาะตัว เมื่อพวกเขาร่วมมือกัน มันค่อนข้างยากที่จะกำจัดพวกเขาออกไป นางต้องรีบจับซูอันและชิวฮัวเล่ย ดังนั้นนางจึงไม่ได้เผชิญหน้ากับพวกเขาโดยตรง แต่ทิ้งร่างปลอมไว้เพื่อหันเหความสนใจแทน ในขณะที่ไล่ตามทั้งสองคนมาที่นี่

ร่างเดิมของนางคือยุงสีดำ ซึ่งบินได้อย่างดีเยี่ยมโดยธรรมชาติ ในแง่ของความเร็ว นางเร็วกว่ามนุษย์ในระดับเดียวกัน นับประสาอะไรกับคนที่อ่อนแอกว่านางมากเช่นซูอันและชิวฮัวเล่ย

นางไวต่อกลิ่นเลือดมาก แม้ว่ารอยเลือดที่พวกเขาทิ้งไว้เบื้องหลังจะเลือนลาง แต่ก็ไม่พ้นประสาทสัมผัสของนาง

นี่คือเหตุผลที่นางตามทันพวกเขาได้ง่ายแม้ว่าทั้งสองคนจะวิ่งหนีมาไกลพอสมควรแล้ว